Skip to main content

บ้านดาวรักดิน บ้านของนักเขียน ตอนจบ : สวนของแสงดาว

คอลัมน์/ชุมชน

แสงดาวอยู่กับดินจริงๆ ไม่เชื่อไปดูเถอะเพราะแม้แต่เตียงนอนของแสงดาวก็ยังสร้างขึ้นด้วยดิน ข้าวปลาอาหารหาเอาได้จากข้างบ้าน บ้านของแกเป็นทุ่งนากว้าง ผักบุ้งตามนาหาได้และหน้าบ้านมีสระกว้าง มีปลาหลายชนิด ถ้าเพื่อนไปก็จะจับปลาขึ้นมาทำกิน แต่ถ้าแสงดาวอยู่คนเดียวแกก็หญ้ากินผักเอาแถวนั้น


 


ที่ว่ากันผักกินหญ้านี้เป็นจริง แสงดาวเป็นคนดูแลสุขภาพอย่างดีเมื่ออยู่ที่บ้าน แกกินข้าวกล้อง ปลา น้ำพริก และผัก รอบบ้านของแสงดาวเป็นสวนที่กินได้


 


หากใครชอบผักก็ไปเด็ดเก็บเอาได้ ไม่ว่าจะเป็นผักแกล้มพวกผักชี ยี่หร่า สะระแหน่ ถั่ว มะเขือ ตำลึง ไม้ธรรมชาติที่ขึ้นเอง เช่น ถิน หน่อไม้ ดอกแค ดอกโสน


 


ใครไปบ้านแสงดาวก็จะเอาเมล็ดพันธ์  เอาต้นไม้มาฝาก บางคนก็ปลูกให้เลย  ไม้ดอกก็มีอยู่มากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นต้นไม้เพื่อนให้มาและปลูกให้เทวดาเลี้ยง นั่นคือปลูกไปตามวิถีแห่งธรรมชาติ ดังนั้นบ้านจึงดูจะรก ๆ


 


รั่วรอบขอบชิดสำหรับบ้านนี้ไม่มี


 


"อ้ายไม่ทำรั้ว ใครจะเข้ามาเก็บผักเก็บหญ้า หาปูนาทุ่งนา หากินได้ ให้ผักหญ้าที่ขึ้นในนาเป็นของหน้าหมู่บ้าง"


 


"ของหน้าหมู่" ที่อ้ายแสงดาวว่าคือของที่ถือว่าเป็นของส่วนรวมได้ เช่นไข่มดแดงที่ต้นไม้ หรือพืชผักที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่นขี้เหล็กป่า เมื่อเก่าก่อนมีของหน้าหมู่มากมาย เดินเข้าป่าเก็บผักเก็บกินพวกผักที่เป็นของหน้าหมู่กินได้


 


อ้ายแสงดาวเคยพูดว่า ดูชุมชนที่เจริญได้ด้วยการดูของหน้าหมู่


ตัวอย่างที่เห็นชัด ๆ คือสายน้ำที่ใช้ด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่นแม่ปิงเป็นสายน้ำเป็นของส่วนรวม เป็นของหน้าหมู่  แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่เสียแล้ว ทุกอย่างทุกแห่งมีเจ้าของหมด


 


จริงของอ้ายแสงดาว


ฟังอ้ายแสงดาวแล้ว คิดถึงเรื่องสั้นของอัศศิริ ธรรมโชติ เรื่องหนึ่งชื่อว่า เหมือนทะเลมีเจ้าของ ทะเลภูเขามีเจ้าของไปหมดแล้ว


 


ฝนหยุดตกแล้ว ท้องฟ้าเริ่มสว่าง น้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ผ่านอีกปี


ถนนหลายสายในเมืองเชียงใหม่ มีรถถังประดับ มีทหารถือปืน บรรยากาศเปลี่ยนไป วังเวงเศร้า ๆ อย่างไรไม่รู้ แม้ว่าจะบอกว่าไม่มีอะไรมาก แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น…


 


จบบ้านดาวรักดิน