Skip to main content

คิดถึงลูก : ตอนไปรบ

คอลัมน์/ชุมชน

เย ก่อ หระ ก๊อ เลอ เก่อ เจ่อ ปา                   แพ หมื่อ ฮา คา เส่อ ยือ โดะ มะ


โพ หมื่อ โพ ควา แล มา โล ต่า                    ดิ เก่อ เหน่ ต่า กุ บะ กุ เซ โหม่ ป่า บะ ตู่


            โพ หมื่อ เออ โพ ควา เออ               เส่ ญา เน ดะ โหม่ ป่า แอะ นา


            หมื่อ หล่า ต่า อา                           เลอ เนอ พอ โข่   มา เส่อ ปวา ปว่า


            ตือ เนอ โพล่ ถ่อ โหม่ ป่า               โอะ ค๊อ กว่า หล่า เนอ แกละ


                                     


ยามห้าโมงเย็น จักจั่นร่ำร้อง             บอกความอาลัยกลางใจหุบเขา


นึกถึงความฝันและคอยฟังข่าว                     คร่ำครวญเฝ้ารอ ลูกรับกลับมาหวนคืนบ้านดอย


โอ้ลูกรัก เจ้าจะรู้ไหม                     ลูกคือดวงใจ คือแรงแห่งกาย


            คือแรงแห่งใจ                              หวังยังอีกไกล เจ้าจงอุตส่าห์


            สู้และฝ่าฟันให้ถึงจุดหมาย               ปลายทางแห่งฝัน


 


(ตอนที่ 2  เพลงคิดถึงลูก: คำร้อง/ทำนอง/ ขับร้อง: พนา พัฒนาไพรวัลย์ อัลบั้ม: เพลงนกเขาป่า)


 


อีกฟากหนึ่งของลำน้ำเมยและสาละวิน ทางฝั่งตะวันตกของประเทศไทย แต่เป็นทางตะวันออกของประเทศพม่า บรรยากาศเพลงคิดถึงลูกยังคงแว่วลอยผ่าน หมู่บ้านปวาเก่อญอในป่าลึก


 


แม่น้ำเมยยังคงทำหน้าที่ลำเลี้ยงศพป้อนลงสู่สาละวิน  แม่น้ำสาละวินยังรอคอยและกระหายเลือดทหารจากไฟสงคราม


 



 


บ้านไม้ไผ่ทรงปวาเก่อญอหลังคามุงด้วยใบตอง  สุมไฟฟืนจนควันสีขาวลอยลอดทะลุผ่านหลังคาบ้านเป็นสายเส้นยาวขึ้นสู่ท้องฟ้า  เหมือนแจ้งความร้องทุกข์อะไรบางอย่างไปยังสวรรค์  หม้อหุงข้าวถูกตั้งไว้บนหินสามเส้า  แม่บ้านผู้ผ่านฤดูกาลกว่าห้าสิบหนาว  ยิ่งผ่านหนาวมามากเท่าไร ชีวิตยิ่งหนาวขึ้นตามเรื่อยๆ


 


แม่บ้านนั่งมองสามีที่นอนหนาวสั่นเพราะพิษมาลาเรีย 


"กินยา เต่อ สี่ ข่า ซักต้มหนึ่งก็หาย" เขานึกในใจ ถ้าไม่หายจากไข้ก็หายไปจากโลก


 


เย็นนี้เป็นอีกเย็นหนึ่งที่ต้อนรับฤดูหนาวที่ดูเหมือนหนาวกว่าปีที่ผ่านมา  เขายังนั่งกินข้าวกันสองคนกับสามีที่อาการดีขึ้นแล้ว  แต่เขาก็ยังรู้สึกหนาวใจเหมือนความอบอุ่นบางอย่างขาดหายไปในชีวิตเขา


 


ตอนที่เขามีลูกน้อย สามีไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องไปเป็นทหารในแนวหน้า นานทีปีหนกลับมาครั้งหนึ่ง  เหมือนเป็นเพียงแขกมาเยี่ยมบ้าน  สี่ห้าวันก็จากไป  จนบัดนี้เขาแต่งงานครบสามสิบกว่าปี  สามีของเขาได้เกษียณตัวเองมาอยู่บ้าน  พร้อมกับเชื้อมาลาเรียที่ฝังอยู่ในตัวและพร้อมฟื้นกลับมาได้ตลอดเวลา


 


เขาดีใจมากที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับสามีตลอดต่อจากนี้ไป  แม้เป็นเวลาอัสดงแห่งช่วงอายุขัยก็ตาม เขาเฝ้ารอคอยช่วงเวลานี้มานานกว่าสามสิบปีที่จะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในครอบครัว  แต่วันเวลาเช่นนี้เหมือนเป็นเพียงแขกมาเยือนแล้วก็จากไป  เมื่อมีคำถามเกิดขึ้นว่าใครจะทำหน้าที่แทนพ่อในการสืบต่อหน้าที่ของลูกหลานชนเผ่าที่จะปกป้องชนเผ่าจากศัตรูผู้รุกรานและข่มเหง


 


แทนที่ลูกชายของเขาจะได้ใช้ชีวิตปกติ  ทำมาหากินทำไร่ทำนาหรือไปเรียนหนังสือ แต่ลูกชายของเขาต้องไปสู่สนามรบ  แทนที่จะจับจอบทำงานหรือจับดินสอปากกาเขียนหนังสือแต่ต้องจับปืนและยิงปืน  แทนที่จะแบกเมล็ดพันธุ์ไปหว่านดำหรือแบกหนังสือไปเรียนแต่ต้องแบกลูกปืน


 


การปะทะกับศัตรูหนึ่งครั้งคือบททดสอบหนึ่งบท  สอบผ่านคือรอดชีวิต บาดเจ็บก็ต้องซ่อมบาดแผล เสียชีวิตคือสอบตก 


 


 


 



 


เขามองตามลูกชายของเขาสู่สนามรบจนหายลับเข้าไปในป่า  เขาถอนหายใจยาวกว่าสามสิบกว่าปีที่แล้วเมื่อครั้งสามีจากเพื่อไปสู่สนามรบ


 


เขาภาวนาการมาบังเกิดของเสรีภาพและการครองราชย์ของสันติภาพ  นั่นแสดงลูกชายของเขาจะจบจากสนามรบกลับคืนสู่ครอบครัว


 


ท่ามกลางสงครามทุนนิยมโลกาภิวัตน์ที่รบเร้ารุกรานกลืนล้างวัฒนธรรม วิถีชนเผ่าปวาเก่อญอในฝั่งไทย  อีกฟากหนึ่งต้องเผชิญสงครามแห่งการฆ่าฟันชีวิตและเผ่าพันธุ์ปวาเก่อญอโดยไม่มีวันรู้ว่าจะจบสิ้นวันใด


 


แม้ต่างจะเผชิญกับสถานการณ์ของสงครามที่ต่างบริบทกัน แต่สิ่งที่ต้องเผชิญไม่ต่างกันคือสงครามแห่งความคิดถึง …คิดถึงลูก!!!