Skip to main content

Maekong Journey 2: แผ่นดินใหญ่สัญจร

คอลัมน์/ชุมชน

เรื่องราวในฉบับนี้คือ บันทึกการเดินทางในแผ่นดินใหญ่ นั้นคือ ประเทศจีน นั่นเอง


 


ผมมาที่จังหวัดยูนนานเป็นเป้าหมายของการเดินทางมาเมืองจีนในครั้งนี้  มาเมืองจีนต้องขอวีซ่า ไม่เหมือนไปลาว  และเวียดนาม หรือมาเลเซีย ที่ไม่ต้องขอวีซ่า จังหวัดยูนนานมีประชากรทั้งหมดราวๆ ๔๐ ล้านคน มีพื้นที่ทั้งประเทศน่าจะใกล้เคียงกับประเทศไทย  มีการแบ่งเขตการปกครองเป็นระดับไล่ไปตั้งแต่ใหญ่ถึงเล็ก ตั้งแต่ "พรีเฟคเทอร์", "เคาน์ตี้", "ทาวชิฟ" และ "วิลเลจ"   ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็จะประมาณ ระดับ จังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน  ค่าเงินที่นี่ ประมาณ ๕ บาท ต่อ ๑ หยวน ค่าครองชีพใกล้ๆ กับบ้านเราไม่ต่างกันนัก ถ้าไม่ไปภัตตาคารชนิดหรูหรา


 


อากาศที่นี่เย็นตลอดปี ถ้าไปช่วงฤดูหนาวบ้านเรา ที่ยูนนานก็จะหนาวมาก เมืองคุณหมิงเป็นชื่อของเมืองหลวงของจังหวัดยูนนาน


 


อย่างที่ทราบว่าเมืองจีนมีพื้นที่ที่กว้างใหญ่และมีประชากรจำนวนมหาศาล ดังนั้น เมื่อรัฐบาลจีนมีนโยบายเปิดประเทศต้อนรับระบบทุนนิยมอย่างเต็มรูปแบบ ตัวเลขทางเศรษฐกิจและมูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมก็ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยศักยภาพและทรัพยากรที่มีอย่างมากมายเป็นทุนเดิม จึงไม่แปลกที่เมืองจีนในวันนี้จะถูกจับตาจากนานาประเทศในฐานะ "มังกรตัวอ้วน" ที่กำลังผงาดขึ้นมาจากพื้นแผ่นดินฟากฝั่งเอเชีย


 


จำได้ว่าช่วงที่ผมใช้ชีวิตอยู่ประเทศสหรัฐอเมริการาวๆ เกือบสามปีที่แล้ว  สินค้าอุปโภคที่ขายที่นั่นแทบจะเรียกได้ว่า Made in Chinaแทบทั้งนั้น ดังนั้น ก็ไม่ได้แปลกใจเลยว่าการไปยูนนานครั้งนี้จะพบกับความเจริญมั่งคั่งในทุกรูปแบบที่ไม่เหมือนที่เคยอ่านจากหนังสือท่องเที่ยวเมืองจีนที่เขียนไว้เมื่อห้า-หกปีที่แล้ว


 


เพื่อนคนจีนของผมบอกว่า คุณหมิง ถือเป็นเมืองเศรษฐกิจเมืองหนึ่งของประเทศจีน ประชากรถือว่าอยู่ดีกินดีและก็เหมือนกับเมืองใหญ่ๆ ในที่ต่างๆ ทั่วโลกว่า ประชากรจากจังหวัดอื่นๆ ที่เศรษฐกิจด้อยกว่าหรือคนหนุ่มคนสาวในชนบทจะทยอยอพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาตั้งรกรากใหม่ในเมืองแห่งนี้เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี


 


ผมสังเกตเห็นว่าถนนหนทางภายในเมืองนั้นดูกว้างใหญ่ และพร้อมที่จะรองรับจำนวนรถยนต์ได้อีกมาก  ขณะเดียวกันเพื่อนคนจีนคนเดียวกันนี้ กลับบอกว่าแค่นี้ก็พบว่าเกิดปัญหารถติดมากอยู่แล้ว (อืม... ผมคิดว่าผมไม่ควรจะเอามาตรฐานรถติดและถนนที่กรุงเทพมาเปรียบเทียบต่อเมืองนี้) ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ยังสามารถเห็นคนปั่นจักรยานไปมาอีกเป็นจำนวนมากตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยชรา และเค้าก็ปั่นบนถนนที่มีรถราขนาดใหญ่กว่าวิ่งไปมาอยู่นี่แหละครับ ไม่ได้มีทางพิเศษแต่อย่างใด


 


ผมมองเห็นสะพานคนข้ามที่นั่นช่างตอบสนองและเอื้อต่อผู้ขับขี่จักยานเป็นอย่างมาก คือจะมีการราดพื้นเป็นพื้นเรียบขึ้นไป ซึ่งก็สามารถจูงจักรยานข้ามไปมาได้อย่างสะดวก ไม่ต้องแบกขึ้นลงบันได


 


สำหรับภาพรวมของเมืองจีนแล้ว จากปัจจัยการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของประชากร ทำให้พบว่าจังหวัดนี้มีปัญหาทางสังคมเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน ยกตัวอย่าง เช่นพบการสำรวจว่า มีผู้ติดเชื้อ HIV ในจังหวัดนี้มากที่สุดในเมืองจีน จะแตกต่างจากสังคมไทยตรงที่การแพร่ระบาดจะพบในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดมากกว่าเมืองไทยเท่านั้น อีกทั้งช่องว่างระหว่างคนในเมืองกับคนชนบทก็ถ่างออกไปมากขึ้นทุกที


 


ผมเดินเล่นไปเรื่อยๆ ในระหว่างอยู่ที่เมืองคุณหมิง พบว่า มีร้านที่ขายของแฟชั่น เสื้อผ้าสำหรับวัยรุ่น วัยหนุ่มสาวเป็นจำนวนมาก มีการลดแลกแจกแถมกันอย่างเอาเป็นเอาตาย นี่ยังไม่รวมการใช้กลวิธีการดึงดูดลูกค้าที่ส่งเสียงโหวกเหวกอย่างออกรสออกชาติ ผมทำทีไปยืนใกล้ๆ ในบางร้านที่มีการเรียกลูกค้าด้วยวิธีนี้ ก็เพลินดีครับ ด้วยภาษาที่ผมก็ฟังไม่รู้เรื่องมันคล้ายๆ คนทะเลาะกันยังไงไม่รู้  สังเกตว่าบางทีการพูดกันปกติตามรถเมล์หรือที่สาธารณะเค้าก็ตะโกนโหวกเหวก ตอนแรกทำเอาผมตกใจอยู่เหมือนกัน คิดว่าเค้าทะเลาะกัน เห็นแบบนี้ผมก็ได้แต่แอบอมยิ้มอ่ะครับ


 


สำหรับร้านอินเตอร์เน็ต เป็นสิ่งหายากเลยทีเดียวก็ว่าได้ ขนาดที่ว่าผมลงทุนพยายามไปเดินดูตามละแวก


"มหาวิทยาลัยคุณหมิง" ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมีชื่อเสียง ก็ยังหาไม่พบ แต่สิ่งที่พบในละแวกมหาวิทยาลัยแห่งนี้คือบรรยากาศที่น่าเข้ามาศึกษาเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง บวกกับอากาศเย็นสบายทำให้รู้สึกว่าอยากกลับไปเรียนหนังสืออีกครั้ง เห็นเหล่าบรรดานักศึกษานั่งอ่านตำราเรียนคนเดียวบ้าง เป็นกลุ่มบ้าง  บ้างก็จับคู่กัน นั่งหยอกล้อกระหนุงกระหนิง ก็คล้ายๆ กับคนวัยหนุ่มสาวในที่ไหนๆ ทำให้คิดเตลิดเปิดเปิงเลยไปถึงนโยบายการควบคุมการกำเนิดของรัฐบาลจีนที่อนุญาตให้คู่สามีภรรยามีลูกได้แค่เพียงหนึ่งคน


 


ผมสืบรู้ภายหลังว่าจริงๆ แล้วกฎหมายเป็นเช่นนั้นจริง แต่ก็พบว่ามีช่องโหว่ของกฎหมายอีกเป็นจำนวนมากที่ทำให้คนหาทางซิกแซกหลบหลีกกฎหมายข้อนี้ได้ เพราะตามความเชื่อในเรื่องลูกชายลูกสาวของคนจีนก็ยังคงฝังรากลึก ดังนั้น หากจะต้องมีลูกเพียงคนเดียวและหากดันเกิดได้ลูกสาวเป็นลูกคนแรกด้วยละก็เสร็จเลย


 


ประเด็น "ความเป็นผู้หญิง" หรือความเป็นผู้ชายที่นี่ ค่อนข้างกดดันพอๆ กับเมืองไทย ความคาดหวังของสังคม ความคาดหวังของครอบครัวต่อเรื่องนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งบ่มเพาะปัญหาใต้ภูเขาน้ำแข็งหลายอย่าง ซึ่งถ้าเรารู้ไม่เท่าทันอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว อันนี้คิดว่าคนไทยก็ต้องคิดกันต่อให้เท่าทันว่าจะยึดเอาเพศสภาพหรือเพศวิถีมาเป็นสรณะ เพราะคิดว่าเราก็ไม่ได้ดีไปกว่าเค้าซักเท่าไหร่หรอก


 


ผมเดินทางท่องเที่ยวออกไปในนอกเมืองบ้าง พบว่าคนตามชนบทของที่นี่มีวิถีชีวิตที่แตกต่าง  เรียกได้ว่าอย่างสิ้นเชิงกับคนในเมืองที่ผมเพิ่งออกมา  ชาวบ้านจะได้รับการจัดสรรที่ดินให้ประกอบการทำมาหากิน จะไม่มีใครเป็นเจ้าของที่ดินของตัวเองจริงๆ ดังนั้น ชาวนาที่นี่ก็ปลูกผักปลูกไม้ในที่ดินที่รัฐจัดสรรให้ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบทำให้พอมีพออยู่ ถ้าเหลืออาจจะได้แบ่งขาย แต่คงไม่ถึงกับร่ำรวย  แสดงให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างเมืองกับชนบทอย่างที่บอกไว้


 


ผมขอเพิ่มต่อว่า มันเป็นช่องว่างที่ดูเหมือนจะขนานกันไปแบบแนบเนียนและไม่เห็นวี่แววว่าจะมาบรรจบกันได้เลย  ถ้าถามความรู้สึกผม ณ เวลานี้ หรือตอนนั้น ก็คงต้องถามด้วยคำถามที่คลาสสิกที่สุดว่า ค่อยๆทำ และมีความสุขตามวิถี กับ ทำเยอะขึ้น เหนื่อยมากขึ้น มีตังค์เยอะขึ้น และสะดวกสบาย (รึเปล่า) จะเลือกเอาแบบใด


 


มาเมืองจีนทั้งที เรื่องห้องน้ำห้องส้วมเป็นอีกเรื่องที่ต้องพูดถึงกันสักหน่อย ผมอยากให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงดังนี้คือ ห้องน้ำในห้องพักของโรงแรมนั้นจะเป็นแบบชักโครกและมาตรฐาน สำหรับห้องน้ำสาธารณะนั้นจะมีการแยกเพศอยู่แล้ว ถ้าเป็นแบบที่สร้างกันมานานแล้วก็จะดูเก่าและมีกลิ่น ไม่มีประตู เป็นแบบนั่งยองๆ แต่ไม่ได้เป็นสุขภัณฑ์แบบบ้านเรา เค้าก็ใช้วิธีการก่ออิฐถือปูนขึ้นมา และทำเป็นช่องตรงกลางสำหรับนั่งคร่อมได้พอดี ที่ยืนฉี่ก็อยู่ติดกัน เรียกว่า ถ้ามีคนยืนฉี่กะอึพร้อมกัน ก้นของคนฉี่ก็จะขนานกับใบหน้าของคนนั่งอึได้อย่างพอดิบพอดีทีเดียว


 


ห้องน้ำแบบนี้เมื่อเสร็จธุระแล้วเค้าจะไม่นิยมราดน้ำ ดังนั้น รับประกันได้เลยว่าจะไม่มีน้ำสำหรับล้างก้นเด็ดขาด  ดังนั้นก็ต้องเตรียมกระดาษสำหรับเช็ดก้นกันหน่อย ผมเห็นคนนั่งอึก็ไม่ได้อายอะไร  เห็นตูดขาวๆ วับๆ แวมๆ ไม่กล้าไปจ้องมากเดี๋ยวเค้าจะอาย แต่คนที่นั่งอยู่เนี่ยเค้าก็อ่านหนังสือพิมพ์ สูบบุหรี่หรือไม่ก็กดเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือ ก็ไม่ได้ใส่ใจใครเท่าไหร่ แต่กลิ่นนี่สิ เรียกว่า "คละคลุ้ง" เผื่อแผ่ไปทั่วอาณาบริเวณเลยก็ว่าได้


 


สำหรับห้องน้ำสาธารณะตามปั้มก็จะคล้ายๆ กันแบบที่กล่าวไป แต่ระดับความสะอาดหรือสกปรกก็จะมีมากน้อยแล้วแต่  แต่ถ้าได้ย่างสามขุมเข้าไปแล้ว เชิดหน้าเข้าไว้จะดีที่สุด จะได้ไม่เห็นอะไรที่ไม่อยากเห็น  ทำให้คิดต่อไปได้ว่า แม้คนที่นี่จะสูบบุหรี่กันจัดมากๆ เรียกว่าทุกที่ทุกแห่งหนนั้น แต่จริงๆแล้วกลิ่นบุหรี่ก็ดีกว่ากลิ่นในห้องน้ำนะ ผมว่า


 


มีคนเคยบอกว่าพืชผักในเมืองจีนเจริญงอกงามได้เพราะ "อุนจิ" ของคนเหล่านี้นี่แหละ ตอนที่ผมไป พบว่าอาจจะมีบ้างแต่ถือว่ามีน้อยมากแล้วที่ทำอย่างนั้น


 


ผมขอเล่าเรื่องอาหารการกินเป็นบทส่งท้ายของทริปนี้  การดื่มน้ำชาถือเป็นชีวิตจิตใจและพบได้อย่างแพร่หลายของคนที่นี่ สำหรับรสชาติของอาหารที่นี่นั้นจะออกแนวเผ็ดร้อน มากกว่าเผ็ดแสบ เพราะส่วนใหญ่อย่างอาหารประเภทผัด เค้าก็ไม่ได้ใช้พริกสดคลุกเคล้าเหมือนที่บ้านเรา แต่จะเห็นพริกแห้งมาเป็นรูปร่างพริกดิบดีและค่อนข้างมัน  เปรียบเทียบกับอาหารจีนที่ผมไปกินที่เยาวราชนั้น พบว่า รสชาติของอาหารจีนในบ้านเรากลายพันธุ์ไปเยอะมาก ในความรู้สึกผม ผมถือว่าอาหารจีนที่เยาวราชนั้น คืออาหารไทยสัญชาติจีน และอาหารจีนที่ยูนนานนั้นคืออาหารจีนสัญชาติจีนจริงๆ


 


ครั้งหน้าผมจะมาเล่าเกี่ยวกับทริปที่ฮานอยต่อใน Maekong journey : 3 และผมก็ยืนยันเช่นเดิมว่า การเดินทางนั้นมีประโยชน์ไม่ว่าจะต่างประเทศหรือในประเทศ  ยิ่งคนอายุน้อยๆ ยิ่งต้องเดินทางมากๆ


 


สำหรับเพื่อนผองน้องพี่ท่านใดที่อยากได้คำแนะนำเกี่ยวกับเดินทาง แบบประหยัดๆ สามารถส่งอีเมลมาถามได้ครับ ที่วายวีดู ผมคิดว่าจะช่วยแนะนำได้เท่าที่พอจะทำได้


 


ปล.ไปเมืองจีนโดยเฉพาะคุณหมิงควรแลกเงินจากบ้านเราไปเลย เพราะที่สนามบินไม่มีที่แลกเงิน หรือถ้าจะแลกเงินตามธนาคารสาขาย่อยจะต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนเงินบาทจะแลกได้เฉพาะธนาคารสำนักงานใหญ่เท่านั้น