Skip to main content

ยอยศค็อกเทล (นวลๆ หน่อย)

คอลัมน์/ชุมชน

ไม่มีอะไรมากค่ะ บ้านเมืองกำลังอยู่ระหว่างการผลัดเปลี่ยน เสมือนป่าผลัดใบ ต้นอะไรจะเติบโตตามมาก็คงต้องดูกันต่อไป


 


ช่วงนี้ ในประชาไทมีเรื่องดีๆ ให้อ่านมากมาย สุขใจจริงเลยค่ะ ได้รับรู้รับทราบหลายๆ ประเด็น เห็นการถกเถียงเจรจา ระดับฮาร์ดคอร์ก็เพียบ อ่านไประแวงไป พี่จะออกมาขย้ำหนูมั้ยคะ (อิอิ)


 


งั้นมาพักกันหน่อยนะคะ ได้ข่าวว่าจะมีการจัดระเบียบการเสนอเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในสื่อประเภทต่างๆ แหม เฉียดฉิว เพิ่งได้รับโจทย์ให้เขียนบทกวี แม่นแล้ว ฟังไม่ผิด ให้เขียน "บทกวี" เพื่อยอยศค็อกเทล


 


คิดถึงตอนเด็กๆ เคยมีครั้งนึง พ่อมาบอกว่า มีคนเชิญไปประกอบพิธีในงานแต่งงาน เขาเป็นหนุ่มทันสมัยใหม่เสมอ ขี่มอเตอร์ไซค์ สะพายย่าม เล่นกีตาร์ด้วย แต่งกับสาวงามต่างบ้าน นอกจากพิธีกรรมตามประเพณีแล้ว เขาอยากได้หนังสือที่ระลึกในงานแต่งงานเป็นคำกลอน


 


"เอาเป็นคำกลอนอัตชีวประวัติ ตั้งแต่เด็กมาจนพบรักและแต่งงาน" พ่อเล่าคอนเส็ปท์


 


"โห ใครจะไปทำได้" ฉันว่า


 


"เขาให้ค่าเขียน 500 บาทเชียวนะ" พ่อพูดต่อ "รับเงินมาแล้วด้วย"


 


"งั้นตามสบายเลยนะ" ฉันไปเล่นหมากเก็บดีกว่า กำลังฮิต


 


"พ่อรู้ว่าลูกทำได้"


 


"เหอ!" ฉันหยุดเดิน "พ่อว่าอะไรนะ"


 


"ลูกทำได้" พ่อแบ่งเงินใส่อุ้งมือ อุ่นอยู่เลยแหละ ใบแดงตั้งสามใบ "เอาไปเลย 300 ความยาวสัก 1 เล่มสมุดนะ ให้เวลาอาทิตย์นึง อีกสองร้อยเดี๋ยวเอาไปให้แม่…ถ้าลูกไม่เขียนพ่อก็คงเสียคน"


 


"!!!"


 


นั่นเป็นงานเขียนชิ้นแรกในชีวิตที่ทำเงินของฉัน พ่อนี่ร้ายจริงๆ เสียดายที่สมุดจดคำกลอนเล่มต้นฉบับสาบสูญไปกับการย้ายที่อยู่ เหลือแต่ตัวร่างไม่กี่บรรทัดในสมุดอีกเล่ม


 


แต่นึกย้อนกลับไปดู ก็ครึ้มอกครึ้มใจอยู่นะ อะไรจะเพลิดเพลินเท่ากับการเขียนหนังสือแล้วได้สตังค์ เพราะต่อให้ไม่มีสตังค์ เราก็เขียนมันอยู่ดี


 


ฉันใช้เวลากับบทกวียาวที่สุดในชีวิตถึงสามวันเต็มๆ ร่างแรก ร่างสอง ร่างสาม พ่อคอยสนับสนุนข้อมูลเป็นระยะๆ "แทรกมุกตลกด้วย…ตอนท้ายซึ้งๆ หน่อย" ประมาณนี้


 


ยากก็ยาก ง่ายก็ง่าย อาจจะดีแล้วก็ได้ที่มันหายไป เพราะถ้ามาอ่านตอนนี้อาจอายน่าดู เห็นแก่เงิน 300 ก็ทำไปด้ายยย


 


วันนี้ชีวิตกลับสู่ภาวะปกติสุข มีเรื่องสนุกๆ มาให้เขียน บอกก่อนว่าไม่มีสตังค์มาเกี่ยว เหล้านั้นฉันก็ไม่กิน เป็นความเพลิดเพลินส่วนตัวที่ได้ใช้ตัวอักษรเพื่อการสื่อสาร


 


พ่อเคยบอกว่า "บทกวีดีต่อจิตใจ" ใช่เลย ก็หวังว่า เมื่อบทกวีนี้ถึงสายตาผู้อ่าน เขาจะชอบมันพอๆ กับเหล้า อ่า หรือทำให้อารมณ์ละมุนละไม มีรอยยิ้ม มีความขบขัน ไม่ต้องดื่มมากก็สนุกได้ คริคริ


 


เราต่างมีเจตนาแตกต่างกันไป ในสังคมที่อยู่ร่วมกัน ถึงจะมีความเห็นแตกต่าง แต่ก็หวังให้เกิดความสมานฉันท์ (คำฮิตๆ ขอใช้มั่ง) จะดีจะร้าย โลกไม่ได้ดับลงชั่ววันเดียว หรือดีขึ้นทันตาชั่วข้ามคืน ยังมีสิ่งต่างๆ อีกมากที่เราต้องสัมพันธ์กับมัน ยอมรับ หรือจัดการไปตามวาระนั้นๆ


 


ด้วยเหตุฉะนี้ จึงไม่ขอเอ่ยนามสถานที่ซึ่งจะมีบทกวีเหล่านี้ไปประกอบในเมนูเครื่องดื่ม และไม่เกี่ยวกับการโฆษณา แค่ชวนคุณๆ มาลอง "ดื่ม" บทกวีกันเล่น...ให้เย็นใจ


 


เผื่อจะได้แสดงทัศนะกัน "นวลๆ" หน่อย.