Skip to main content

พืชสวนโลก : ในความสว่างนั้นมีความมืด

คอลัมน์/ชุมชน


 


จริงๆ แล้ว ผมเป็นคนที่ไม่ชอบคิดอะไรที่ซับซ้อนยุ่งยาก...


แต่ชอบมองดูหลายสิ่งหลายอย่างรอบตัวด้วยความรู้สึกที่ธรรมดาๆ และเป็นธรรมชาติที่สุดที่สายตานั้นมองเห็น


 


อย่างข่าวคราวเรื่องโครงการพืชสวนโลก หรือมหกรรมพืชสวนโลกฯ หรือ ราชพฤกษ์ 2006 หรือ  Royal Flora Ratchaphruck 2006 หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่กำลังโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่องและครึกโครมอยู่ในขณะนี้


 


แน่นอนว่า เมื่อได้ลงไปสัมผัส  มันทำให้ผมมองเห็นทั้งในด้านสว่างและด้านมืด                   


 


ในยามค่ำคืน...หากเรายืนอยู่บนจุดชมวิวด้านบนบริเวณพื้นที่การจัดแสดงงาน จะมองเห็นแสงไฟระยิบส่องวิบวาวไปทั่วทุกมุมดั่งดาวบนดิน


 


ทว่าเมื่อเราจ้องมองไปเบื้องหน้า- -ไม่ใกล้ไม่ไกลนักจากด้านหน้าบริเวณของการจัดแสดงงานพืชสวนโลก ทางแยกไปทางด้านซ้ายมือ ถนนตัดโค้งผ่านเข้าไปข้างใน เราจะมองเห็นชุมชนเก่าแก่ชุมชนหนึ่งซ่อนซุกอยู่อย่างเงียบ-เงียบ อย่างสงบและเจียมตน ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงวอมแวมของตะเกียงน้ำมันก๊าด หรือไม่ก็แสงไฟจากเทียนไข


 


ซึ่งผมถือว่าเป็นเรื่องประหลาดที่บ้านนี้เมืองนี้ยังมีอะไรๆ ที่แปลกพิกล ชวนให้ฉงนสงสัย


 


"หมู่บ้านแม่เหียะใน" เป็นชุมชนแห่งเดียวที่อยู่ในเขต อ.เมือง แต่กลับไม่มีไฟฟ้าใช้เหมือนกับหมู่บ้านอื่นๆ


ผมว่ามันต้องมีอะไรซ่อนแฝงอยู่ข้างในแน่ๆ ว่าเป็นเพราะเหตุใดกัน!?


 


คิดไปคิดมา ก็รู้สึกสงสาร "หมู่บ้านแม่เหียะใน" ชุมชนเล็กๆ จำนวน 76 หลังคาเรือน ที่ผู้คนขับรถผ่านไปโดยไม่มีใครหันเหลียวไปมอง หากสายตาสอดส่องมองหาก็แต่เพียงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและพืชสวนโลกเท่านั้น


 


จริงๆ แล้ว ผมเป็นคนที่ไม่ชอบคิดอะไรที่ซับซ้อนยุ่งยาก


แต่ก็พอมองเห็น  ในความสว่างนั้นมีความมืดดำซุกซ่อนอยู่...


 


ศรีรักษ์  โตเทียน ตัวแทนชาวบ้านแม่เหียะใน เธอพร่ำบ่นให้ฟังทุกครั้ง เมื่อหมู่บ้านของตนถูกกระทบและถูกกระทำ


 


"ไม่รู้จะพึ่งอ้อนวอนกับไผ กับหน่วยงานใดอีกแล้ว เคยเรียกร้องไปไม่รู้กี่ครั้งกี่หน แต่เรื่องก็เงียบหาย" เธอเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าน้ำเสียงเหน็ดหน่ายและทดท้อ


 


ใช่ ทุกครั้งที่ชาวบ้านเรียกร้องไป คำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิมทุกครั้ง...บางคำถามไร้คำตอบ และดูเหมือนว่าจะล่องลอยหายไปในสายลม โดยเฉพาะเรื่องหมู่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้มานานนับนาน ...


 


"เขาอ้างว่าแม่เหียะในตั้งอยู่ในเขตป่า เขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย...ติดตั้งไฟฟ้าไม่ได้ ผิดระเบียบ ผิดกฎหมาย"


 


"แล้วทีไนท์ซาฟารี พืชสวนโลกล่ะ ก็ตั้งอยู่ในเขตป่า เขตอุทยานฯ ทำไมยังติดตั้งได้ ยังทำอะไรใหญ่โตได้"


 


นั่นคือเสียงสะท้อนจากคนแม่เหียะใน ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่และตั้งมานานหลายชั่วอายุคน


 


เมื่อครั้งที่ "สงกรานต์ ปัญญา" นักข่าวหนุ่มจากพลเมืองเหนือรายสัปดาห์ ได้ลงไปในพื้นที่ และนั่งพูดคุยกับชาวบ้าน ทำให้มองเห็นปัญหาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น


 


"เราเคยยื่นหนังสือไปยังกรมอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย แต่กลับไม่ได้รับการเดินเรื่องแต่อย่างใด จากนั้นก็สอบถามไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แต่ได้รับการโยนเรื่องให้ให้กับหน่วยงานอื่นเป็นทอดๆ ทั้งๆ ที่ไฟฟ้าเป็นปัจจัยที่ประชาชนที่ประชาชนต้องได้รับ ถามว่าชาวบ้านผิดด้วยหรือ..." ตัวแทนชาวบ้านบอกเล่า


 


ชาวบ้านยังยกตัวอย่างเปรียบเทียบพื้นที่หมู่บ้านใกล้เคียงในเขต ต.บ้านปง อ.หางดง หรือในเขต ต.สุเทพ ต.ช้างเคี่ยน ของ อ.เมือง ล้วนต่างอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทั้งหมด แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในอดีตก็ล้วนเป็นป่า แต่ก็ได้รับการพัฒนา และจัดสรรพื้นที่ได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐานอย่างครบถ้วน


 


แต่ก็อีกนั่นแหละ...ในความสว่างนั้นมีความมืด


 


บ่อยครั้ง ที่ผมชอบนั่งพูดคุยกับ "ลุงเปี๊ยก" นักดนตรียุคซิกตี้วัยกลางคน เขาเป็นอีกคนหนึ่งที่มีบ้านเกิดอยู่ที่แม่เหียะในมาช้านาน


 


หลายคนรู้จักเขาในฐานะ นักดนตรีโฟล์คซอง เขาเล่นกีตาร์เพลงสากลเก่าๆ ในช่วงกลางคืนที่สุดสะแนน ครั้นกลางวัน เขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง มีกระท่อมหลังเล็กๆ ปลูกผัก เลี้ยงไก่ ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย สูบบุหรี่ขี้โยมวนด้วยใบตองกล้วย และจุดตะเกียงน้ำมันก๊าดให้แสงสว่างยามค่ำคืน


 


เมื่อผมเอ่ยถามความรู้สึกที่หมู่บ้านของตนไม่มีไฟฟ้าใช้  เขาหัวเราะหึๆ ด้วยน้ำเสียงคล้ายประชดปนหยัน


 


"จริงๆ แล้วในส่วนตัวไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมาย แต่สงสารชาวบ้าน และก็มองเห็นความไม่ชอบมาพากล ความไม่เป็นธรรมอยู่ตลอดเวลา"


 


จริงสิ, เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมามากต่อมากแล้ว ว่ากันว่าเขารู้จักมักคุ้นสนิทสนมกับ อาจารย์โต้ง ไกรศักดิ์ ชุณหวัณ เป็นอย่างดี แต่เขานิ่ง สงบ สมถะอย่างยิ่ง


 


"เมื่อไม่กี่วันมานี้  ชาวบ้านบอกว่า อยู่ดีๆ ก็มีหนังสือจากเจ้าหน้าที่มาสั่งห้ามชาวบ้านเลี้ยงวัวอีก คงกลัววัวชาวบ้านจะไปเพ่นพ่านงานพืชสวนโลกมั้ง..."


 


ไม่รู้ว่าลึกๆ ชาวบ้านรู้สึกอย่างไร ที่ผืนป่าที่พวกเขาช่วยกันดูรักษา และอาศัยเป็นแหล่งอาหารธรรมชาติของคนและสัตว์เลี้ยงมานาน ต้องกลายเป็นเขตหวงห้ามไปแล้ว


 


มาถึงห้วงยามนี้ ทำให้ผมนึกถึงผีปู่แสะย่าแสะ ที่คนแม่เหียะในเขาเคารพนับถือ และปกปักฮักษาอยู่แถบเชิงดอยสุเทพ-ปุย มาช้านาน  ไม่รู้ว่าป่านนี้สิงสถิตย์หรือหลบซ่อนเร้นอยู่ตรงไหน หลังจากมีไนท์ซาฟารีกับพืชสวนโลกเข้ามา


 


ไม่รู้ว่าผีปู่แสะย่าแสะโกรธขึ้ง หรือสาปแช่งด่าผู้ที่มาย่ำยีทำลายความสงบสุขในพื้นที่บริเวณนี้หรือไม่!?


 


และทำให้นึกไปถึงคำพูดของ "มาลา คำจันทร์" นักเขียนซีไรต์คนล้านนา เคยบอกย้ำว่า คนเราอยู่ด้วยเงินทองอย่างเดียวนั้นไม่ได้ มันต้องอยู่ด้วยจิตวิญญาณ จารีตความเชื่อทางจิตใจด้วย ถ้าคุณบอกว่า เป็นวิทยาศาสตร์และความจริง ถามว่า ความจริงนั้นรับใช้ใคร


 


อย่างที่บอกนั่นแหละ  ว่าจริงๆ แล้ว ผมเป็นคนที่ไม่ชอบคิดอะไรที่ซับซ้อนยุ่งยาก  แต่ก็พอทำให้ผมนั้น มองเห็นว่า ในความสว่างนั้นมีความมืดดำซุกซ่อนอยู่...


 


ครับ นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ไม่ซับซ้อนและเข้าใจง่ายๆ ยังมิต้องไปพูดถึงเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นของโครงการพืชสวนโลกกว่า 3,000 ล้านบาท ที่ทางกลุ่มภาคีฮักเจียงใหม่ ได้ร่วมกันยื่นข้อมูลให้กับหน่วยงานที่มีอำนาจไม่ว่า กรรมการสิทธิฯ ปปช. สตง.ฯลฯ ได้ทำการตรวจสอบเอาผิดกันอยู่ในขณะนี้ อีกทั้งมีข่าวแว่วมาว่า มีหลายคนที่เป็นเครือข่ายร่วมมือกันแอบงุบงิบทุจริตงบประมาณมหาศาล จะต้องถูกขุดคุ้ยจนเห็นไส้เห็นพุงกันเลยทีเดียว


 

พืชสวนโลก 2006 จึงอยู่ท่ามกลางอุณหภูมิร้อนๆ (กลางวัน) หนาวๆ (กลางคืน) ในห้วงขณะนี้.