วันแรกในโลกใหม่เปิดโลกเอเชียกลาง : การประชุมเรื่องประชากรกับการพัฒนาที่คาซัคสถาน
คอลัมน์/ชุมชน
คาซัคสถานเป็นดินแดนที่ผสมผสานระหว่างความเก่าแก่กับความเป็นสมัยใหม่ ตั้งอยู่ระหว่างใจกลางของยุโรปกับเอเชีย ทิศตะวันตกจดทะเลสาบแคสเปี้ยน ทิศตะวันออกจดเทือกเขาอัลไต ประเทศจีน ทิศเหนือจดรัสเซีย ทิศใต้จดกีร์กิสถาน อุซเบกิสถาน และ เติร์กเมนิสถาน | |||||
คาซัคสถานแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต และประกาศอิสรภาพเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2537 เป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ลำดับ 9 ของโลก ด้วยเนื้อที่ 2.7 ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากร 14.9 ล้านคน เชื้อสายคาซัค 52% รัสเซีย 31% อื่น ๆ 18% เมืองหลวงคือ Astana เมืองสำคัญคือ Almaty ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงเก่า มีประชากร 1.3 ล้านคน ประกอบด้วยชนชาติพันธุ์ต่าง ๆ กว่า 100 ชนชาติ | |||||
| |||||
โอกาสที่สองมาถึง เมื่อได้ทราบจากพี่หมอมาลินี สุขเวชชวรกิจ ส.ว . นครสวรรค์ ผู้ทำหน้าที่ เลขาธิการของ AFPPD (Asian Forum of Parliamentarians on Population and Development) ว่าจะมีการประชุมครั้งที่ 20 ของสมาชิกรัฐสภาเอเชีย/ แปซิฟิก เรื่องประชากรกับการพัฒนาที่ประเทศคาซัคสถาน ในวันที่ 28-29 กันยายน 2547 ดิฉันจึงเสนอตัวไปร่วมประชุม เพราะได้ติดตามเรื่องประชากรกับการพัฒนามาตลอด และสนใจที่จะไปประเทศในเอเชียกลางด้วย | |||||
ได้ทราบข้อมูลว่า ช่วงนี้ประเทศคาซัคสถานเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็นประมาณ 5-20 องศาเซลเซียส จึงเตรียมชุดที่อบอุ่นไปให้เพียงพอ วันเดินทางคือ วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2547 มี ส.ว. ไปประชุม 2 คน คือ พี่หมอมาลินีกับดิฉัน พร้อมกับ Dr. Shiv Khare ซึ่งเป็นผู้อำนวยการบริหารของ AFPPD และ Ms. Belle Austriaco ซึ่งเป็น Programme Associate ของ AFPPD เครื่องบิน Emirates ออกจากกรุงเทพฯ 05.45 น. ใช้เวลาราว 5 ชั่วโมงถึงสนามบินดูไบ รอที่ดูไบ 2 ชั่วโมง แล้วเปลี่ยนเครื่องเป็น Astana Air ของประเทศคาซัคสถาน ใช้เวลา 4 ชั่วโมงครึ่ง ถึง Almaty ซึ่งเป็นเมืองหลวงเดิมของคาซัคสถาน มีเจ้าหน้าที่มารับจากสนามบินไปที่พัก | |||||
เวลา 1 ทุ่มกว่าของเมือง Almaty แสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า มองจากรถเห็นเทือกเขา Tien-Shan สีน้ำเงินเข้ม ดวงจันทร์ค่อย ๆ โผล่พ้นยอดเขา สีนวลสว่าง ท้องฟ้ากระจ่างไร้เมฆ จึงเป็นพระจันทร์เต็มดวงทอแสงเย็นตา พวกเราชี้ชวนกันดูด้วยความประทับใจ เพราะเมื่ออยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเต็มไปด้วยตึกสูง ยากที่จะเห็นภาพงามเช่นนี้ | |||||
เกือบ 40 นาที ก็มาถึงที่พัก คือ Alatau Health Resort ซึ่งเป็นที่พักฟื้น บำบัดรักษาสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติ เป็นตึกโบราณ ล้อมรอบด้วยป่าไม้ร่มรื่น ทุกห้องพักมีระเบียงชมวิว มองเห็นเทือกเขา Tien-Shan อันสลับซับซ้อน ยอดเขาสะท้อนแสงจันทร์ดูแวววาวในความมืด บนโต๊ะในห้องมีผลไม้สดจัดไว้ให้ในพานแก้ว คือ แอปเปิล ลูกแพร์ กับองุ่น | |||||
อากาศในฤดูนี้ค่อนข้างแห้งทำให้รู้สึกกระหายน้ำบ่อย ผิวแห้ง คัน ปากแห้ง ต้องหมั่นทาปากด้วยลิปมัน ทาผิวด้วยเบบี้ออยล์ และเอาผ้าเช็ดตัวชุบน้ำพาดไว้ที่ท่อทำความร้อนในห้องน้ำ จะได้ช่วยเพิ่มความชื้นบ้าง | |||||
วันจันทร์ที่ 27 กันยายน 2547 ดิฉันตื่น 7 โมงกว่า เปิดประตูออกมายืนที่ระเบียง มองเห็นพระอาทิตย์สดใส ฝูงนกกากำลังบินสู่ท้องฟ้า อากาศเย็น น่าลงไปเดินสัมผัสธรรมชาติ จึงโทรไปชวนพี่หมอมาลินีซึ่งพักอยู่ห้องติดกันไปเดินเล่น เพราะวันนี้ได้พักหนึ่งวัน การประชุมจะเริ่มพรุ่งนี้ (28-29 กันยายน 2547) ผู้ประชุมยังมากันไม่ครบ | |||||
| |||||
ตอนสายสัก 11 โมง เจ้าภาพพาไปดูภูเขา Chimbulak หรือเขียน Shymbulak ก็ได้ อยู่ห่างจากเมือง 25 กิโลเมตร ซึ่งเป็นแหล่งเล่นสกีที่ขึ้นชื่อ ผ่านชุมชนเมืองซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียวขนาดย่อม ทุกบ้านมีปล่องไฟ ดิฉันเดาว่าข้างในบ้านคงจะมีเตาผิงเพื่อให้ความอบอุ่นยามฤดูหนาว รถทั้งสองคันใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึง Chimbulak Ski Resort กลุ่มผู้สูงวัยพากันไปนั่งสั่งชา กาแฟมาดื่ม เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น เพราะอากาศเริ่มหนาวเย็น มองไปที่ยอดเขาเห็นหิมะปกคลุมอยู่ลิบ ๆ | |||||
ดิฉันเห็นคุณ Belle เดินไปกับผู้มาประชุมกลุ่มหนึ่ง ก็ถามว่าจะไปไหนกัน เธอบอกว่าจะนั่ง Sky Cabin ขึ้นไปชมธรรมชาติบนภูเขา ดิฉันมองดูเห็นชิงช้าเป็นทิวแถวอยู่บนเส้นลวดสลิง เลื่อนลงมาเส้นทางหนึ่ง เลื่อนขึ้นไปข้างบนอีกเส้นหนึ่ง ชั่งใจดูว่าจะปลอดภัยไหม มั่นใจได้แค่ไหน สั่งช็อกโกแลตร้อนมากิน 1 ถ้วยระหว่างรอศึกษาข้อมูล | |||||
คุณ Elina ไกด์สาว แนะนำว่า น่าจะขึ้น Sky Cabin ไปบนภูเขาเพราะสวยมาก ถ้าไม่ได้เห็นแล้วจะเสียใจ ดิฉันจึงชวนพี่หมอมาลินีไปด้วยกัน ไกด์พาไปซื้อตั๋ว เจ้าหน้าที่บอกว่าการเดินทางมี 3 ระดับจากล่างไปถึงจุดสูงสุด ราคาช่วงละ 400 เท็งเก ( อัตราแลกเปลี่ยนเงิน 1 US$ คิดเป็นเงิน 130 เท็งเก) ดิฉันคิดว่าไหน ๆ ก็มาแล้ว น่าจะไปจุดสูงสุด จึงซื้อตั๋วรวดเดียว 3 ช่วง | |||||
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่พาไปจุดที่จะขึ้นเคบินไฟฟ้า ดิฉันเข้าใจว่า เคบินจะจอด เพื่อให้ผู้โดยสารได้นั่งและรัดเข็มขัดนิรภัย แต่กลับเป็นว่าเมื่อพี่หมอมาลินีขึ้นนั่งแล้ว เคบินก็เคลื่อนขึ้นไปเลย โดยดิฉันยังไม่ทันได้นั่งเรียบร้อย จึงตกลงมาที่พื้น โชคดีที่เคบินยังขึ้นไปไม่สูง ดิฉันตัดสินใจโยนตัวลงมาก่อน ในระดับสูงราว 2 เมตร จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่พาตัวหลบมา เพื่อไม่ให้เคบินที่เคลื่อนตัวมาเรื่อย ๆ ชนเอา | |||||
เมื่อยืนตั้งหลักได้สักครู่ เคบินไฟฟ้าผ่านไป 5-6 คันแล้ว เจ้าหน้าที่จึงพาไปขึ้นเคบินอีกครั้ง โดยครั้งนี้รู้ระบบ รู้จังหวะว่า เมื่อเคบินมาถึงจุดขึ้น ต้องขยับไปนั่งโดยเร็ว แล้วจับคันโยกมากั้นไว้ด้านหน้าเป็นราวกันตก | |||||
| |||||
เมื่อเคบินใกล้ถึงที่จอด ดิฉันเตรียมโยกราวที่กั้นที่นั่งขึ้น แล้วดีดตัวลงมา คราวนี้เจ้าหน้าที่รีบคว้าตัวให้หลบไปข้างทาง ซึ่งต้องอาศัยความคล่องตัว ความไว ดิฉันได้ข้อสรุปว่า การนั่ง Sky Cabin เช่นนี้ ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ร่างกายอุ้ยอ้าย หรือร่างกายไม่ปกติ เพราะจะไม่ปลอดภัยในการขึ้นลง | |||||
กลุ่มผู้มาประชุมที่รออยู่ปรึกษากันว่า เวลาเกือบบ่ายสามโมงแล้ว น่าจะกินอาหารกันที่รีสอร์ตข้างล่าง มีอาหารอร่อยมาก จึงชวนกันนั่งรถลงไป พบว่าภัตตาคารเป็นกระโจมที่ทำด้วยผ้าขนสัตว์หนา ๆ คลุมบนโครงไม้ซี่ถี่ ๆ เป็นรูปทรงกลม ประตูเป็นผ้าที่ตลบขึ้นไปเป็นช่วง ข้างในพื้นปูพรมสีสด มีโต๊ะ เก้าอี้เตี้ย ๆ ตั้งไว้ 4-5 ชุด | |||||
ไกด์เอาเมนูมาให้ดู บอกว่าภัตตาคารนี้จัดโดยรัฐบาล เป็นอาหารพื้นเมืองแท้ ๆ ส่วนใหญ่อาหารจะประกอบด้วยเนื้อแกะ เนื้อวัว และเนื้อม้า ซึ่งถือว่าเป็นอาหารพิเศษสุดยอด | |||||
ผู้บริการเป็นชายมีอยู่คนเดียว ในขณะที่พวกเรามากันเกือบ 20 คน ดิฉันจึงไปดูว่ามีอะไรพอจะรองท้องได้ก่อนที่อาหารจานร้อนจะเสร็จ พบว่า มีลูกเกด ถั่วลิสงคั่ว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มันฮ่อ ลูกนัทชนิดต่าง ๆ จึงให้เขาจัดมาประทังความหิว จากนั้นซุปร้อน ๆ ซึ่งประกอบด้วยก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่แบบของญี่ปุ่น กะหล่ำปลี มะเขือเทศ ต้นหอมซอยเป็นชิ้นเล็ก ๆ และเนื้อสัตว์ต่างที่สั่งก็ทยอยส่งมา ดิฉันอยากกินซุปร้อน ๆ จึงขอแบบไม่ใส่เนื้อสัตว์ แต่ก็เป็นซุปเนื้ออยู่ดี จึงกินได้แค่ไม่กี่ช้อน เพราะกลิ่นแรงมาก | |||||
กินเสร็จแล้ว เดินออกมาชมบริเวณ มีต้นแอปเปิลอยู่ 3-4 ต้น กำลังออกลูก บางคนก็ขอเก็บมากินสด ๆ จากต้น เป็นพันธุ์พื้นเมือง ลูกเล็ก ปลูกแบบธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีเจือปน | |||||
กลับมาถึงที่พักหกโมงเศษ ๆ ห้องอาหารยังมีอาหารเย็นบริการอยู่จนถึงสองทุ่ม ทานเสร็จก็ขึ้นห้องพัก เตรียมตัวเพื่อเข้าสู่การประชุมที่จะเริ่มในวันรุ่งขึ้น ซึ่งดิฉันจะเล่าในตอนหน้าค่ะ |