เลิกโฆษณาเหล้า แล้วจะเพิ่มโฆษณาอะไร

เป็นที่ฮือฮากันมากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขชุดแต่งตั้งโดยคณะปฏิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขได้ประกาศนโยบายชัดเจนในวันแรกๆ ของการปฏิบัติหน้าที่ คือประกาศห้ามโฆษณาเหล้าทุกรูปแบบตลอด 24 ชั่วโมง สร้างกระแสให้คนออกมาอภิปรายแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง แต่ทั้งหมดทั้งมวลไม่มีใครกล้าฟันธงว่าไม่เห็นด้วย นอกจากบอกอ้อมๆ ว่าผลที่ตามมาไม่น่าจะช่วยลดการบริโภคลงได้ ขณะเดียวกันก็พยายามชี้ให้เห็นว่าการบริโภคเหล้าของประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับอิทธิพลจากโฆษณา 

แน่นอนว่าคงไม่มีใครกล้าพูดว่าเห็นชอบให้มีการโฆษณาเหล้าเพราะจะถูกสังคมประณามได้ ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงน่าจะเป็นสื่อต่างๆ ที่รับเงินค่าเช่าโฆษณาไม่ว่าจะเป็นสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ ป้ายต่างๆ  และบริษัทโฆษณาที่ลูกค้าหดหายไป  อย่างไรก็ตามไม่น่าจะกระทบมากนักเพราะยังมีสินค้าอีกมากมายที่สามารถโฆษณาได้อย่างเสรี  ขณะเดียวกันในส่วนการกีฬาต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบไปด้วยคือไม่สามารถรับสปอนเซอร์จากบริษัทเหล้าได้  รวมถึงพนักงานเชียร์เบียร์ เชียร์เหล้าตามร้านค้าต่างๆ ตรงนี้จะทำอย่างไร 

ดิฉันเห็นว่า กองทุนส่งเสริมการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ทำหน้าที่สนับสนุนทุนการจัดกีฬาต่างๆ เช่น กีฬามหาวิทยาลัย กีฬาแห่งชาติ และการให้ทุนสมาคมกีฬาต่างๆ (ไม่แน่ใจว่ามากน้อยเพียงใด เคยเห็นข่าวว่าต้องให้การสนับสนุนแต่ติดว่า การบริหารของสมาคมต่างๆ ต้องการงบสูงมาก และอาจมีปัญหาเรื่องความโปร่งใสได้) ลำพังกองทุน สสส. คงไม่สามารถให้การสนับสนุนได้ทั้งหมด น่าจะต้องให้สินค้าอื่นๆหันมาสนใจสนับสนุนการให้ทุนด้านการกีฬามากขึ้นควบคู่ไปด้วย ท่านรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีน่าจะช่วยกันหามาตรการสนับสนุนสินค้าอื่นๆ ให้มาสนับสนุนการกีฬาด้วย

ส่วนการโฆษณาที่น่าจะเพิ่มมากขึ้นในสื่อต่างๆ ควรเป็นโฆษณาเพื่อเสริมสร้างสวัสดิภาพทางสังคม เช่นบริการช่วยเหลือทางสังคมต่างๆ ที่ดำเนินงานโดยรัฐ และภาคเอกชน กรณีบริการให้คำปรึกษาสำหรับคนคิดฆ่าตัวตาย บริการให้ความช่วยเหลือเพื่อการเลิกเหล้า เลิกสิ่งเสพติดต่างๆ บริการปรึกษาสำหรับเรื่องเพศ เรื่องเอดส์  บริการปรึกษากรณีตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม บริการช่วยเหลือเมื่อถูกทำร้ายในครอบครัวไม่ว่าพ่อ แม่ หรือลูก และอื่นๆ เพื่อให้ประชาชนรับรู้และสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้ทันท่วงที ทั่วถึง สินค้าต่างๆ ที่ต้องการคืนกำไรสู่สังคมจะได้มีช่องทางในการสนับสนุนการโฆษณาที่เป็นประโยชน์ ทั้งนี้ ต้องได้รับความร่วมมือจากสื่อต่างๆ ที่มีวิสัยทัศน์ในการช่วยเหลือสังคม โดยมีข้อเสนอต่อสินค้าต่างๆ เกี่ยวกับการโฆษณาเพื่อสังคมด้วย เช่น คิดราคาพิเศษ มีการกันเวลาหรือพื้นที่ให้เป็นพิเศษ อย่างน้อยกันเวลาไว้สักวันละ 5-10 นาที  ในหลายๆ ช่วงเวลาต่อวันสำหรับการโฆษณาเพื่อสังคม  หรือสื่อสิ่งพิมพ์กันพื้นที่ให้กับการโฆษณาเพื่อสังคมอย่างน้อยปีละ  3-5 ครั้ง เป็นต้น

สำหรับพนักงานเชียร์เบียร์ เชียร์เหล้า ตามร้านอาหาร ซึ่งมักเป็นเยาวชนที่หารายได้เสริม หรือเป็นอาชีพที่ผู้หญิงเข้าถึงได้ง่าย สามารถสมัครทำงานได้โดยไม่ต้องอาศัยหลักฐานการศึกษาสูงนัก มีจำนวนไม่น้อยเหมือนกันทั่วประเทศ หากเป็นนักเรียน นักศึกษา  ควรได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาและทุนยังชีพเบื้องต้น และหางานทำนอกเวลาบ้างเพื่อมีรายได้เสริม  ดังนั้น ต้องมีระบบจัดหางานที่ร่วมมือกันระหว่างกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กับภาคเอกชน คือ ร้านอาหาร ร้านเหล้าต่างๆ ที่จะเพิ่มพนักงานบริการในร้านอาหาร โดยไม่ใช่ทำหน้าที่ขายเหล้าแต่ทำงานเสิร์ฟหรืออื่นๆ ทั้งนี้ มีการร่วมจ่ายค่าจ้างร่วมกันระหว่างภาคธุรกิจกับรัฐ อาจเป็นครึ่งๆ เพื่อให้เยาวชนมีรายได้และภาคเอกชนก็ไม่ต้องรับภาระฝ่ายเดียว  รวมถึงการจัดหางานนอกเวลาอื่นๆ ให้เยาวชนเหล่านี้ด้วย โดยเฉพาะงานด้านบริการสังคมต่างๆ เช่น การเข้าไปช่วยดูแลเด็กกำพร้า เด็กพิการ ผู้สูงอายุ การเป็นอาสาสมัครสำหรับนักท่องเที่ยว อาสาสมัครตามโรงพยาบาล หรือหน่วยงานของรัฐ  อาสาสมัครตามศูนย์เยาวชน ศูนย์เรียนรู้ต่างๆ เป็นต้น  เพื่อให้เยาวชนมีรายได้และได้มีจิตสำนึกด้านบริการสังคมด้วย

ไม่มีโฆษณาเหล้า  คนก็อาจยังดื่มเหล้าเท่าเดิมหรืออาจมากขึ้นหรือน้อยลงก็เป็นไปได้ทั้งนั้น การโฆษณาเป็นเพียงการสร้างความเชื่อมั่นต่อยี่ห้อสินค้าของผู้รับสื่อโฆษณา แต่การลดบริโภคเหล้านั้นต้องการการแก้ไข การป้องกัน ตั้งแต่ต้นเหตุมากกว่า การสร้างค่านิยมใหม่ว่าเหล้าไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหาความทุกข์ ความเครียด เหล้าไม่ใช่มีไว้เพื่อการสังสรรค์และการสร้างเพื่อน การจะมีเพื่อนที่เข้าใจกันไม่จำเป็นต้องกินเหล้าด้วยกันเท่านั้น หรือการบริโภคเหล้าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน เหล่านี้ต้องการการคิดค้นร่วมกันหลายฝ่ายเพื่อลดการบริโภคเหล้า และเป็นเรื่องระยะยาวที่ต้องช่วยกันคิดกันทำต่อไป