Skip to main content

มรดกบาป

โครงการของรัฐบาลที่ผ่านมาทำไว้เป็นมรดกบาป คือ การทำให้เอกชนบางรายได้ผลประโยชน์จากโครงการของรัฐ


 


ตัวอย่างเช่น โครงการอีลิทการ์ด และโครงการไทยจัดการลองสเตย์ ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ต้องรีบแก้ไข เพราะเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดการผูกขาด มีเอกชนบางรายได้ประโยชน์โดยใช้ชื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นตัวประกันหารายได้


 


โครงการอีลิทการ์ด ได้เปอร์เซ็นต์ในการขายเมมเบอร์ ขายบัตรสมาชิก ๓๐ ถึง ๔๐ เปอร์เซ็นต์ในการขาย จากบัตรละหนึ่งล้านบาท แล้วสมาชิกจะสามารถมาใช้สนามกอล์ฟ ใช้สปาฟรี  ใช้งบประมาณไปเป็นพันล้านในการตั้งบริษัทอิลิทการ์ด คุยว่าจะได้สมาชิกนับล้านคน  ทำไปทำมา ผ่านไป ๓ ปีกว่าได้สมาชิกแค่พันคน ขาดทุนทุกปี แล้วก็มาของบประมาณทุกปี แต่เอกชนรับค่าคอมมิชชั่นไปสบายๆ


 


มิหนำซ้ำจะมาของบประมาณไปสร้างสนามกอล์ฟ สร้างโรงแรม ทั้งๆ ที่ไม่มีโครงการใดของรัฐที่ประสบความสำเร็จในการบริหารงานเลย แค่ที่มีอยู่ของ ททท. เช่น สนามกอล์ฟบางพระ ชลบุรี ก็ต้องให้ญี่ปุ่นเช่าไปแล้ว จะมาของบประมาณทำสนามกอล์ฟ ทำโรงแรม โรงแรมรถไฟหัวหินก็ให้เอกชนเช่าไปแล้ว  แล้วอิลิทการ์ดยังจะมีหน้ามาขอใช้ที่หลวง ใช้เงินหลวงสร้างสนามกอล์ฟ สร้างโรงแรมอีก


 


โครงการนี้จะถลำลึกไปมากกว่านี้อีกหรือ หาทางถอยอย่างมีระเบียบดีกว่า จะไม่ต้องเสียชื่อประเทศไปมากกว่านี้


 


ส่วนโครงการไทยจัดการลองสเตย์ หรือที่พักระยะยาวก็เหมือนกัน แรกๆ ก็อ้างว่าจะให้บริษัทนี้ช่วยพัฒนาการท่องเที่ยวระยะยาว โดยจะเน้นนักท่องเที่ยวที่มามากกว่า ๓ เดือน ทำมาสองปี ก็ขาดทุนแล้วก็มาของบการท่องเที่ยวฯ ทุกปี ๆ ละ ๒๐ ล้าน


 


ที่สำคัญโครงการนี้เอกชนถือหุ้น ๗๐ เปอร์เซ็นต์ ททท.ถือหุ้นเพียง ๓๐ เปอร์เซ็นต์?!   แล้วมาใช้ที่ ททท. ใช้ทีวี ททท. ให้ ททท.ออกงบประมาณ มาหาประโยชน์เข้าบริษัท


 


มิหนำซ้ำมีข่าวว่าหุ้นที่ลงโดยเอกชน ๗๐ เปอร์เซ็นต์ยังจ่ายเงินไม่หมด มีแต่ ททท.ที่เสียค่าโง่ออกเงินลงทุนค่าหุ้น ๓๐ เปอร์เซ็นต์ไปเต็มๆ ต้องฝากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาดูแลเป็นพิเศษ เพราะล่าสุดบอกว่าจะเสนอให้ชาวต่างชาติสามารถใช้เมมเบอร์บริษัทนี้ในการซื้อที่ดินในประเทศไทยได้ แล้วเอกชนที่ถือหุ้นจะไม่ได้ผลประโยชน์ไปสบายๆ หรือ จะไม่เป็นการผูกขาดการขายที่ดินให้ต่างชาติเกินไปหรือ?


 


นี่ยังไม่ถือว่าใช้ ททท.เป็นเครื่องมือหาประโยชน์ดอกหรือ?!


 


ที่สำคัญ ไปๆ มาๆ บริษัทนี้จะทำธุรกิจการท่องเที่ยวทุกประเภท เช่นทัวร์ โรงแรม ไม่ใช่เฉพาะการท่องเที่ยวระยะยาวเท่านั้น  ต่อไปบริษัทนี้จะเป็นบริษัทนำเที่ยวที่ใหญ่ที่สุด เพราะมี ททท.เป็นแบ็คหนุนหลัง ท่านคิดดูว่า ถ้ากรรมการฟุตบอลเป็นผู้เล่นบอลเอง เป็นผู้กำกับเส้นเอง ทีมไหนจะไปชนะทีมที่มีกรรมการเป็นผู้เล่นด้วยและกำกับด้วย ?!


 


แน่นอนทีมที่มีกรรมการเล่นเอง เป่านกหวีดเอง ต้องชนะแน่นอน น่าอนาจใจแท้หากไม่มีการแก้ไขให้มีความเป็นธรรม ผู้กำกับดูแล ต้องทำหน้าที่กำกับดูแลอย่างเดียว  อย่ามาเป็นผู้เล่นด้วย เพราะจะไม่เป็นธรรมต่อทีมอื่น


 


ททท. ต้องเป็นฝ่ายสนับสนุนอย่างเดียวไม่ใช่มาทำธุรกิจแข่งกับเอกชน หรือเลือกปฏิบัติส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เฉพาะพรรคพวก  ผิด พ.ร.บ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ห้ามไม่ให้ ททท.ทำธุรกิจแข่งกับเอกชน


 


ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ ททท.ที่ได้ประโยชน์ร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่มีเอกชนคอยหาผลประโยชน์โดยถือหุ้น ๗๐เปอร์เซ็นต์บ้าง หรือคอยเก็บคอมมิชชั่น ๓๐ ถึง๔๐ เปอร์เซ็นต์บ้างในสองโครงการนี้


 


ตัวอย่างที่ยกมาทั้งสองโครงการ ทั้งอิลิทการ์ด และบริษัทไทยจัดการลองสเตย์ มีความเป็นธรรมต่อเอกชนรายอื่นหรือไม่? ผูกขาดหรือไม่ ? โปร่งใสหรือไม่?


 


รัฐบาลที่บอกว่าจะเน้นเรื่องความโปร่งใส เป็นธรรมนั้น  ควรยกเลิกทั้งสองโครงการนี้แล้วหรือยัง?