Skip to main content

"นิทรรศการคำ" # 1

คอลัมน์/ชุมชน

ค้นสมบัติบ้าของตัวเอง ฉันพบว่านอกจากจดหมายจำนวนหลายร้อยฉบับแล้ว ยังมีไดอะรี่อีกหลายสิบเล่ม เรียกว่าเขียนทิ้งเขียนขว้างมาชั่วชีวิต ประมาณเจอผีเสื้อขยับปีกก็จด "วันนี้อ่อนไหวจัง" ฮ่า ฮ่า


 


หยิบมาอ่าน รำลึกความหลัง อะโห ตรูนี่เขียนมันเสียทุกอย่าง เคยขึ้นไปทำงานบนดอย ก็ร่ำนิราศประมาณว่า


 


"มะเขือเครือหล่นร่วงเป็นพวงเกลื่อน คล้ายจะเตือนนึกถึงบ้านไฉน สายลมพัดพายอดมะม่วงไกล..." (แบบนี้เองที่เขาเรียกว่ากลอนพาไป)


 


ตอนนั้นบ้านพักหลังน้อยอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ มีมะเขือเครือ หรือสมัยนี้เค้าเรียกฟักแม้ว หรือมะระหวาน เลื้อยพันขึ้นสูงมาก ขนาดว่ากลางคืนได้ยินเสียงมันร่วงดังปุกปัก อืม เพิ่งนึกได้ว่า ถึงตอนนี้ ชักสงสัยว่าใช่เสียงลูกมะเขือเครือจริงหรือเปล่า ? หรือลูกอื่น ...กุ๊กๆ กู๋ ??!


 


ช่างเถอะ ชีวิตคนเราก็เหมือนสายน้ำไหล ผ่านไป ผ่านไป เก็บได้จริงๆ ก็เพียงความทรงจำ


 


จะเล่าว่า วันนี้ เมื่อค้นสมบัติบ้าตัวเองได้พักหนึ่ง ก็พบกับปึกสมุดจดวาทะ คำคม คำโดนใจ คำน่าคิด แยกหมวดหมู่มีหัวข้อกำกับ เข้าใจว่าเคยเป็นช่วงที่ทำงานเป็นกองบรรณาธิการนิตยสาร และรับผิดชอบคอลัมน์ "เก็บดอกไม้รายทาง" โดยใช้นามปากกาว่า "ดอกขจร" (ดอกเอ๋ย เจ้าดอกขจร ค่ำแล้ว นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน)


 


หยิบมาพลิกอ่านดู เฮ้ย! ยังใช้ได้นี่หว่า! หลายประโยคยังใช้ได้กับยุคสมัยปัจจุบัน หรือพูดให้ถูกคือใช้ได้ตลอดกาล นี่กระมังที่เรียกว่า "สัจธรรม" ขณะอีกหลายประโยค อ่านแล้วก็ทำให้ตระหนักถึงคำว่า "การเปลี่ยนแปลง"


 


อย่างไรก็ดี หลายชิ้นนั้น ฉันลงบันทึกที่ไปที่มาครบถ้วน แต่บางชิ้นไม่มี ครั้นจะค้นใหม่ให้สมบูรณ์ หนังสือส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ที่กรุงเทพฯ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ที่ให้ข้อมูลไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรจะเป็น


 


เอาเป็นว่า ช่วงนี้ขอจัดแกลเลอรี่ เป็น "นิทรรศการคำ" เผื่อจะได้ข้อคิดเพลินๆ (หรือไม่คิดก็ไม่ว่า) ท่านใดมีความเห็นแตกแขนงจากคำนั้นๆ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ


 


หรือถ้ามี "คำ" ใหม่ๆ อยากเพิ่มเติมมาแบ่งกันอ่าน เชิญเลยค่ะ ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง.


 


 


 


  


ทหาร


 


"ทหารเคยถือแต่อาวุธ เคยเรียนแต่ยุทธศิลป จะเข้าไปทำหน้าที่ทางการเมืองได้อย่างไร ผมเชื่อว่าเขาไม่ประสีประสาเลยในการบริหารราชการ


 


ถูกละครับ อย่างการรัฐประหารแบบสายฟ้าแลบนี่ผมเชื่อมือหลวงเถกิงฯ แต่การที่เข้าไปนั่งในทำเนียบและจัดดำเนินงานบริหาร ผมคิดไม่ออกเลยว่าหลวงเถกิงฯ จะมีมันสมองทำได้ตลอดรอดฝั่ง


 


ทหารไม่ได้ถูกอบรมให้เล่นการเมือง และทหารต้องไม่ถืออาวุธโดดเข้าเล่นการเมือง..."


 


อิศรา อมันตกุล


จากเรื่อง เขาตะโกนหานายกรัฐมนตรี , หนังสือ หัวเราะและน้ำตา


 


…………………………………………………………………..


 




เงิน


 


คุณมีเงินเมื่อคุณมีชีวิตอยู่ และคุณอาจใช้จ่ายได้มากเท่าที่คุณปรารถนา


แต่วันหนึ่งชีวิตจะต้องกล่าวคำสวัสดี


เงินตราจะซื้อสิ่งหนึ่งให้คุณ โลงศพขนาดเท่าตัวคุณเอง


และเที่ยวหาลูกค้ารายต่อไป


 


จาก Money


ของ Soon youn-Choon, กวีไต้หวัน


 


…………………………………………………………………..


 




ความฉลาด


 


"เครื่องจักรสามารถผลิตสิ่งต่างๆ ให้เราได้มากมาย แต่มนุษย์ก็ยังต้องถูกทอดทิ้งให้หิวโหย


‘ความรู้’ ทำให้มนุษย์ฉลาด เห็นแก่ตัว และกระด้าง


เราใช้สมองมากขึ้น ขณะที่เราใช้ความรู้สึกน้อยลง นอกจากเครื่องจักร เรายังต้องการความเป็นมนุษย์อีกด้วย


 


นอกจากความฉลาดแล้ว เรายังต้องการความเมตตา กรุณา


และถ้าโลกปราศจากสิ่งเหล่านี้ ชีวิตก็จะเต็มไปด้วยความทารุณ โหดร้าย


และในที่สุด เราก็จะถูกทำลายไป..."


 


ชาลี แชปลิน


จากภาพยนตร์เรื่อง The Great Dictator


…………………………………………………………………..


 




การแลกเปลี่ยน


 


วันหนึ่งๆ ข้าพเจ้าได้คิดอยู่นับร้อยๆ ครั้ง ว่ากายและใจของข้าพเจ้า


ได้รับประโยชน์จากงานของผู้อื่น


ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงต้องใช้ตัวของข้าพเจ้า ให้เป็นคุณประโยชน์แก่ผู้อื่น


เป็นการทดแทนกัน"


 


อัลเบิร์ต ไอน์สไตล์


(ไม่ได้บันทึกที่มา)


…………………………………………………………………..


 




ความรวย


 


"พี่เคยได้ไปสัมภาษณ์ในหัวข้อ คุณคิดว่าคุณรวยแล้วหรือยัง


พี่ถามเจ้าของร้านทอง เขาตอบว่ายังไม่รวย...


แต่เมื่อพี่ถามคำถามนี้กับคนธรรมดา ทำมาหากินไปตามประสา เขาตอบว่า เขารู้สึกว่าตัวเองรวยแล้ว


 


มันทำให้พี่ต้องกลับมาคิดว่า ความรวยนี่มันอยู่ตรงจุดไหน


คำถามนั้นติดตามพี่มาตลอด และเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้พี่เขียนหนังสือ..."


 


แพร จารุ


ให้สัมภาษณ์ลงนิตยสาร วัยหวาน


 


…………………………………………………………………..


 




สมบัติ


 


ทรัพย์และโชคลาภนั้นอยู่ที่หนังสือ


หนังสือเป็นบ่อทรัพย์ ที่ใครๆ ขุดได้ ขุดเอา


ไม่มีใครหวงห้ามเหมือนสิ่งอื่น


ฉะนั้น


อย่าละโอกาสอันดีนี้เสีย


 


เปลื้อง ณ นคร


(ไม่ได้บันทึกที่มา)


…………………………………………………………………..


 




นักเขียน


"คนเขียนหนังสือก็คนธรรมดานี่เอง บางคนรู้จักแล้วผิดหวังเสียจนต้องหัวเราะเยาะความเขลาของตัวเอง


แต่ก็ดีไปอย่าง เพราะทำให้ไม่หวังอะไรนัก


จากนักเขียนที่ความชื่นชมมันระบายสีเสียจนคนอ่านนึกว่าเขาเป็นเทวดา ซึ่งที่จริง เขาก็เดินดินอย่างเรานี่เอง


แต่บางคนก็มีเสน่ห์เสียจนได้กลิ่นดอกงิ้วปลิวฟ้ามาอ่อนๆ


ในขณะที่บางคนซ่อนพิษสงไว้อย่างมิดชิด ในรูปลักษณ์อันต้องตา


และคารมอันต้องอารมณ์..."


 


รยงค์ เวนุรักษ์


จากเรื่องสั้น อันเจ็บปวดยวดยิ่งทุกสิ่งมี, รวมเรื่องสั้น ลมพัดใบไม้ไหว


 


* (ภาพประกอบจาก www.sxc.hu)