Skip to main content

นักล่า...เจ็บ ที่ไร้แค้น

คอลัมน์/ชุมชน


 


เสียงฟู่ ฟู่ ดังมาจากเงามืดตรงชายคากระท่อม อันรกเรื้อไปด้วยเศษอิฐเศษกระเบื้อง สองสามวันก่อนเธอเห็นเจ้าตัวยาวเลื้อยเข้าเลื้อยไปใต้กองกระเบื้อง  คิดอยู่เหมือนกันว่า สักวันคงจะเกิดเรื่อง แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ


 


คว้าไฟฉาย วิ่งพรวดลงบันไดสามขั้นไปที่ชายคา แสงไฟกระทบเจ้าของเสียงที่กำลังแผ่แม่เบี้ยเต็มที่ ฝ่ายตรงข้ามเป็นเจ้าแมวเหมียววัยรุ่น  หนนี้หาใช่เจ้าปิดปี๋ไม่ แต่มันคือเจ้าแพนด้า ผู้มาจากเกาะลันตา


 


หกเดือนก่อนที่ปี๋ดปี๋จะมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เจ้าแพนด้าถูกอุ้มใส่รถยนต์ออกมาจากเกาะ เพราะไม่มีใครยอมรับว่ามันเป็นแมวอยู่ในการดูแล ทั้งที่ที่คอมีปลอกคอสีหวานกับกระพรวนกรุ๊งกริ๊ง เห็นแล้วทำให้เสียใจแทนเจ้าของถ้าต้องสูญเสียมันไป


 


วันนั้น...เวลาบ่ายๆ ขณะที่เธอกำลังขับรถออกจากเกาะ พลันสายตาเหลือบไปเห็นแมวเหมียวตัวน้อยๆ สีขาวตาสีฟ้า ที่ดวงตาสองข้างมีปื้นสีน้ำตาลป้ายเฉียงไปทางหู เหมือนภาพวาด  ขึ้นไปติดอยู่บนง่ามของต้นกระถินเล็กๆ ที่ริมถนน ข้างล่างมีเจ้าหมาหมู่สามสี่ตัววนเวียนอยู่ห่างๆ  ท่าทางตื่นตระหนก


 


อย่างอัตโนมัติ เท้าเหยียบเบรค รถหยุดกึก เปิดประตู กระโดดไปหาเจ้าแมว ในลีลาเตะอากาศไล่หมาไปด้วย จนเจ้าพวกนั้นกระเจิงด้วยความตกใจ ทีแรกเจ้าเหมียวหน้าตาท่าทางผู้ดีตัวนี้ พยายามดิ้นรนหนีจากการกุมของเธอ แต่ด้วยความระมัดระวังและปลอบโยนมันสักครู่  มันจึงยอมนั่งอยู่ในรถอย่างสงบเสงี่ยมกึ่งหวาดกลัว  และมากกว่าครึ่งทางที่มันหลับมาในรถ คาดว่าเมารถพอประมาณ ก็แค่สามชั่วโมงเท่านั้นเอง


 


รสชาดการถูกล่าเป็นเช่นไร แพนด้าย่อมรู้ดี


 


เสียงขู่ฟู่ ของเจ้างูเห่า แผ่แม่เบี้ยเต็มที่ เตรียมฉก ขณะเดียวกันแพนด้าตั้งท่าจะตะปบ


"หยุดนะ"  ไม่ใช่แค่เสียงร้อง ยังมีเสียงกระทืบเท้าอีกด้วย นักล่าสองสายพันธุ์ต่างชะงัก สักครู่ต่างฝ่ายต่างหันหลังให้กัน  มันอาจคิดว่าเกมส์แบบนี้ไม่ควรมีกรรมการ


 


เธอกลับมาทำงานที่โต๊ะทำงานตามเดิม สิบนาทีผ่านไป นึกเอะใจ หรือว่าแพนด้าโดนดีไปแล้วหว่า ร้องเรียกหา....เงียบ  ทุกคืนบนโต๊ะทำงานคือที่นอนของมันนี่นา  รีบลงมาดูข้างล่าง พบมันนั่งหมอบทำท่าซึมๆ อุ้มดูเห็นท่าทางสะลึมสะลือแปลกๆ แหวกขนออกดู นั่นไง รอยเขี้ยวสองรอยที่ก้น มีเลือดซึมออกมา เธอรู้สึกได้ถึงความตกใจของตัวเอง ร้องกรี๊ดๆๆ ช่วยด้วยแมวโดนงูกัด ช่วยด้วยค่า   ร้องลั่นจนคนบ้านอื่นรีบวิ่งมาช่วย เอาแพนด้าไปวางบนโต๊ะ บอกให้เขาช่วยจับขารวบไว้ที อย่าให้มันดิ้นหนี ไม่ทันส่งให้ มันดิ้นพรวดไปซุกอยู่ในซอกใต้ถุน เธอต้องมุดเข้าไปมัดไว้ เพราะมั่นใจว่ามันไม่กัดเธอแน่


 


ตรงที่เป็นสนามประลองของทั้งสอง มีว่านพญาว่านงอกงามอยู่หนึ่งหย่อม เธอรีบขุดเอามาล้างน้ำ ไม่มีเวลาหั่น เวลาตำ หรือฝนอีกแล้ว โยนใส่ปากตัวเองรีบเคี้ยวๆๆ  พอแหลก แหวกปากเจ้าตัวดี ที่ถูกจับกดไว้บนโต๊ะ ป้วนใส่ปากมันแล้วรีบหุบ ท่าทางมันกลืนลำบากน่าดู แต่ทำไงได้ ไม่งั้นตายแน่  แล้วนี่ก็ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า  เธอถอนหายใจ เศษว่านที่เหลือเอามาผสมน้ำมะนาวและผงกลอยส่วนที่มีพิษ ที่เธอทำเก็บไว้ร่วมสองปีแล้ว คลุกให้เข้ากันแล้วโปะลงไปที่แผล  แพนด้าเอ๊ยจะรอดหรือไม่ก็แล้วแต่บุญกรรมล่ะนะ....เธอลูบหัวมัน  คนที่ช่วยจับคลายมือออก แพนด้าหมดแรงดิ้นหนี ลมหายใจรวยริน กึ่งหลับกึ่งตื่น


 


เธอรู้สึกเหมือนหัวใจโดนไฟฟ้าช๊อต  ชาๆ  แปลกๆ จะเสียใจหรือหากมันตาย ไม่น่าจะเสียใจนะ แต่จะเฉยๆหรือคงไม่หรอก เพราะสงสารที่มันต้องทรมาน ใช่แล้ว เธอไม่ชอบเห็นความทุกข์ทรมานของสิ่งมีชีวิต หากชีวิตใดจะต้องตาย ขอให้ชีวิตนั้นตายอย่างสงบด้วยเถิด 


 


ยกมันมาอุ้มแนบอก ความรู้สึกสงสารท้วมท้น  สมุนไพรจะได้ผลไหมหนอ ....


เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง แพนด้าเริ่มดิ้นท่าทางกลับมามีเรี่ยวแรง มันดิ้นหนีจากอ้อมกอดเธอลงไปเดินบนโต๊ะทำงานแล้วบิดขี้เกียจ  เหลือเชื่อจริงๆ ที่มันรอดตาย


 


สามสิบนาทีต่อมา แพนด้ากระโดดลงไปข้างล่าง มันกลับไปตรงที่เก่า พลางก้มลงดมใต้กองกระเบื้อง เธอมองดูมันเงียบๆ ปล่อยให้มันสำรวจความตาย อย่างยอมรับในความเป็นไป


 


บางทีมันอาจจะรู้จักชีวิตดีกว่าเธอ