Skip to main content

นักรบแห่งตันตระ (๒)

คอลัมน์/ชุมชน


 


การใช้ชีวิตร่วมกินร่วมนอน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้คนชาวบ็อน ทำให้เหล่านักรบแห่งพุทธะตระหนักว่า โลกของชนพื้นเมืองนั้นช่างเป็นโลกที่แสนมหัศจรรย์ เต็มเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ดูจะไม่แยกขาดออกจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นเทือกเขาอันสูงตระหง่าน ท้องฟ้าผืนกว้าง สายธารอันคดเคี้ยว การเข้าถึงความเต็มเปี่ยมทางจิตวิญญาณของชาวบ็อนก็ดูจะไม่ใช่เป็นวิถีทางของหลักปรัชญาซับซ้อน ผู้คนที่นี่ทำงานหนักตลอดวัน เขียนไม่ได้อ่านไม่ออก แต่พวกเขาก็ดูมีความสุขอย่างเรียบง่ายในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติตามแบบของเขา


 


จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี พวกเขาได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการร่วมใช้ชีวิตกับคนพื้นเมืองชาวทิเบต พวกเขาให้ความเคารพแก่ภูมิปัญญาพื้นบ้านเสมือนตนเองเป็นส่วนหนึ่งของวิถีวัฒนธรรมนั้น ขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังไม่ลืมที่จะฝึกฝนตนเอง ใช้เทคนิคที่เขาได้เรียนมาจากอาจารย์ สร้างสัมพันธ์กับพลังแห่งการตื่นรู้ด้านใน ในทุกลมหายใจเข้าออก จิตใจที่เปิดกว้าง ว่างจากความคิดหมายมั่น ได้สร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนต่างภาษาและวัฒนธรรม งอกงามเป็นมิตรภาพบนพื้นฐานของการเคารพในศักดิ์ศรีและความดีงามของกันและกันอย่างไม่แบ่งแยกเราเขา


 


การเรียนรู้ร่วมกันก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ทางจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ ชาวบ็อนได้สัมผัสถึงพลังแห่งการตื่นรู้แห่งพุทธะ และชาวพุทธก็ได้เรียนรู้ถึงมิติอันลี้ลับในวิถีแห่งบ็อน พวกเขาต่างเชื้อเชิญกันและกันให้เข้าร่วมในพิธีกรรม ลองฝึกฝนเทคนิคการปฏิบัติ สนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ราวกับเป็นพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน 


 


จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า วิถีแห่งพุทธะค่อยๆ ซึมซับแง่มุมที่หลากหลายจากวัฒนธรรมบ็อนในทิเบตอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งในเรื่องของพิธีกรรม วิถีการปฏิบัติของพ่อหมอแม่หมอ ความสัมพันธ์กับเหล่าทวยเทพ ภูตผีและวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุ มนตรา และอาคมต่างๆ ในขณะเดียวกันวิถีปฏิบัติพื้นบ้านของชาวบ็อนก็ไม่ได้ถูกกลืนหายตายจาก ยังคงถูกส่งผ่านเป็นธารปัญญามาจวบจนปัจจุบัน  ซึ่งหากใครได้มีโอกาสสัมผัสทั้งวิถีบ็อนและวิถีพุทธในทิเบต ก็ยากที่จะบอกถึงความแตกต่างที่เด่นชัด เพราะทั้งสองวิถีปฏิบัติได้ผ่านการแลกเปลี่ยนผสมผสานบนความเคารพซึ่งกันและกันมาเป็นเวลายาวนาน


 


บ็อน ถือเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดต่อการงอกงามที่เต็มไปด้วยจินตนาการ พลังอันเร้นลับ และความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของวิถีพุทธตันตระแห่งทิเบต ดังที่เราพบเห็นได้เช่นเดียวกันในวิถีพุทธในดินแดนต่างๆทั่วโลก ที่ต่างก็มีรูปแบบที่หลากหลาย แตกต่างไปตามพื้นฐานวัฒนธรรมของชาวพื้นเมืองดั้งเดิม


 



 


ก็ด้วยแนวทางแห่งพุทธหาได้ตั้งอยู่บนการยึดติดอยู่ในรูปแบบ พิธีกรรม หรือวิถีการปฏิบัติใดๆอย่างตายตัว แต่หัวใจกลับอยู่ที่การฝึกฝนให้ผู้ปฏิบัติได้เข้าถึงพลังแห่งการตื่นรู้ภายในอันไร้ข้อจำกัดแห่งตัวตน ไม่ว่าจะเป็นเพศ ภาษา วัฒนธรรม หรือชาติพันธุ์ใดๆ  เมื่อปัจเจกบุคคลคนธรรมดาได้สัมผัสและดำเนินชีวิตด้วยความตื่นรู้ในทุกลมหายใจเข้าออก ชีวิตของเขาก็จะกลายเป็นพลังทางปัญญาที่บานสะพรั่งบนความอ่อนน้อม บนความพร้อมต่อการเรียนรู้ และความเอื้ออาทรในการร่วมทุกข์สุขกับทุกผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เกิดเป็นการสนทนาแลกเปลี่ยน กับเพื่อนต่างชาติเชื้อ ต่างความเชื่อ ต่างวัฒนธรรม เรียนรู้จากกันอย่างเป็นธรรมชาติ


 


วิถีแห่งพุทธที่แท้หาได้ตั้งอยู่บนความอหังการในฐานของอำนาจ บนความยิ่งใหญ่เหนือใครๆ หาใช่ความเป็นศาสนา หรืออารยธรรมนำความเป็นชาติ เพราะเมื่อความเป็นพุทธถูกตัดขาดจากการฝึกฝน จนไร้ซึ่งความเข้าใจในความหมายของการดำรงอยู่อย่างนอบน้อม ปราศจากความพร้อมที่จะสัมผัสและรับฟังทุกข์สุขของกัลยาณมิตรรอบข้าง สังคมบนความเป็นพุทธปลอมๆที่ว่าก็กำลังโงนเงนอยู่บนฐานของความประมาท เสมือนดั่งต้นไม้ใหญ่ที่ไร้แก่น ที่กำลังรอวันล่มสลายตายไปในไม่ช้า