รายงานจากไพรด์ บางกอกสมานฉันท์ 2549
คอลัมน์/ชุมชน
ผ่านไปแล้วสำหรับงานไพรด์ ขอเล่าถึงพาเหรดไพรด์ซึ่งเป็นจุดไคล์แมกซ์ของงานก่อนนะคะ
สีสันของพาเหรดสายรุ้งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ชาวสีลมอยู่ไม่น้อย เป็นครั้งแรกค่ะ ที่ผู้หญิงเราได้เข้าไปร่วมเดินอย่างเป็นทางการกับเขาด้วย งานนี้ทีมอัญจารี ร่วมกับ
ต้องขอชื่นชมคนที่ร่วมกันคิดไอเดียนี้ออกมา เพราะมีสีสันสนุกสนานทำให้ดูน่าสนใจมาก แต่ขณะเดียวกันก็จุดประเด็นให้คนได้คิดว่า ผู้หญิงกับผู้หญิงก็รักกันได้ และถ้าเขาสองคนจะแต่งงานกันมันก็เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็ควรจะทำได้ อีกอย่างที่น่าสนใจคือ การแต่งงานนี้ทำแบบไทย ๆ ค่ะ ซึ่งสื่อให้เห็นว่า หญิงรักหญิงนั้นก็อยู่ในวัฒนธรรมไทยเรามาแต่โบร่ำโบราณ และแม้แต่ในขณะนี้เราก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ไม่ใช่มารักผู้หญิงเพราะได้รับอิทธิพลตะวันตกอย่างที่บางคนเข้าใจ
ขบวนขันหมากนี้ไม่ได้สื่อสารกับคนนอกกลุ่มอย่างเดียว ฉันคิดว่าสำหรับหญิงรักหญิง มันเป็นเหมือนกับการสร้างวิสัยทัศน์ของการแต่งงานที่บางทีหญิงรักหญิงเองก็ไม่เคยนึกมาก่อนว่ามันจะเป็นไปได้จริง ถ้าเราได้เห็นภาพอย่างนี้บ่อย ๆ แน่นอนว่ามันจะเป็นพลังช่วยให้เราสามารถจินตนาการชีวิตที่เราอยากให้เป็นได้
ขบวนแห่นี้ทำได้เป็นจริงเป็นจัง มีพลังมากค่ะ คนแห่ก็สนุกสนานเหมือนไปงานจริง ๆ ฉันเองไปช่วยแบกกล้วยในขบวน บางทียังลืมไปด้วยซ้ำว่านี่เขาไม่ได้แต่งกันจริง ๆ ที่มีพลังอีกอย่างก็คือ ไม่มีใครใส่หน้ากากที่เตรียมไว้สำหรับคนที่ไม่กล้าเปิดตัวเลยค่ะ เปิดกันหมดทุกคน เห็นกันจะ ๆ ค่ะว่าใครเป็นใคร แล้วพอเราเปิดเผยตัวเทคโนโลยีก็เป็นใจช่วยให้เราเปิดมากขึ้น ก็บรรดาไทยมุงนี่สิคะ ต่างก็ยกโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปกันสนั่น มองไปข้างหน้านี่ไม่ค่อยเห็นหน้าคนหรอกค่ะ เห็นแต่มือถือ มือถือ แล้วก็มือถือ คงเป็นประสบการณ์เปิดตัวที่น่าประทับใจสำหรับหลาย ๆ คนค่ะ ผ่านมือถือเป็นพัน ๆ เครื่องมาแล้ว ก้าวต่อไปของการเปิดตัว มันก็คงจะง่ายขึ้นอีกเยอะ
พูดถึงภาพรวมของงานไพรด์แล้ว นับเป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งของวงการหญิงรักหญิงค่ะ เพราะทำให้เกิดการร่วมมือกันของกลุ่มหญิงรักหญิงต่าง ๆ อย่างที่เป็นน้องใหม่มาเปิดตัวในงานนี้ก็คือ สาวอีสาน เว็บมาสเตอร์มาแห่ขันหมากด้วยตัวเอง บางคนนั่งรถมาจากขอนแก่นเพื่อร่วมงานเสวนาเปิดปิดคิดยังไง อีกกลุ่มหนึ่งมาตรงจากขอนแก่นเพื่อมาดูพาเหรดโดยเฉพาะกลุ่ม
อีกก้าวสำคัญก็คือ กลุ่มหญิงรักหญิงได้มีโอกาสร่วมงานกับกลุ่มชายรักชายและทีจี (ทรานสเจนเดอร์) ซึ่งเป็นการสร้างชุมชนเราให้เข้มแข็งมากขึ้น ไม่ได้สร้างไปเพื่อหาเรื่องกับใครหรอกค่ะ แต่บางทีการเปิดประเด็นในสังคมมันก็ต้องใช้เครือข่ายที่ช่วยกันเป็นปากเป็นเสียง หลาย ๆ เสียงดังกว่าเสียงเดียวกระเทียมลีบ
เรื่องหนึ่งที่เป็นประเด็นสัมมนาในงานไพรด์ซึ่งเครือข่ายสายรุ้ง ในนาม "กองทุนสนับสนุนและปกป้องสิทธิมนุษยชนของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ" กำลังดำเนินงานอยู่ก็คือ การฟ้องกระทรวงกลาโหมเพื่อให้แก้ไขใบ สด. 43 ที่ออกไปในอดีต ซึ่งระบุว่ากะเทยไม่ผ่านการเกณฑ์ทหารเพราะเป็นโรคจิต บางรายถูกระบุร้ายกว่านั้นอีก บ้างก็ว่าเป็นโรคจิตทราม โรคจิตถาวร โรคจิตผิดปกติขั้นรุนแรง จนไปถึงจิตวิปลาสก็มี คนที่มีใบ สด. 43 ระบุไว้เช่นนี้ จะไปสมัครงานที่ไหนก็คงไม่มีใครรับ ที่เครือข่ายเขาต้องฟ้องนี่ไม่ใช่เพราะเขาคุยกันไม่รู้เรื่องหรอกนะคะ มีการตกลงกับกระทรวงกลาโหมแล้วว่าต่อจากนี้ไปจะไม่ระบุว่าเป็นโรคจิตแต่จะใช้คำอื่น ๆ เช่น "หน้าอกผิดรูป" แทน แต่ไอ้ใบที่เขาเคยออก ๆ มาในอดีตนี่เขาว่ามันกลับไปเปลี่ยนไม่ได้แล้ว ก็ลงเอยที่ต้องใช้กลไกทางศาลเข้าว่าล่ะค่ะทีนี้ น้องน้ำหวาน ซึ่งถูกระบุในใบสด. ว่าเป็นโรคจิตถาวร เป็นผู้ยื่นฟ้อง คุณฉันทลักษณ์ จากกลุ่มสะพาน ก็ร่วมฟ้องกับเขาด้วย เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมากอย่างไม่เป็นธรรม หลาย ๆ ฝ่ายคงต้องเข้ามาช่วยกันร่วมผลักดันกันต่อไป
ฉันคิดว่างานไพรด์ปีนี้ประสบความสำเร็จตามสโลแกนของงานที่ว่า "เอื้อมมือถึงกันและกัน ก้าวมั่นสู่ความภาคภูมิ" งานแม้จะเล็ก และมีการประชาสัมพันธ์ที่เทียบอะไรไม่ได้กับงานพืชสวนโลก เพราะมีงบน้อยกว่ามากนัก แต่ก็ทำให้ความสัมพันธ์ในกลุ่มชาวสายรุ้งแน่นแฟ้นขึ้น หวังว่าปีหน้าคุณ ๆ หญิงรักหญิงจะมาร่วมงานมากขึ้นกว่านี้อีก โดยเฉพาะหน้าใหม่ ๆ เครือข่ายเราจะได้เข้มแข็งมากขึ้น และสามารถสื่อสารเรื่องราวของเราให้สังคมรับรู้ในวงที่กว้างออกไป แล้วก็คนที่เดินดูพาเหรดอยู่บนฟุตบาทหรือบนสถานีรถไฟฟ้า
ปีหน้าลองกระโดดลงมาร่วมพาเหรด มาผ่านประสบการณ์เผชิญหน้ากับมือถือพัน ๆ เครื่องด้วยกัน แล้วคุณจะได้ลิ้มรสว่า การก้าวมั่นด้วยความภาคภูมิในความเป็นหญิงรักหญิงอย่างเต็มตัวนั้นมันเป็นยังไง