Skip to main content

หากนี่คือการพบกันครั้งสุดท้าย

คอลัมน์/ชุมชน

วันนั้น…เรานั่งกันอยู่ในร้านอาหารเล็กๆ ขณะที่ฟ้าข้างนอกเริ่มเคลื่อนเข้าสู่ยามพลบ  ก่อนหน้านี้วัน หรือสองวัน ในการเดินทางร่วมกัน ความสัมพันธ์ของเราช่างดูเปราะบางและอ่อนไหวนัก จนต้องคอยประคับประคอง ทะนุถนอมอย่างดีที่สุด อย่างแผ่วเบาที่สุด  แต่เมื่อถึงวาระนี้ เมื่อเราต้องจากกัน วาระแห่งการกล่าวคำอำลา  ความรู้สึกของเรากลับเข้าสู่มิติที่ดีงามอีกครั้ง  งามกว่าวันที่เราพบกันเสียอีก  เราสนทนากันด้วยเรื่องราวที่เปี่ยมความหมาย  และเรื่องราวเหล่านั้นก็กลายเป็นความทรงจำที่งดงามในเวลาต่อมา  เพราะนี่คือการอำลา…… 


 


รู้สึกไหมว่า หลายครั้งการพบกันของเรา ระหว่างการเดินทาง หรือช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน มันอาจจะดูธรรมดา ๆ  แต่เรื่องราวทั้งหมดจะมีความหมายมากขึ้นก็เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกันนี่เอง  หลายครั้งอีกเช่นกันที่ในการพบกันนั้น ช่วงอำลาคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด


           


ค้นหาบางภาพในความทรงจำ….  เมื่อเรายืนอยู่ในช่วงเวลาที่จะมีคนสักคนจากไปไกลกว่าไกล และเราคาดการณ์ได้ว่า เราคงจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว  ดังนั้นเวลาน้อยนิดที่มีอยู่ เราจึงได้ดูแลกันและกันด้วยหัวใจที่อิ่มเอมและเป็นสุข  ละทิ้งความบาดหมางขุ่นข้องหมองใจที่เคยมีทั้งมวลออกไป…เรื่องราวที่ดีงามหลั่งไหลกลับเข้ามา เราได้ชื่นชมกันและกัน และแม้ข้อผิดพลาดใดที่เกิดขึ้น มันก็กลายเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยที่เราพร้อมจะให้อภัยกันและกันเสมอ  เรื่องราวที่เป็นการบั่นทอนอารมณ์ เราก็พร้อมจะช่วยกันดูแล  เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดใดใดขึ้นในด้านที่จะเป็นผลทางลบ เราอาจจะไม่มีโอกาสแก้ไขได้อีกแล้ว นั่นเราจะไม่มีโอกาสเริ่มต้นใหม่


           


พระนามหนึ่งขององค์ทะไล ลามะ คำในภาษาธิเบต "คุนดุน"  ซึ่งมีความหมายว่า "ดำรงอยู่เพื่อท่าน"  หลายครั้งหลายหนกระมัง ที่เราอยู่กับคนใกล้ชิดในแบบที่เป็นคนใกล้ชิด แบบที่เป็นอยู่ในยุคสมัยของเรา  ไม่มากก็น้อยเราดำรงอยู่เพื่อตัวเองแต่ฝ่ายเดียว โดยไม่รู้ตัวเราก็เรียกร้องการเอาใจใส่จากอีกฝ่าย  นั่นก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราสั่นคลอนได้ง่าย  ส่วนนั้นอาจจะหมายรวมถึงว่า เราได้แยกตัวตนของเราออกมาเป็นปัจเจกภาพ เราไม่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน  ในภาวะเช่นนั้นบ่อยครั้งที่เราจะพบว่า คนใกล้ชิด คนที่เรารักมักสร้างความขุ่นข้องหมองใจ ความหงุดหงิดรำคาญให้เราอยู่เสมอ แม้เราจะยืนยันในความรู้สึกของเราเองได้ว่า เขาคนนั้นคือคนที่เรารัก  และนั่นก็เป็นสาเหตุ เป็นการถากถางทางที่จะนำไปสู่ความล้มเหลวของสัมพันธภาพ  เมื่อเมล็ดพันธ์แห่งความบาดหมางได้เติบโตเต็มที่  และมันย่อมเป็นตอนจบที่เจ็บปวดรวดร้าวใจ 


           


ทั้งหลายทั้งปวงหากเรามองเห็นตัวตนของตน และมองตัวตนของอีกฝ่ายได้ชัดเจน  เราจะเรียนรู้ที่จะประคับประคองความสัมพันธ์นั้นร่วมกัน ให้ทั้งหมดของการดำรงอยู่ของเราเป็นการดำรงอยู่เพื่ออีกฝ่ายหนึ่ง คนใกล้ชิด คนที่เรารักนั้น  นั่นคงทำให้เราได้มองเห็นจิตวิญญาณอันจริงแท้ของทั้งสองฝ่าย  และเป็นการถากถางทางที่จะนำพาความสัมพันธ์ของเราไปสู่การเติบโตไปพร้อมๆ กัน  อย่างสมดุล และงดงาม  ว่าก็ว่า…นั่นมันฟังดูเหมือนกับเป็นอุดมคติ เป็นศิลปะการดำเนินชีวิตที่แสนละเอียดอ่อน  เป็นโลกแห่งความฝันที่ยากจะเป็นจริง หรือถ้าเป็นจริง มันก็ก็คงยากที่จะไปถึง  แต่เพียงการเริ่มต้นจากเล็กน้อย สิบนาทีนี้ เราจะอยู่เพื่อท่าน ชั่วโมงนี้เราจะอยู่เพื่อท่าน วันนี้เราจะอยู่เพื่อท่าน  สักวันมันจะเป็น ทั้งชีวิตนี้เราจะอยู่เพื่อท่าน  นั่นคงเป็นการเริ่มต้นที่ดีงาม  ทั้งหมดนี้มันย่อมรวมไปถึงว่า ทุกครั้งที่เราอยู่เพื่อท่านนั้น นั่นคือการอยู่เพื่อตัวเราเอง และอยู่เพื่อกันและกันด้วย  หนทางคงไม่ได้ยาวไกลเกินไป เพราะหากทุกย่างก้าวแปลว่า จุดหมาย เช่นนั้นแล้ว สิบนาที กับทั้งชีวิตก็เท่ากัน


           


หากว่า เราทำให้การพบกันแต่ละครั้ง เหมือนกับว่านั่นคือการพบกันครั้งสุดท้าย  ความหมายของการพบกันคงมีความหมายมากขึ้นมากมายนัก  ทุกสิ่งที่เราทำให้เขา ย่อมจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทุกถ้อยคำที่เรากล่าวกับเขาย่อมเป็นถ้อยคำที่ดีที่สุด  และนั่นก็ด้วยความรู้สึกอันจริงแท้ ไม่ใช่การเสแสร้างแกล้งดัด  และหากเราทำให้ทุกช่วงเวลาของเราเป็นประหนึ่งบรรยากาศแห่งการอำลา  เช่นนั้นแล้ว ทุกช่วงเวลาของเราก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด


           


ณ ร้านอาหารเล็กๆ  ขณะฟ้าย่างเข้าสู่ยามพลบ  ถ้อยคำดีๆ  ที่ไหลผ่านจากความรู้สึกดีๆ  แย้มพรายผลุดโผล่ออกมาเหมือนมันจะไม่มีที่สิ้นสุดดั่งสายน้ำกระนั้น  ถ้อยคำและความรู้สึกดีงามทั้งหลายนั้นคือของขวัญล้ำค่าที่เราได้มอบให้แก่กันและกัน  และหากว่านั่นจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายจริงๆ  ก็ถือว่า เราได้มอบและรับสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว  และมันงดงามเสมอในทรงจำ