Skip to main content

วันที่ฉันคิดอยากจะฆ่าตัวตาย

           


 


            ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นเพราะเหตุใด


            ในวันที่ฉันหมดสิ้นความหวังกับชีวิต


            และกำลังคิดอยากจะฆ่าตัวตาย


            ขณะนั่งอยู่เพียงลำพังคนเดียวที่หน้าต่างกระท่อม


            มองออกไปตามทางเท้าเล็ก ๆ


            ที่ทอดยาวออกจากประตูรั้วบ้านไปสู่ถนนสายใหญ่


            ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า…


            ในยามพลบค่ำอันหม่นมัว


 


            หลังจากที่ฉันได้ออกจากบ้าน


            เที่ยวไปเคาะประตูแห่งความหวังของชีวิต


            ทุก ๆ ประตูในดินแดนแห่งความหวัง


            แต่ปรากฏว่าไม่มีใครเลยสักคน ณ ดินแดนแห่งนี้


            ปรากฏตัวออกมา


            เปิดประตูต้อนรับฉันแม้แต่คนเดียว


            ราวกับว่าประตูแห่งความหวังของชีวิต


            ทุก ๆ ประตูในโลกนี้


            ได้ถูกปิดตายสำหรับฉันไปหมดแล้วในวันนี้


 


            ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นเพราะเหตุใด


            ในวันที่ฉันหมดสิ้นความหวังกับชีวิต


            และกำลังคิดอยากจะฆ่าตัวตายในวันนี้


            ฉันจึงนึกขึ้นมาได้ถึงวัน ๆ หนึ่งในวัยเด็ก


            วันที่ฉันถือคันเบ็ดตกปลาและกระป๋องเหยื่อออกจากบ้าน


            เที่ยวเดินลัดเลาะไปนั่งตกปลาเล่น


            ตามร่มเงาของต้นไม้ริมลำคลองที่ไหลตัดผ่านหมู่บ้าน


            ท่ามกลางบ้านเรือนสองฟากฝั่งลำคลองที่ปิดเงียบ


            ได้ยินแต่เสียงลมพัดยอดไม้เบา ๆ


            และเสียงนกเขาขันคูอยู่ในกรงที่แขวนอยู่ตามระเบียงบ้าน


            เพราะผู้คนต่างพากันออกจากบ้านไปทำงานข้างนอก


 


            ฉันเดินเที่ยวเล่นตกปลาประสาเด็ก


            ตั้งแต่ปากคลองรับน้ำจากแม่น้ำสายใหญ่ที่ชื่อว่า แม่น้ำขาน


            ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ…


            ไปสิ้นสุดที่กลางทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน


            ก่อนจะกลับบ้านมาด้วยมืออันว่างเปล่า


            และนึกตลกขบขันกับตัวเองมาตลอดทาง


            เพราะคิดว่าปลาทั้งลำคลอง


            คงจะตาบอดและหูหนวกกันทุกตัว


            จึงไม่มีปลาตัวไหนพลัดหลงมากินเหยื่อ


            และติดเบ็ดของฉันแม้แต่ตัวเดียว


 


            ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นเพราะเหตุใด


            เมื่อฉันนึกถึงวันนั้นขึ้นมาในวันนี้


            และคิดแบบเด็ก ๆ ในวันนั้นกับวันที่เลวร้ายในวันนี้ว่า


            ผู้คนในดินแดนแห่งความหวังที่ฉันเที่ยวไปเคาะประตู


            คงจะตาบอดและหูหนวกกันทุกคนในวันนี้


            จึงไม่มีใครมองเห็นฉัน


            และได้ยินเสียงฉันเคาะประตู


            ด้วยเหตุนี้…


            จึงไม่มีใครออกมาเปิดประตูต้อนรับฉันแม้แต่คนเดียว


            แล้วฉันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดัง ๆ ด้วยความขบขัน


            ในทันทีทันใดที่ฉันคิดได้ว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน


           


            ใช่


            มันเป็นเรื่องเดียวกัน


            แต่ต่างกันนิดเดียวตรงที่ว่า


            วันเวลาในวัยเด็กวันนั้นของฉัน


            ฉันได้ยึดถือเอาเรื่องการตกปลาของฉัน


            เป็นเรื่องสนุกสนานตามประสาเด็กที่คิดเอาง่าย ๆ ว่า


            ถ้าตกปลาได้ก็ถือว่าเป็นโชคดี


            แต่ถ้าตกไม่ได้ก็แล้วไป


            ไม่มีอะไรต้องเก็บมาคิดให้วุ่นวายมากเรื่อง


 


            แต่ฉันกลับมายึดถือ


            เอาเรื่องความหวังสารพัดความหวังในชีวิตของตัวเอง


            ในวันวัยที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เฉลียวฉลาดในวันนี้


            เป็นเรื่องจริงจังที่ผิดหวังไม่ได้


            ฉันจึงเป็นทุกข์เกือบจะฆ่าตัวตาย


            เพียงเพราะคิดต่างกันนิดเดียวแค่นี้เอง


 


            นั่นแหละ!


            ฉันจึงได้คำตอบที่ดีที่สุดจากความเลวร้ายของชีวิตในวันนี้ว่า


            ความคิดของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด


            เพราะมันอาจจะนำเราไปสู่หลุมฝังศพ


            หรืออาจทำให้เราหัวเราะตลกขบขันก็ได้


            แม้ในวันที่มืดมนที่สุดของชีวิต.