Skip to main content

มองพืชสวนโลก: ว่าด้วย ดี งาม จริง ลวง

คอลัมน์/ชุมชน

ผมกลับจากหลวงพระบางมาหมาดๆ


พอมาถึงเชียงใหม่ ก็มีเสียงทักทาย มีคำถามอยู่ย้ำๆ


 


"อยู่เชียงใหม่ ไปแอ่วพืชสวนโลกมาหรือยัง!?..." หลายคนเอ่ยถาม ผมส่ายหน้า ก่อนเงียบงัน...


           


ไม่รู้เป็นไง ว่าพักหลังมานี้ ผมรู้สึกเบื่อๆ อยากหนีไปไกลๆ ไกลจากสิ่งจอมปลอมลวงโลกที่อยู่รายรอบข้าง


 


ยิ่งงานมหกรรมพืชสวนโลกที่กำลังจัดกัน จนถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่ได้เข้าไปเที่ยวชม และไม่คิดอยากจะเข้าไปชมเหมือนกับคนอื่นๆ อย่างที่บอกนั่นแหละว่า มันมีอะไรที่แปลกแปร่งยังไงพิกล...ยิ่งทำให้ผมรู้สึกสะอิดสะเอียนกับมหกรรมเช่นนี้มากขึ้นนับทวีคูณ


 


ครั้นพอผมไปเปิดอ่านงานเขียนบางเรื่องราวเกี่ยวกับงานพืชสวนโลกและโลภไว้ในเว็บไซต์ใน bloggang ส่วนตัว.


 


ในขณะพืชสวนแปลกใหม่ ต้นไม้แปลกหน้าผุดขึ้นตรงโน้นตรงนั้นอย่างรีบเร่ง
เหมือนเนรมิตด้วยน้ำมืออำนาจผู้พลิกเปลี่ยนผืนดินผืนโลกได้ในชั่วพริบตา
ทว่าเมื่อหันมองชุมชนเล็กๆ ใกล้ชิดติดกันนั้นกลับดูเหว่ว้าเศร้าโศก
ดั่งเพลงวิปโยควิถีอยู่อย่างเล็กลีบซีดเซียวหม่นหมอง หม่นเศร้า
อย่างที่รู้รู้กันนั่นแหละ,จดจ้องมองสิในยามค่ำคืน
ขณะแสงไฟหลายร้อยพันดวงสาดสว่างจ้าไปทั่วพื้นที่ 470 ไร่
ทว่าชุมชนแม่เหียะใน 76 หลังคาเรือน ยังคงจมอยู่ในความมืด
ชีวิตอยู่กับความมืดนั้นมานานและนาน
มีเพียงแสงไฟ แสงตะเกียงส่องวูบไหววอมแวม...



ในขณะเสียงกระหึ่มโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์ดังไปทั่ว
"พืชสวนโลกคือความภาคภูมิใจ คือความงาม"
ทว่าอีกหลายฝ่ายต่างมองและส่ายหน้า- -
"พืชสวนโลกคือความอัปลักษณ์และเน่าเหม็น!"ฯลฯ


 


ผลสะท้อนจากมิ่งมิตรที่เข้ามาอ่าน มีทั้งกลุ่มคนที่เข้าไปเที่ยวงานพืชสวนโลกกลับมา ทั้งกลุ่มที่ไม่คิดจะไปเที่ยว ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย...ลองอ่านดูครับ...


 


"ไปเที่ยวมาแล้วเมื่อวันที่ 4 ที่ผ่านมา บอกไม่ถูกนะครับว่ารู้สึกยังไง เหมือนจะผิดหวังกับภาพที่เห็น....คงเพราะตั้งความหวังกับงานมากเกินไปมั้งครับ"


Carlziess Lens


 


"ไปดูสวนผักชี ก็เข้าทีนะเออ"


อิวอกหน่อย


 


"สงสัยว่าต้นผักชี ในงานนี้คงเยอะน่าดูเลยนะคะ!"


นายยีราฟน้อย


 


"ไม่คิดจะไปงานราชพฤกษ์ ไม่คิดเลยว่าจะต้องไป ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อาจจะเพราะไม่ชอบคนเยอะๆๆ ก็ได้ เลยอยู่บ้าน...อยู่บ้านดีที่สุด"


ดาริกามณี


 


"ไม่คิดอยากไปเลยค่ะ ไม่ชอบคนเยอะๆ งานที่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้เห็นความโลภของคนจนน่าหดหู่หัวใจแบบนี้ยิ่งไม่อยากไป"


มัชฌิมา


 


"ไม่คิดอยากไปเลยค่ะงานพืชสวนโลภ อ่านแล้วเศร้าใจ ทำให้คิดว่า...ตัวเองคิดถูกแล้วค่ะที่ไม่ได้ไป"


ตะกร้าหวายสีขาว


 


"อ่านข่าวดอกทิวลิปทนความร้อนไม่ไหว เหี่ยวเฉา...เกือบตาย แล้วก็ออกจะสงสารดอกไม้"


PANDIN


 


"อย่างที่เป็นอยู่นี่ไงละคะ คือประเทศที่กำลังพัฒนา การดำรงอยู่ของประชากรจะแตกต่างกัน คนรวยก็รวยขึ้นรวยขึ้น แต่ชนชั้นล่างหรือคนหมู่มากที่หาเช้ากินค่ำก็ยังอยู่แบบเดิมไม่ร่ำรวยหรืออยู่อย่างสบายซะทีมีแต่แย่กว่าเดิม เขาบอกว่า GDP Growth แต่ชนชั้นรากหญ้าก็ไม่ได้ดีกว่า แล้วมัน Growth ยังไงละเนี่ย"


แปรเปลี่ยน


 


"ลูกศิษย์ที่หอแม่เหียะ เล่าว่าจะย้ายหอแล้ว เพราะน้ำไม่ไหลบ่อย เนื่องจากถูกทางการเอาน้ำไปใช้...ใช้ทำอะไรลองคิดดู"


ปิ่นเดือน ครูดอย


 


ผมไม่รู้ว่า ภายในงานเป็นอย่างไรกันบ้าง แต่เมื่อผมอยู่ข้างนอก เสียงสะท้อนกลับดังก้องออกมาให้ยินอยู่ทุกวี่ทุกวัน  แน่นอน  หลายคนบ่นกับผมว่า มันเป็นการค้ากำไรเกินควร มันเป็นการเอารัดเอาเปรียบ และกีดกันพ่อค้าแม่ขายคนเล็กคนน้อย แต่กลุ่มพ่อค้ารายใหญ่ที่อยู่ข้างในกลับขายของได้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน ท่ามกลางเสียงบ่นก่นด่าว่าแพงชิบ...


 


และหลายคนบ่นว่านี่มันเป็นงานมหกรรมเดินทนและร้อน!!


 


"เป็นไงมั่ง ไปเที่ยวงานพืชสวนโลก..." ผมเอ่ยถามนักเขียนรุ่นพี่คนหนึ่ง...


"ไปแล้วไม่ผิดหวัง...เพราะผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับงานเช่นนี้..." เขาบอกกับผมด้วยน้ำเสียงเสียดสีและเย้ยหยัน


 


จริงสิ, ที่เขาเข้าไปเที่ยวในงาน ก็เพราะจำยอม จำต้องเป็นคนนำพาพ่อตาแม่ยาย และเด็กๆ เข้าไปเที่ยวโดยมิอาจบิดพลิ้ว ทั้งๆ ที่ใจเขาไม่อยากเข้าไปเที่ยวชมอยู่แล้ว


 


เขาจึงบอกว่าไปแล้วไม่ผิดหวัง เพราะไม่ได้คาดหวัง...


 


และเชื่อว่า หลายคนคงถูกบีบบังคับด้วยความกล้ำกลืนฝืนและจำยอม (ทั้งจากพ่อตาแม่ยาย ทั้งภาครัฐที่ยัดเยียดผ่านการโฆษณากรอกหูอยู่ทุกวัน) ให้จำต้องเข้าไปเที่ยวชมงานด้วยเหตุผลเช่นนี้ ไม่มากก็น้อย...


 


มาถึงห้วงยามนี้,ทำให้ผมหวนนึกไปถึงหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ที่เราพบเจอกันโดยบังเอิญที่หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกของ สปป.ลาว ตรงบริเวณทางแยกของถนนข้าวเหนียว (ถนนคนเดินของหลวงพระบาง) ยามค่ำคืน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา.


 


ค่ำคืนนั้น เราแบกโปสการ์ดภาพแม่น้ำโขง หลวงพระบาง ไปนั่งวางขายบนบาทวิถีของถนนข้าวเหนียว (เพื่อเป็นทุนรอนในการเดินทาง เป็นค่าเรือโดยสารที่ล่องแม่น้ำโขงไป-กลับ)


 


หนุ่มสาวสองคนหยุดแวะที่แผงของพวกเรา พร้อมทักทายด้วยน้ำเสียงเคยคุ้น...


ถามไปถามมา บอกพวกเราว่า เป็นคนไทย มาจากเชียงใหม่ เอ้า! ไม่อยู่เที่ยวงานพืชสวนโลกเหรอ!? ใครคนหนึ่งโยนคำถาม...หนุ่มสาวคู่นั้นส่ายหน้าเหยเกเกือบพร้อมๆ กัน


 


"เบื่อมากเลย รู้มั้ยบ้านผมอยู่ติดกับงานพืชสวนโลกด้วย ก็เลยปิดบ้านพากันหนีมาเที่ยวหลวงพระบางกันดีกว่า..." หนุ่มเชียงใหม่บอกกับเรา


 


จริงสิ, ถ้าเปรียบเทียบระหว่างการเดินเที่ยวงานพืชสวนโลก กับการไปเดินเยี่ยมยามในหลวงพระบาง มันคงแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ที่หลวงพระบาง ไม่ต้องปรุงแต่ง ไม่ต้องเสแสร้ง ไม่ต้องกวาดต้อนของแปลกแยกแปลกใหม่มากองไว้ในที่เดียวกันเหมือนงานพืชสวนโลก แต่มันมีความงาม ความจริง ตั้งวางอยู่ให้เราได้ชื่นชมสัมผัสอย่างนั้นมานานนับนาน สมค่าควรคำ "มรดกโลก"อันล้ำค่า


 


ดี งาม จริง ลวง ...ผมชอบคำสี่คำนี้


มันทำให้ผมได้มีเวลาครุ่นคิด นิ่ง และมองเห็นอะไรได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ว่าแท้จริงในชีวิตคนเรานั้นต้องการอะไรและชอบอะไรมากกว่ากัน!?


 


หลายคนอาจมองเห็นและชื่นชอบ ดี งาม และจริง...


ทว่าหลายคนกลับชอบกับคำ ลวง!