Skip to main content

ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาวินาศ

คอลัมน์/ชุมชน


สัปดาห์นี้ เป็นวันหยุดยาว เนื่องในเทศกาลปีใหม่ เป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่ได้พักจากหน้าที่การงาน อยู่กับครอบครัวหรือไปท่องเที่ยวตามแหล่งธรรมชาติ และชนบท เพื่อผ่อนคลายความเครียด ความเหนื่อยล้าที่รับมาทั้งปี


ดิฉันจึงขอเสนอสาระที่ชวนคิด เพื่อทบทวนการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติภารกิจ ทั้งโดยส่วนตัว ครอบครัวและสังคม ของประเทศชาติ ของโลกโดยรวม เพื่อร่วมกันสร้างสัมมาทิฐิ คือ ความเห็นชอบ ตามหลักอริยมรรค มีองค์ ๘ อันเป็นข้อธรรมเบื้องต้นที่จะนำไปสู่ข้ออื่นของอริยมรรค คือ ความดำริชอบ (สัมมาสังกัปโป) วาจาชอบ (สัมมาวาจา) การทำอาชีพชอบ (สัมมาอาชีโว) การประพฤติปฏิบัติชอบ (สัมมากัมมันโต) ความเพียรชอบ (สัมมาวายาโม) ความระลึกรู้ชอบ (สัมมาสติ) และสมาธิชอบ (สัมมาสมาธิ)


ท่านพุทธทาสภิกขุได้เตือนสติคนในสังคมไว้หลายปีแล้วว่า "ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ" ซึ่งบาทหลวงวิชัย โภคทวี พระสงฆ์คาทอลิก ผู้ทุ่มเททำงานเพื่อสร้างความเป็นธรรมและสันติสุขให้กลุ่มผู้ด้อยโอกาสในประเทศไทยมานานกว่า ๒๐ ปี ได้นำธรรมะของท่านพุทธทาสมาพูดอีกครั้ง เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๗ ในการสัมมนาโต๊ะกลมเรื่อง "แนวทางสร้างสันติสุขสู่ภาคใต้" ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา


ประธานวุฒิสภา คือ ท่านสุชน ชาลีเครือ ได้กรุณามาเป็นประธานเปิดการสัมมนา ทั้งยังอยู่ร่วมในพิธีกรรมเพื่อสร้างความรัก ความเมตตาและสันติสุขสู่ภาคใต้ และชาวไทยทั้งมวลของศาสนาอิสลาม คริสต์ และพุทธ ล้วนเป็นพิธีกรรมที่มีความหมายดีงาม นำความปลื้มปิติมาสู่ผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่าน


ในการเสวนาโต๊ะกลม บาทหลวงวิชัย ได้เสนอทางออก ๒ ทาง คือ


ทุกศาสนาต้องผนึกกำลังกัน เพื่อให้ธรรมะเผยแพร่สู่มวลมนุษย์ โดยสร้างความเมตตาเพื่อเยียวยาความรุนแรง ให้ธรรมเหนืออธรรม เพราะปัจจุบัน สังคมไทยมีอำนาจของอธรรมอยู่มาก ผู้มีอำนาจได้เปรียบทุกอย่าง ผู้ไร้อำนาจเสียเปรียบทุกอย่าง โดยไม่มีการต่อสู้


ต้องร่วมกันทำให้สังคมหลุดพ้นจากอำนาจวัตถุนิยม เพราะอำนาจของบริโภคนิยมและโลกาภิวัฒน์ กำลังทำลายโลก ศาสนิกชนต้องรวมตัวกัน ทำให้สังคมต้องช้าลงจากการหลงใหลทางวัตถุ รสอร่อยของวัตถุนิยม เติบโตเป็นกิเลส คนบูชากิเลส มุ่งหาเหยื่อสนองกิเลส โลกจึงขาดสันติภาพ เพราะคนมัวแต่หาเหยื่อสนองกิเลส จึงเกิดสงคราม เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน เกิดปัญหายาเสพติด


บาทหลวงวิชัย กำลังทำอาศรมภาวนา สร้างชุมชนพึ่งตนเอง ทำนาร่วมกับชาวนา ชาวนาบอกว่า "แทรกเตอร์ทำงานได้เร็วกว่าคนกับควาย" บาทหลวงจึงเตือนสติว่า "การทำนา ทำให้ได้ธรรมะจากการทำนา ได้รู้ถึงความเหนื่อยยาก ความอดทน ได้น้ำใจจากเพื่อนชาวนา ได้รู้ทุกข์สุขของกันและกัน ได้เข้าถึงจิตใจของกันและกัน"


"ทุนนิยมกำลังใช้ศาสนาเป็นร่างทรง ทุกศาสนาควรร่วมกันชำระคำสอน ให้เข้าถึงแก่นแท้ของทุกศาสนา ถ้าเข้าถึงแก่นแท้ของทุกศาสนาได้ ความขัดแย้งในโลกจะน้อยลง"


"ภารกิจอันสูงสุดของทุกศาสนา คือ การต่อสู้กับอธรรมด้วยสันติวิธี" คือบททิ้งท้ายของบาทหลวงวิชัย



อาจารย์วินัย สะมะอุน รองประธานคณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย ได้เสนอว่า เหตุที่แก้ปัญหาภาคใต้ไม่สำเร็จ เพราะ ๕ อ. คือ


อวิชชา ความไม่รู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ประเพณี และชุมชนท้องถิ่น ทุกฝ่ายที่ลงไปต้องมี "วิชา" คือ ความรู้ ความเข้าใจที่ดี ถ้าเข้าไปด้วยความไม่รู้ ก็จะถูกโต้ตอบด้วยอวิชชา
อคติ คือ การถูกปลูกฝัง ครอบงำด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดอคติในใจ
อธรรม
อำนาจนิยม
อามิสนิยม
คือ พัฒนาที่มุ่งทุนทางวัตถุนิยม บริโภคนิยม อำนาจและอธรรม ย่อมไม่เป็นเหตุให้เกิดสันติสุขได้


พระดุษฎี เมธากูร เจ้าอาวาสวัดทุ่งไผ่ จังหวัดชุมพร ศิษย์เอกของท่านพุทธทาส ได้นำธรรมะของท่านพุทธทาสภิกขุมาเป็นประเด็นนำว่า "ศีลธรรมของยุวชน คือสันติภาพของโลก" การพัฒนาต้องสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนด้วย ทุกส่วนในสังคม ต้องสนับสนุนให้ทุกศาสนาเข้มแข็ง เผยแพร่หลักธรรมได้สะดวก รัฐบาลต้องปรับปรุงทิศทางการบริหารประเทศ ถ้าส่งเสริมธรรมะมากขึ้น สังคมจะเข้มแข็ง และปรับเพิ่มงบประมาณที่ให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพียงปีละ ๑,๐๐๐ กว่าล้านบาท


หากรัฐบาลมัวแต่ใช้เวลากับการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งยิ่งทำให้จิตใจของคนในสังคม สับสน วุ่นวาย และถ้าผู้ใหญ่ในสังคม ยังมีความโลภ โกรธ หลง ก็ไม่ถือว่าเป็น "ผู้ใหญ่" ดังนั้น "นักการเมืองต้องปฏิบัติธรรมกันให้มาก"


พระดุษฎี ได้เสนอว่า "ทางออกของสังคมยุคนี้ คือ ศาสนิกของทุกศาสนา ควรศึกษาหลักธรรมของศาสนาอื่น ชาวพุทธต้องแยก "ไสยพาณิชย์" ออกจากพุทธที่แท้ให้ได้ การได้ร่วมเสวนา ได้ร่วมภาวนา ปฏิบัติธรรมกับทุกศาสนา จะช่วยให้เข้าใจกัน เช่น ชาวพุทธร่วมถือศีลอดกับชาวอิสลาม เพื่อให้เข้าถึงความทุกข์ทรมานจากการอดน้ำ อดอาหาร ชาวพุทธเข้าโบสถ์กับชาวคริสต์ ชาวคริสต์ ชาวอิสลามมาร่วมสวดมนต์ ปฏิบัติธรรมกับชาวพุทธ เพื่อให้เข้าใจหลักแห่งความดีงามและจุดแข็งของทุกศาสนา เพื่อให้ทราบถึงแก่นแท้ของแต่ละศาสนา อาทิ แก่นของพุทธ คือ ผู้รู้ ตื่น เบิกบาน แก่นของคริสต์ คือ ผู้ไถ่ แก่นของอิสลาม คือ ผู้รักสันติ โดยไม่มุ่งที่จะเปลี่ยนศาสนาที่เขานับถืออยู่แล้ว"


"ทุกครอบครัว ทุกโรงเรียนต้องให้เวลากับการปฏิบัติศาสนกิจ และนำศาสนามาปฏิบัติในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทั้งศีล สมาธิ ปัญญา"



คุณนารี แซ่ตั้ง จากกลุ่มศาสนิกเพื่อชาวไทย เป็นนักสันติวิธีที่ได้ฝึกฝนและเผยแพร่แนวทางสันติวิธีมานานนับสิบปี ได้เสนอว่า ทางแก้ปัญหาความรุนแรงในภาคใตคือ การนำหลักศาสนธรรมสู่สังคม เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง ต้องหาสาเหตุของแผล และห้ามเลือด พร้อมทั้งเยียวยาไปพร้อม ๆ กันด้วย


กลุ่มผู้หญิงเพื่อสันติภาพ ได้รวมตัวกันเพื่อเยียวยาจิตใจของผู้หญิง ซึ่งเป็นภรรยาที่สามีตายจากเหตุการณ์ความรุนแรง ทำให้มีภาระร่วมกัน คือ ผู้หญิงต้องรับภาระดูแลลูก ทั้งหญิงชาวบ้านและหญิงภรรยาของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ขณะที่หญิงบางคนก็กำลังท้องแก่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิม จุดที่ต่างกัน คือ ภรรยาชาวบ้านไม่มีสวัสดิการรองรับ มีลูกหลายคน ลูกที่ยังเล็กอยู่ แม่ก็ต้องรีบหย่านม เพื่อไปทำงานเลี้ยงลูก คือ กรีดยางแต่เช้ามืด ขณะที่ภรรยาข้าราชการมีสิทธิประโยชน์ แต่ยังไม่ได้รับสวัสดิการดังกล่าว


ผู้หญิงที่มาเข้ากลุ่ม ได้น้อมรับฟังความทุกข์ของกันและกัน ปัญหาที่ผู้หญิงชาวบ้านสะท้อนให้ฟัง คือ การพัฒนาที่ไม่สอดคล้องกับหลักศาสนาและวัฒนธรรม เช่น มีแหล่งบันเทิง คาราโอเกะในพื้นที่ ทำให้พ่อแม่สอนหลักของศาสนาอิสลามได้ลำบาก ทางการได้ชี้แจงชาวบ้านว่า แหล่งบันเทิงมีไว้เพื่อผ่อนคลายความเครียดของแรงงานต่างถิ่น


นอกจากนี้ ยังมีช่องว่างในการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ชอบชาวบ้านที่พูดไทยไม่ได้ อ่านเขียนไทยก็ไม่ได้ เมื่อมีเอกสารทางการกำกับตราครุฑส่งมาถึงบ้าน ชาวบ้านก็กลัวและไม่เข้าใจ เจ้าหน้าที่บางคนมีอคติ ระแวงชาวบ้าน ชาวบ้านที่ยากจน ไม่มีทางทำมาหากินในไทย ต้องข้ามไปทำงานฝั่งมาเลย์ ขากลับมีเงินมาเลย์ในกระเป๋า ก็ถูกระบุว่า เป็นคนต่างชาติ


ความกลัวได้แผ่ขยายออกไปมาก เพราะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ลงไปในพื้นที่มาก โดยไม่รู้วัฒนธรรมท้องถิ่น ไม่มีความสัมพันธ์ ไม่มีการสื่อสารกับชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านยิ่งหวาดกลัว ทำมาหากินตามปกติไม่ได้ จะไปไหนก็ต้องไปทีละหลาย ๆ คน เพราะกลัวโดนอุ้ม



สถานการณ์ชายแดนภาคใต้ยังไม่จางคลายจากความรุนแรง ก็พลันเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ จากแผ่นดินไหวในหมู่เกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย มหาสมุทรอินเดีย ทำให้ ๙ ประเทศและ ๖ จังหวัดภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามันของไทย ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ยอดผู้ตายเมื่อเช้าวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๗ รวม ๘๖๖ ศพ ผู้บาดเจ็บ ๗,๓๐๖ คน ศรีลังกามีคนตายมากที่สุด ๑๒,๐๐๐ ศพ รวมทั้ง ๙ ประเทศถึง ๒๕,๐๐๐ ศพ


ข่าวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เช้าวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๗ เป็นต้นมา จึงเป็นข่าวที่นำความเศร้าสลดมาสู่ชาวไทยและชาวโลกทั้งมวล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระราชนัดดา คุณพุ่ม เจนเซ่น ต้องสิ้นชีวิตไปด้วย ยิ่งนับเป็นความเศร้าทวีคูณ


วันหยุดเทศกาลปีใหม่ ๒๕๔๘ นี้ ทุกคนจึงควรใช้เวลากับการปฏิบัติธรรมด้วยการบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ให้เข้าถึงหลักไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจัง คือ ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนที่เกิดขึ้นได้ทุกขณะในชีวิต มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเป็นธรรมดา ทุกขัง คือ ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ และการประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ เป็นต้น และอนัตตา คือ ความไม่มีตัวตน เข้าไปยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ ควบคุมให้เป็นไปตามที่ต้องการไม่ได้


หากทุกคนได้ใช้หลักศาสนธรรม เจริญภาวนาอยู่ที่บ้าน หรือที่วัดวาอาราม ศาสนสถานต่าง ๆ แล้วแผ่เมตตาให้ผู้ประสบภัย แทนการที่จะสนุกสนาน กินเหล้าเมายา หาความสุขเฉพาะหน้าใส่ตัวโดยขาดสติ เหมือนดังเทศกาลปีใหม่ที่ผ่าน ๆ มา


จะเป็นการทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้น ด้วยปัญญาและเมตตา การฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว และการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นใหม่ ก็จะทำได้ด้วยความรอบคอบ สันติสุขจะคืนสู่สังคมไทยและสังคมโลกได้อย่างแท้จริง