Skip to main content

ผู้ชายจากเกาะอังกฤษ

คอลัมน์/ชุมชน


ภาพจาก www.mccullagh.org/.../sahara-desert-sand-dune


 


ปาร์ตี้แรกของฤดูท่องเที่ยว


 


บนเวิ้งกว้างของหาดทรายชายทะเล จันทราแย้มดวงจ้องมองมายังผู้คนที่เมามายบนชายฝั่ง บ้างเมาเหล้า บ้างเมาชีวิต บ้างเมาแสงจันทร์นวล


 


เสียงดนตรีเร็กเก้เร้าใจให้ไหวโยกตาม แต่ละคนพร้อมกระโจนลงสู่ทะเลเมามาย นักท่องเที่ยวผิวเผือกทยอยเข้ามาแล้ว คนพื้นถิ่นที่มองเห็นล้วนขาเต้นเจ้าประจำจากปีก่อนๆ  มีหน้าตาใหม่ๆเข้ามาบ้าง คงเป็นนักท่องเที่ยวจากเมืองหลวงผู้พิสมัยดนตรีแนวอิสระ เปิดทัวร์ปีนี้ คงคึกคักแน่


 


"หวัดดี มาจากไหนคะ"  ต้องตะโกนเสียงดังแข่งกับเวที


"อังกฤษครับ" เขายิ้มตอบ ถือโอกาสนั่งลงบนเสื่อข้างๆเธอ


"คุณล่ะ"


"ฉันอยู่ที่นี่ ที่นี่คือบ้าน" เธอโกหก


 


เขาเริ่มเอนตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอน ท่าทางสบายๆ ราวกับเป็นเจ้าของที่ทางเสียเอง เบียร์ขวดเล็กอยู่ในมือ


"ดูคุณไม่ใช่นักดื่ม" เขาพยักหน้า แต่กลับยกมันขึ้นซด เธอเพิ่งจะเห็นว่าเขาแก้มแดงระเรื่อจากแสงไฟวอมแวมที่ลอดมา


"ให้ผมเลี้ยงเบียร์คุณไหม หรือจะเป็นน้ำส้ม"  เธอส่ายหน้า ชี้ไปที่สินค้าชิ้นเล็กๆ สะท้อนแสงวาววับ


"ฉันกำลังทำงาน ไม่ดื่มของเมา" เขาหัวเราะดูท่าจะไม่เชื่อถือคำพูดเธอนัก


 


ผู้คนขวักไขว่ ไม่ถึงกับแน่นขนัดจนอึดอัดเหมือนปีก่อนๆ ที่สะดุดตาเห็นจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบ เขาขยับลุกขึ้นนั่งตัวตรงเหมือนรู้สึกถึงความไม่ปกติ แล้วหันมาถามเธอด้วยสายตา เธอรู้ดีว่านักท่องเที่ยวไม่ชอบมีปัญหากับตำรวจในเวลาเดินทางท่องเที่ยว


 


ริชาร์ด สวมเสื้อฮาวายสีส้มสด กางเกงทรงสุภาพสีกากี ดูแล้วไม่น่าจะถูกจับจ้องในเรื่องผิดกฏหมาย แต่ผู้ชายคนนี้ มีความระแวดระวังพอสมควร เขาไม่ได้ออกไปเต้นรำสนุกสนานเฮฮาแบบคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะวัยที่เกินเลยวัยรุ่นมานานแล้ว แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะที่แก่กว่าเขายังเต้นกันสะบัด


 


"คุณมาทำอะไรที่นี่" เธอถามตรงๆ


"มาเที่ยวน่ะสิ คุณผู้หญิง ผมมาที่นี่ทุกปี ห้าปีมาแล้ว แต่เพิ่งเจอคุณ"


"คุณทำงานอะไรคะ"


"เดาสิ" เขาท้า


"อือ...ท่าทางเหมือนเป็นนักวิทยาศาสตร์" เธอแกล้งยั่วเขา เพราะเขาใส่แว่นสายตาแต่ไม่ได้หนาเตอะ


"ทายใหม่นา ทายดีๆ ตั้งใจทายหน่อยสิ ที่รัก"  นั่น เริ่มมีหยอดคำหวาน


"งั้นก็ วิศวกร"  เขาหัวเราะยอมรับ ชมว่าเก่งมากที่ดูออก


 


และแล้ว...หนุ่มน้อยพลตำรวจร่างเล็กหน้าใส ก็เดินเข้ามานั่งตรงหน้าของคนทั้งคู่


"พี่ขายอะไรครับ ขอผมดูหน่อยนะ" การดูของเขาที่แท้คือการตรวจค้น เธอหัวเราะ ไม่อยากจะถือสาอะไรเขานัก คงมือใหม่ไฟแรง


 


"พี่ไม่เมาเลยเหรอ" จากยิ้มกลายเป็นอึ้ง  จึงตอบไปว่า


"พี่ไม่ทำร้ายตัวเองหรอกน้อง พี่อาจอยู่ท่ามกลางคนขี้เมา แต่ไม่จำเป็นต้องเมา"


เขายิ้มเจื่อนเล็กน้อยกล่าวขอบคุณ แล้วลุกเดินจากไป


 


นายผู้ดีอังกฤษส่งสายตาถามแบบสงสัยว่าเราคุยอะไรกัน เธอบอกว่าไม่มีอะไรหรอก ทักทายกันธรรมดา เขามาดูแลความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว  อันที่จริงน่าจะบอกไปนะว่า มาตรวจจับยาเสพติด เพราะที่นี่เป็นที่เล่าลือว่าปาร์ตี้ทุกทีเมาเพียบทุกคน


 


"คุณทำงานอะไร" เขาถามบ้าง เหมือนตั้งใจย้อนรอย


 "ก็เป็นแม่ค้านี่ไง คุณก็เห็นอยู่"  ช่างกวนโทโสนัก เขาจึงเฉไฉเล่าเรื่องราวคนในครอบครัวให้เธอฟัง เรื่องพ่อผู้รักแม่มาก แต่พอแม่ตายก็มีรักใหม่และรักภรรยาใหม่มากมายเหมือนเดิม เขาอิจฉาที่พ่อช่างมีความรักโรแมนติกขนาดนั้น


 


"ผมอยากมีความรักแบบนั้นบ้างจัง คงมีความสุขน่าดู" สุ้มเสียงลีลาธรรมดา แทบตลอดเวลาที่เล่าเรื่อง  เออหนอ...นี่มันอะไรกัน แค่ครึ่งคืนที่เขาอยู่ข้างๆ เธอรู้สึกไว้วางใจอย่างรวดเร็ว


 


คนรู้จักเดินผ่านมาแล้วหลิ่วตาให้ คงเห็นอาการนอนเอนกของเขาแล้วพูดๆๆ เหมือนสนิทสนมเสียเต็มประดา และเมื่อเพื่อนของเขาเดินผ่าน


"สตีพ ผมอยากแนะนำหวานใจของผมให้คุณรู้จัก นี่ไง  ผมหลงรักเธอเข้าแล้วล่ะ" สตีพมีสีหน้างงๆ แต่ก็ทักทายอย่างปกติ คงคิดว่าหมอนี่เมาไปแล้ว แต่สตีพยังไม่วายหยอดคำหวาน บอกเธอว่าริชาร์ดคือเพื่อนที่ดีของเขาคนหนึ่ง


 


เธออยากรู้เรื่องการเมืองในประเทศเขา เรื่องความขัดแย้งของสองฝ่ายในโลก เธอว่ารัฐบาลของเขาคิดผิดที่เข้าข้างอเมริกา  เขาหัวเราะเจื่อน แอบถอนหายใจ แล้วบอกว่าทุกอย่างเป็นเรื่องผลประโยชน์ ในโลกนี้ผิดถูกไม่มีอยู่จริง


 


"ไปบาหลีกับผมไหม" เขาเปลี่ยนเรื่องสนทนา


"ไปไม่ได้ ฉันต้องทำงาน" เธอยืนยันเสียงหนักแน่น ใครจะกล้าเล่นกับไฟ


"งานคุณน่ะหยุดเมื่อไหร่ก็ได้ ผมสิ มีเวลาจำกัด ผมมีเวลาอยู่ใกล้คุณไม่มาก จึงอยากอยู่ใกล้จริงๆ เพราะอาจจะไม่มีโอกาสอีก ผมเห็นแก่ตัวนะ แต่ผมชอบคุณจริงๆ"  น้ำเสียงจริงจัง  โทนเสียงนุ่มนวลแต่เสียดแทงหัวใจ


 


อะไรจะง่ายดายขนาดนั้น....ใครจะไปไหวตามอารมณ์แบบนั้นได้....เธอคิด


"ฉันไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เพราะงานฉันจริงๆแล้วคือสายลับ คอยตามข่าวยาเสพติด" เธอแกล้งทำหน้าตาจริงจัง เพื่อคาดหวังว่าเขาจะไม่เชื่อ แล้วหัวเราะให้กัน  แต่กลับตรงข้าม เขาจริงจังกว่า


"ผมมีเวลาไม่นาน แต่ผมอยากบอกว่า ผมต้องการเจอคุณอีก ถ้าคุณยังอยู่ที่นี่ ผมจะกลับมาทันทีที่กลับมาได้"


"งานอะไรของคุณ วิศวกรประเภทไหนที่ต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา ฉันไม่เข้าใจ"


 


อย่างรวดเร็วเขารวบมือเธอไว้แน่นทั้งสองข้าง...จ้องลึกลงไปในดวงตา


"ผมขอโทษ ผมไม่อยากโกหกคุณ ผมมาที่นี่เพื่อรอเรียกตัวไปอิรัก  ผมไม่อยากโกหกคุณอีกต่อไป ขอแต่คุณอย่ารังเกียจผม ผมทำเพราะหน้าที่ รับปากได้ไหมว่าไม่เกลียดผม"  เธอพยักหน้างงๆ นี่เป็นเรื่องจริงหรือนี่


 


เสียงแห่งความเมามายทั้งหลายแหล่ แผ่วหายไปนานแล้ว แต่เธอกลับมาเมามายมึนงงกับคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่ตรงหน้า เรื่องราวเหมือนคุ้นเคย หน้าตาเหมือนเคยใกล้ชิด แต่หัวใจดวงนั้นเธอไม่อยากแตะต้อง


 


ฉากสุดท้ายของม่านฟ้า ลำแสงสีทองสาดจับยอดมะพร้าวสูงลิ่ว  ทั้งเธอและเขา ยังนั่งอยู่ตรงนั้น เฝ้าดูดวงตะวันที่จัดจ้าขึ้นเรื่อยๆ  น้ำทะเลทอประกายวิบวับ ฝูงนกเอี้ยงตะเบ็งเสียงปลุกโลก เธอไม่ได้เมาแต่คล้ายเมา คิดอยู่ในใจว่า มิตรภาพชั่วข้ามคืน จะเอาอะไรยึดมั่นไว้ได้


 


เขาไปแล้วตั้งแต่วันนั้น  อีกห้าวันต่อมา สงครามระหว่างอเมริกาและอิรักก็ประทุขึ้น


 


…………


 


ปีนี้  เธอยังอยู่ที่นี่  แม้งานปาร์ตี้จะซบเซา  แต่มันก็เลิกราชั่วข้ามคืน 


สงครามที่ทะเลทราย ยังยืดเยื้อยาวนาน