Skip to main content

พี่ชายฉันเป็นเกย์

คอลัมน์/ชุมชน

เด็กรุ่นใหม่นี่มีอย่างหนึ่งที่เป็นปรากฏการณ์ที่ต่างไปจากคนรุ่นฉันก็คือ  กลัวผู้ชายเป็นเกย์  เวลาที่ฉันได้พบปะพูดคุยกับเด็ก ๆ นักศึกษา  หัวข้อหนึ่งที่ยอดฮิตคือ  จะดูยังไงว่าผู้ชายคนไหนไม่ใช่เกย์  หรือไม่ก็กลัวว่าจะได้แฟนที่ไม่เป็น "ชายแท้"  เท่าที่ฉันจำได้สมัยฉันเป็นนักศึกษามหาลัยเมื่อสิบกว่าปีก่อน  หัวข้อกลัวผู้ชายเป็นเกย์ไม่เคยได้ผ่านหูฉันเลย  ฉันคิดว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปอาจจะเป็นเพราะประชากรเกย์ออกมาเปิดเผยตัวกันมากขึ้น  เลยทำให้ประชากรสาว ๆ เกิดความกังวลใจเช่นว่า  "ตายแล้ว  ผู้ชายเป็นเกย์ไปเกือบครึ่ง  แล้วเราจะหาแฟนชายแท้ได้อย่างไรเนี่ย ?"  ความกลัวเช่นนี้มีมากขนาดส่งผลสะเทือนไปถึงวงการดารา  บรรดาดาราหนุ่มทั้งหลายต้องออกมาปฏิเสธกันแล้วปฏิเสธกันอีกว่า "ผมไม่ใช่เกย์นะครับ"  สาว ๆ จะได้วางใจกรี๊ดดาราคนนั้นได้ต่อไป  ถ้าไม่ปฏิเสธล่ะก็  รับรองว่าเรทติ้งตก


 


ฉันคิดถึงเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่กลัวผู้ชายจะเป็นเกย์เอาเสียเลย  แถมยังรู้สึกว่าเกย์เข้าใจเธอได้ดีกว่าคนอื่น ๆ เสียอีก ที่เธอรู้สึกอย่างนี้เพราะพี่ชายแท้ ๆ ของเธอเป็นเกย์  ฉันโทรศัพท์ไปคุยกับเพื่อนคนนี้  เพราะคิดว่าประสบการณ์ของเธอน่าจะให้แง่มุมที่ต่างไปจากความกังวลในใจของผู้หญิงหลาย ๆ คน


 


 ******************


 


ฉัน :      พี่ชายเกย์กับเธอสนิทกันมั้ย


เธอ :     ใช่  สนิทกันมากที่สุดในบรรดาพี่น้องน่ะแหละ  คงเพราะเขาอายุใกล้ ๆ กับฉัน 


ฉัน :      แล้วมีพี่ชายเป็นเกย์นี่เป็นยังไงบ้าง


เธอ :     เขาก็ดูแลฉันดีนะ  เธอเข้าใจมะ  คนทั่ว ๆ ไปเขาก็จะดูแลเป็นพิเศษเฉพาะแฟนตัวเอง  แต่พี่ชายฉันน่ะดูแลน้องดีมาก  ปูผ้าปูที่นอนให้ด้วยนะ  แล้วก็ทำความสะอาดบ้าน  เขาเป็นคนสะอาดน่ะ  แต่เจ้าระเบียบไปหน่อย  ทำกับข้าวให้ฉันกินด้วย  เขาชอบทำกับข้าว  บางทีทำกับข้าวให้ฉันกินคนเดียวไม่พอ  ยังโทรไปเรียกเพื่อนฉันมาช่วยกินอีก  อีเพื่อนกินเข้าไปทีก็จะนอนแผ่อยู่นั่นแหละ  อิ่ม  กลับบ้านไม่ไหว


ฉัน :      นี่  สบายจริงนะเธอ  ไม่ต้องทำงานบ้านเลยหรือไงเนี่ย


เธอ :     ก็ตอนที่ฉันอยู่กับเขาฉันเดินทางบ่อย  ไม่ค่อยได้กลับบ้านน่ะ


ฉัน:       อ๋อ  แล้วไป  เออ  แล้วเขาคอยเป็นเพื่อน ให้เธอพูดคุยปรึกษาอะไรได้รึเปล่า


เธอ :     ได้  ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ละเอียดอ่อนนะ  พูดอะไรไปก็จะเข้าใจได้มากกว่าคนทั่วไป  เป็นเพื่อน เป็น เป็นที่ปรึกษาฉันได้  เวลาฉันอกหัก  มันจะเป็นจะตายมากกว่าฉันอีก  เขาจะอ่อนไหว sensitive น่ะ


ฉัน:       รู้เมื่อไรเนี่ยว่าเขาเป็นเกย์


เธอ :     ก็ซัก ม.ปลายได้  แต่ยังไม่ค่อยแน่ใจหรอก  เขาก็ไม่ได้มาบอกโต้ง ๆ  แต่เราจะเห็นไง  เวลาเขาอยู่กับเพื่อนฝูง  เวลาคุยโทรศัพท์ก็พูดถึงผู้ชายคนโน้นคนนี้  ตอนอยู่มหาลัยก็เริ่มแน่ใจแล้ว


ฉัน :      แล้วรับได้มั้ยที่พี่เป็นเกย์


เธอ:      ก็ไม่ได้ผิดหวัง  ไม่ได้ช็อคอะไร  แต่ตอนเมื่อสมัยสิบกว่าปีก่อนโน้นก็ไม่อยากให้เขาเป็นนะ  อยากให้เขาเหมือนคนอื่น ๆ


ฉัน :      ตอนนี้ล่ะ  ยังอยากให้เขาเปลี่ยนมั้ย


เธอ :     ตอนนี้เฉย ๆ  ไม่อยาก force ให้เขาทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเขา


ฉัน :      ตอนนี้เขาทำงานอะไรอยู่


เธอ :     ก็ทำอยู่ที่บริษัทโทรศัพท์มือถือที่นิวซีแลนด์  เขาอยู่กับแฟนที่นั่น


ฉัน :      อยู่ที่นิวซีแลนด์เป็นยังไงบ้าง


เธอ :     ที่นู่นมันเปิดมากกว่า  เขาก็เลยไม่ต้องเก็บกดมาก  เหมือนเขามีที่ยืน  เปิดตัวได้มากกว่าตอนอยู่เมืองไทย 


ฉัน :      เขาอยู่กับแฟนมากี่ปีแล้วล่ะ


เธอ:      สักห้าปีได้  อยู่บ้านเดียวกันกับแม่ของฝ่ายนู้น


ฉัน :      งั้นแม่เขาต้องรับได้สิ


เธอ :     เออ  แม่คงไม่รู้จะทำยังไงแล้วล่ะ


ฉัน :      ที่นู่นเขาแต่งงานได้มั้ย


เธอ:      มันไม่ได้เรียกว่าแต่งงานนะ  แต่เขาจดทะเบียนอะไรสักอย่างที่กฎหมายรับรอง


ฉัน :      เสียใจมั้ยที่เขาไม่มีหลานให้เธอ


เธอ :     ไม่นะ  เพราะตอนนี้ฉันก็มีหลานยั้วเยี้ยเต็มบ้านไปหมดแล้ว


ฉัน :      เธอว่าเขามีอะไรที่ภูมิใจในชีวิตบ้าง


เธอ :     คิดว่าคุณสมบัติที่เขาเป็นคนสะอาด  ทำอาหารอร่อย  แล้วก็ friendly ชอบเสวนาพบปะผู้คนได้ทุกระดับชั้น  เหมือนมันไม่มีอะไรมากั้นความสัมพันธ์ของเขากับคนอื่นเลย  ก็ทำให้เขาได้เจอประสบการณ์แปลก ๆ ใหม่ ๆ เสมอ


ฉัน :      แล้วมีอะไรที่เขาเสียใจบ้าง


เธอ :     เขาเชื่อใจคนง่าย  กว่าจะรู้ว่าคน ๆ นั้นทำให้เขาเสียใจมันก็สายเกินแล้ว  คือสำหรับเขาแล้ว  ไม่ว่าจะความสัมพันธ์แบบไหนเขาก็เต็มร้อยด้วยหมด  ถ้าเจอคนไม่ดีมันก็ทำให้เขาเสียใจภายหลังน่ะ


ฉัน :      เธอภูมิใจอะไรในตัวพี่ชายคนนี้บ้าง


เธอ :     เวลาฉันไปเจอเพื่อนเขาไม่ว่าจะที่ไหน หรือแม้แต่จะเพิ่งเคยเจอครั้งแรก เพื่อนเขาก็จะบอกว่า "อ๋อ  น้อง"  คือ เขาจะเคยได้ยินเรื่องของฉันมาจากพี่ฉันก่อนหน้าที่จะเจอฉันแล้ว  คนจะรู้ว่าเขารักน้องมาก  เป็นเอามาก


ฉัน :      เขามีน้องคนเดียวเหรอ


เธอ :     ใช่  เขาจะห่วงน้องมากนะ  บางทีฉันไปไหนจะขอตามไปด้วย  เดี๋ยวก็จะขอมารับมาส่ง  บางทีก็ห่วงมากเกินไป


ฉัน :      พวกผู้หญิงน่ะ  เขาจะกลัวกันว่าเกย์จะมาหลอกจีบไปเป็นแฟน  จะได้บังหน้าได้ว่าเขาไม่ใช่เกย์  เธอว่าพี่ชาย เธอจะไปหลอกผู้หญิงมั้ย


เธอ :     ไม่มีทางหลอกได้หรอก  มันเก็กแมนไม่ได้


ฉัน :      คนเขาจะกลัวเกย์กันด้วยนะ


เธอ :     เขาก็ไม่ได้ผิดแปลกแตกต่างจากคนทั่วไป  เท่าที่ฉันเจอมานะ  คนอื่น ๆ ด้วยไม่ใช่แค่คนในครอบครัวเท่านั้น  ฉันไม่รู้สึกว่าอันตรายอะไร             


ฉัน :      แล้วถ้าคนอื่น ๆ เขามีพี่น้องเป็นเกย์แล้วรับไม่ได้ล่ะ  เธอว่าเขาควรทำยังไง


เธอ :     มันก็เป็น process ของการยอมรับนะ  ฉันว่าแต่ละคนก็คงจะแตกต่างกันไป


ฉัน :      เอาล่ะ  คำถามสุดท้าย  ตอนนี้เขาอยู่นิวซีแลนด์  แล้วใครปูผ้าปูที่นอนให้เธอ


เธอ :     ปูเองสิยะ!  เพียงแต่มันไม่ตึง  ก็ฉันตัวเล็กยกที่นอนไม่ไหว  มันหนัก  ฉันก็พยายามเต็มที่แล้วแต่มันก็ไม่ตึงเท่าเขา  ก็ดีนะเป็นรสชาติของชีวิตที่ได้รู้ว่า  ที่นอนตึง ๆ กับหย่อน ๆ มันต่างกันยังไง


 


******************


 


ค่ะ  ก็หวังว่าประสบการณ์ของเพื่อนฉันคนนี้คงจะให้ภาพของเกย์ในฐานะคน ๆ หนึ่งที่ "ไม่ได้ผิดแปลกแตกต่างจากคนทั่วไป"  เขาก็เป็นคนที่มีพี่มีน้อง  มีความรัก  ความทุกข์  ความสุข  เหมือนๆ เราล่ะค่ะ  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่เล่าเรื่องนี้  ก็ไม่ได้จะบอกว่าเกย์ทุกคนจะปูที่นอนให้น้องหมดนะคะ  เกย์ก็มีหลากหลายต่างกันไปเหมือนคนกลุ่มอื่น ๆแหละค่ะ


 


แต่จะว่าไปก็น่าเห็นใจเกย์นะคะ  เพราะเวลาที่ออกมาเปิดเผยตัว  สาว ๆ ก็เกิดอาการหวาดระแวง  แต่ถ้าไม่เปิดเผยตัวก็จะถูกเม้าท์ว่าเป็น "อีแอบ" ไปเสียอีก  ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกที่ประชากรเกย์ต้องเผชิญ  เช่น  คนมักจะเห็นว่าเกย์น่ะสำส่อน  ชอบไปซาวน่าหาคู่  แต่พอเกย์อยากจะแต่งงานขึ้นมา  ก็ไม่มีกฎหมายใด ๆ มารองรับ  เวลาเกย์ออกมารณรงค์เรื่องการป้องกันเอดส์  ก็ถูกมองไปเสียอีกว่านี่ไงล่ะพวกนี้สำส่อนจนติดเอดส์  แล้วถ้าเกย์ฝักใฝ่ในธรรมหันหน้าเข้าวัดบวชอีกล่ะ  คนก็มองว่าไปทำให้พระศาสนาแปดเปื้อนเข้าไปอีก น่าปวดหัวแทนนะคะ


 


ฉันอยากจะเสนอไอเดียว่า  สาว ๆ ทั้งหลายที่กลัวเกย์  ลองมาเมาท์กันดูดีมั้ยคะว่าจะช่วยให้กฎหมายรับรองเกย์แต่งงานได้ยังไงบ้าง  ถ้าเกย์แต่งงานได้แล้ว  ก็คงไม่มีคนไหนต้องไปแต่งงานกับผู้หญิงบังหน้า  สาว ๆ ก็จะได้ไม่ต้องกลัวเกย์หลอก  หรือก็ลองคุยกันดูว่าทำไมผู้ชายดี ๆ หายากจัง  ไอ้คนที่จะปูที่นอนให้เราทำไมมันยังไม่เกิดสักที  นี่เป็นเพราะอะไรกันแน่  อาจเป็นเพราะคุณค่าเรื่องการเอาใจใส่คนอื่น  หรือให้ความสำคัญกับความรู้สึกคนมันไม่ได้รับการบ่มเพาะในตัวผู้ชายรึเปล่า  แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น  อะไรอย่างนี้ล่ะค่ะ จะได้มามองหาสาเหตุของการหาแฟนไม่ได้ของเราอย่างตรงไปตรงมา  โดยไม่ต้องไปโทษประชากรเกย์