ธาร จันทร์
คอลัมน์/ชุมชน
จันทร์เสี้ยวดวงลอยดวงอยู่เหนือขอบฟ้าตะวันตก แสงจันทร์กลบแสงดาวบางดวง บางแสงให้หลบหายไปอยู่หลังม่านแสงจันทร์ นั่นก็เป็นภาพสภาวะที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วดูเหมือนว่า เมื่อเวลาที่เรารำลึกนึกถึงจันทร์ เราก็มักคิดถึงคืนจันทร์เต็มดวง กระนั้น... หลายครั้งหลายหนที่เราจะพบว่าเมื่อเวลาที่เรามีโอกาสได้เฝ้ามองจันทร์จริง ๆ ไม่ว่าจันทร์จะเต็มดวงหรือไม่ จันทร์นั้นก็ยังงามเสมอ เมื่อเราพบแสงอันอ่อนโยน นุ่มนวล เส้นแสงที่เบาสบายดำรงอยู่ในนั้น ไม่ว่าจันทร์จะมีรูปลักษณ์เช่นไร ราตรีนี้ จันทร์เสี้ยวหงายขึ้นฟ้า ผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า นี่คือจันทร์ของฤดูหนาว
น้ำในลำธารยังไหลผ่านลานหินที่ค่อยๆ ลาดต่ำลงทีละนิด หรือก็ชันลงในบางแห่งให้เสียงน้ำแตกต่างกันออกไป เมื่อเรานึกถึงน้ำในลำธารว่ามันส่งเสียงโครมครืน เราก็มักรูสึกถึงน้ำไหลโครมครืนแบบในทรงจำของเรา แต่หากเราได้มีเวลามานั่งนิ่งๆ ฟังเสียงน้ำที่ไหลอยู่นั้นอีกสักนิด เราย่อมจะพบว่า ในเสียงที่ว่าโครมครืนนั้นมันแฝง แทรก และประสานไว้ด้วยเสียงต่างๆ มากมายของน้ำนั้น ลานหิน โขดหินที่ต่างไป ก็ย่อมให้เสียงน้ำไหลที่ต่างกัน และด้วยเสียงทั้งหมดนั้นที่รวมกันเป็นเสียงน้ำไหลโครมครืน เสียงนั้นหลอมรวมเป็นหนึ่ง แต่ทั้งหมดก็เป็นอิสระจากกันและกัน เป็นอิสระที่เอื้ออิงกันและกัน
จันทร์เสี้ยวดวงทอแสงแทรกลงไปในลำธาร และลานหิน มันไม่ได้ส่องแสงสว่างไสว พอที่จะให้สาธยายได้ว่า สายน้ำต้องแสงจันทร์ส่องประกายพร่างพราวประดับราตรี แต่กระนั้นมันก็มีแสงและงดงาม
เวลาแห่งชีวิตมักนำพาเรื่องราวและผู้คนใหม่ๆ มาสู่เราเสมอ โลกกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก กว้างกว่าที่เราจะไปถึงได้ทั่วทุกถิ่น แต่ก็นั่นแหละ บางถิ่นเราก็ปรารถนาจะไปเยือน บางแห่งก็ไม่ หลายที่ จิตของเราสามารถเดินทางไปถึงในชั่วเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที แต่บางที่ก็ไม่ นั่นทำให้นึกถึงการแสวงหาวิถีแห่งการบินของนางนวล โจนาธาน ลิฟวิงสตัน ในวาระของการค้นพบจุดสูงสุดของการบิน เช่นนั้นแล้วมนุษย์มากมายเพียงใดที่ยังแสวงหาวิถีการบินของตัวเอง แน่นอนว่าบางคนค้นพบ บางคนไม่พบ บางคนไม่พบแต่หลอกตัวเองว่าพบแล้ว บางคนพบแต่กลับไม่รู้ว่านั่นคืออะไร มนุษย์มักซับซ้อนเช่นนี้เสมอ มีบ้างกระมังที่การได้ประสบบางอย่างก็เมื่อมันล่วงเวลาไปมากแล้ว ...สายเกินไป...พบไม้งามเมื่อขวานบิ่น.... ภาษิตโบราณที่ว่าไว้ มีบางคำพูดที่แสนจะดูดี ว่า "ไม่มีอะไรที่สายเกินไป" นั่นจริงแท้แค่ไหนก็ยากจะรู้ได้ นั่นจะเป็นความจริง หรือเป็นเพียงถ้อยคำปลอบประโลมหัวใจที่เจ็บร้าว...มิรู้ได้
สิ่งบางสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า มักนำพาความคำนึงของเราให้ล่องลอยไปไกลออกไป สานต่อเชื่อมโยงต่อเนือง หนุนนำกันไปคล้ายไม่มีที่สิ้นสุด เช่นนี้ทำให้เราสัมผัสได้ว่า แท้จริงแล้วไม่ว่าเรื่องราวใดใดในโลก ล้วนเกี่ยวเกาะกันอยู่เสมอ ว่าก็ว่า การดำรงอยู่ของคนๆ หนึ่ง มีผลต่อการดำรงอยู่ของผู้คนทั้งหมด นั่นเอง... ดั่งต้นหญ้าที่เกาะเกี่ยวกับดิน เชื่อมโยงกับฟ้า สัมพันธ์กับแมลง โอบรับแสงตะวัน ดื่มกินหยดน้ำค้าง ลู่ล้อเล่นกับลม....
ทางของผู้คนยาวไกล หรือแท้แล้วมันจะยาวไกลไปได้สักเพียงใดกัน แล้วในช่วงชีวิตหนึ่งเราจะก้าวเดินไปได้ไกลสักเพียงไหน ก้าวแต่ละก้าวที่ย่างย่ำอยู่บนผืนแผ่นดินอันแห้งแล้ง หลายครั้งมักนำเราไปสู่มิตรภาพอันงดงาม แต่ก็เช่นเดียวกัน เมื่อเราสามารถเดินทางได้เร็วขึ้น มิตรภาพก็ห่างหาย หรือเราก็มักจะไม่ได้พบมิตรภาใหม่ระหว่างนั้นความทรงจำของการเดินทางขึ้นเขาแห่งการท่องเที่ยว ภูเขที่ผู้คนต่างก็เดินเท้าขึ้นไปมักก่อรูปแห่งมิตรภาพระหว่างผู้คน แต่การเดินทางที่รวดเร็ว ผู้คนก็อยู่กันอย่างปัจเจก หรือนั่นก็เป็นการเปิดทางให้โลกเสมือนกำเนิดขึ้น ผู้คนสร้างมิตรภาพใหม่ในโลกเสมือน เมื่อเราสามารถสนทนากับคนอีกฝั่งโลกได้เพียงปลายนิ้วกดปุ่มพลาสติก ยุคสมัยอันโหดร้าย เราเห็นข้าวมาจากตลาด เห็นน้ำมาจากก๊อก เห็นธรรมชาติจากกล่องภาพไฟฟ้า ฟังนิทานจากห้างสรรพสินค้า และเห็นโลกในทรงจำในส่วนที่แห้งแล้งที่สุด และแล้วเราก็หลงเชื่อว่าทั้งหมดนั้นคือความจริง จนละเลยภาพที่เราเห็นอยู่ตรงหน้า เราไม่เห็นความเย็นของสายน้ำในลำธาร สายน้ำที่แท้ที่จริงเราสัมผัสได้โดยไม่ต้องผ่านการสาธยายด้วยถ้อยคำงดงามของกวี แสงจันทร์นวล อ่อนโยน โดยไม่ต้องฟังคำบอกเล่า และตำนาน
ยุคสมัยจะโหดร้ายเพียงใด โลกก็ยังมีมุมที่งดงามเสมอ ไม่ไกลเท่าไหร่นัก ณ ราตรีนี้ ในหมู่บ้าน เด็กวัยรุ่นขี่รถแผดเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มน่ารำคาญ ถ้อยคำก่นด่าหยาบคาย ก่อกวนวุ่นวาย นั่นอาจเป็นความเลวร้ายหนึ่งของยุคสมัย แต่ ณ ลำธารในแสงจันทร์เสี้ยวดวงกลับเป็นวาระที่สงบงาม และง่ายๆ อาจแตกต่างในรูป แต่เชื่อแน่ว่าทุกแผ่นดินก็มีเรื่องราวเช่นเดียวกันนี้
แด่โลกอันงดงาม.....