ในห้วงคำนึง...ขบถโรมานซ์ ให้ความรักนำพาเราไป
คอลัมน์/ชุมชน
ล ม ห น า ว เ ห นื อ...พัดโชยมา
ยามต้องไล้ผิวกาย
ร้อนที่รุ่มก็คลาย
กลิ่นอายเหมันตฤดู มิ รู้ เลือน...
ยื น กลางทุ่งบ้านดิน...ณ ดินแดน "ขบถผญาผาบ" ฟ้ามุ่ย-หนองจ๊อม อ.สันทราย ที่ "พญาผาบ" ผู้นำชาวบ้านลุกขึ้นสู้ร่วมกับพี่น้องชาวสันกำแพง ดอยสะเก็ด สันทราย ฯลฯ "อันสุดแสนที่จะทนทานได้!" ต่อการกดขี่ขูดรีดภาษีจากพวกเจ้าทางส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นภาษีหมาก พลู พืชผล ฯลฯ
แม้นว่าจะไม่ประสบชัยชำนะ แต่ก็ถือว่า เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของชาวล้านนา ที่ลุกขึ้นสู้กับผู้กดขี่ เช่นเดียวกับ "ขบถผู้มีบุญ-แห่งอีสาน" และ "ขบถฌูดงยอ" แห่งดินแดนด้ามขวาน-ภาคใต้ ฯลฯ ที่ประชาชนรากหญ้า ชาวบ้าน มิเคยก้มค้อยสยบต่ออำนาจรัฐอธรรม!!
...ยืนอยู่กลางทุ่งบ้านดิน
ยลดูท้องฟ้ายามอรุณ ดวงตะวันสีแดงหมากสุก
ส่งยิ้มทักทาย ให้พลังแด่สรรพสิ่ง สรรพชีวี...ฯลฯ
...มีดวงตะวัน สองดวง บนฟากฟ้าแลในน้ำ...
วิหคนกกาออกหากินโบยบินสู่บูรพาทิศ...กระยางขาว นกเอี้ยง ฯลฯ
แปรปรวนขบวนแห่งเรียวปีกเดินทางไกล...
...โอ้ วิถีชีวีอันงดงามแห่งเธอผอง
ฉั น...เดินกลับเข้าสู่ภายในบ้านดิน
จุดไฟในเตาที่พี่น้องแห่งบ้านอำเภอเชียงของที่ต่อสู้เรื่องการระเบิดเกาะแก่งลำน้ำโขงของประเทศจีนรุกรานวิถีชีวิต การประมงพื้นบ้านของพี่น้องไทย ลาว จีน เขมร ฯลฯ
ประเทศจีนอันอ้างว่า เป็นประเทศสังคมนิยม แต่ทว่าเป็นเผด็จการอีกรูปแบบหนึ่ง ที่กดขี่ธรรมชาติชีวิตและประชาชน!
...จุดไฟในเตาพี่พี่น้องต่อสู้อำเภอเชียงของ สร้างเตาเผาในบ้านดินให้ฉัน
...จุดไฟใส่ไม้เกี๊ยะ, ไม้เชื้อเพลิงวางลงบนเตาที่ได้ตระเตรียมเชื้อเพลิงไว้ ตั้งแต่วันวาน...
บ้ า น ดิ น แ ห่ ง ฉั น ไม่ไฟฟ้า น้ำประปา ใช้ฟืน และถ่านที่ไร้สารเคมี เช่น เตาแก๊ส ฯลฯ ฟืน ถ่านไม้ให้รสอร่อยหอมหวานจากอาหาร ที่เราทำ...บ้านดินแห่งฉันไม่ขออนุญาตมีบ้านเลขที่ด้วย เพราะฉันอยากมีวิถีชีวิตของตัวเอง! แต่ฉันก็มิได้ปฏิเสธการเข้าร่วมกิจกรรม งานวัฒนธรรมของพี่น้องชาวบ้าน ฯลฯ
...การเคารพวิถีชีวิตแห่งปัจเจกชนที่มิได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร ก็คือ ความงดงามแล้ว...สันติภาพที่มนุษย์ใฝ่หาจักเกิดขึ้นเป็นจริงได้ ก็ด้วยสิ่งนี้ คือ การเคารพต่อโลก สรรพสิ่ง,สรรพชีวิต...เคารพต่อโลก เอกภาพ จักรวาล ธรรมชาติที่เป็นบิดามารดาแรกแห่งเราผอง!
คุณที่รัก...โปรดอย่าได้เรียกร้อง "ความสมานฉันท์" เลย ตราบใดโครงสร้างทางสังคมยัง อยุติธรรม!
...จุดไฟใส่เชื้อเพลิงที่ตระเตรียมไว้ตั้งแต่วันวาน...เปลวไฟจากไม้ฟืนลุกโชนโชติจ้า- -เติมถ่านไม้เข้าไป แสงไฟยามอรุณรุ่งงดงามนัก...เอาหม้อข้าวกล้องตั้งบนเตา รอคอย ระบำเพลงหม้อข้าวเริงรำร่ายฟ้อน...หยิบขี้เทียนไขโยนลงเตาไฟ...พรึ้บ...ระบำไฟเริงรำฟ้อนระเริงร่า น้ำหม้อข้าวเดือดปุ ปุ แล้ว หยิบเม็ดเกลือทะเลที่ปราศจากสารเคมีฟอกขาวลงไปทักทายสัมผัสน้ำหม้อข้าวเดือด...ระบำหุงข้าวยามเช้าเริงร่า ฮัมเพลงไพเราะยิ่งนัก!
ขณะรอข้าวสุก ฉันออกไปร่ายฟ้อนพลังลมปราณ ท่ามแสงตาวันยามเช้า ตีนเปลือยผสานแนบแน่นกับแผ่นดิน ผืนหญ้า ...ดิน ...น้ำ...ลม...ไฟ...มอบความรักอันงดงามแด่เราเป็นหนึ่งเดียว!
...ตักน้ำข้าว...น้ำข้าวกล้องใส่ชามกลม...น้ำข้าวคือพลังแห่งรักอันโอชะมอบให้แผ่นดิน!
นั่นกินข้าว ณ ที่นี่...ผีเสื้อ แมลงปอ ประปีกพลิ้วโผโบยบิน นาข้าวเขียวขจีเริ่มเปลี่ยนสีสันเป็นสีทอง นกแซงแซวหางบ่วง บินสู่ท้องฟ้า จับกินหมู่แมลง...มากันแล้ว...
-สีดำแห่งมด- " The Explore"
นักสำรวจตรวจตราแห่งท้องทุ่ง- -พวกเขาออกหากินอย่างโดดเดี่ยว ไม่รวมตัวกันเป็นฝูงเหมือนมดแดง ฯลฯ เขาขี้ตกใจง่าย ทว่ากัดเจ็บนัก หากเราไม่ระมัดระวังไปเหยียบทางเดินแห่งเขา ฉันโปรยข้าวกล้องสุกมอบให้มดดำ
"อยู่ด้วยกันนะลูก" ฉันยิ้มเอ่ยทักทาย
ในขณะที่มดแดงตัวเล็ก ๆ (กัดเจ็บเช่นกัน) แปรขบวนรวมหมู่หาอาหารกักเก็บไว้ในรวงรังเป็นอาหารที่ฉันมอบแด่เธอ
...อึ่งอ่าง คางคก ปาด กบ เขียด ฯลฯ หรือพวกเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน...น้องคางคกมานอนบนเตียงเดียวกับฉัน- -น้องจิ้งจก น้องต๊กโต(ตุ๊กแก) น้องหนูก็มาอยู่ด้วยกันอย่างสมานฉันท์!
...หยิบดอกกระถินกับฝันกระถินอ่อนจิ้มน้ำพริกเผาเจ ลิ้มรสอันสุดยอด หยิบผักบุ้งสดจากนาใส่ปาก- -บทเพลงแห่งอาหารยามเช้าเริ่มบรรเลง...งดงามหลากสีสัน...อาหาร ณ ที่นี่ เป็นสมุนไพรปลอดสารพิษ
ทาสีบ้านดินรักดาว สีของดิน สีธรรมชาติ ไร้สารเคมี
ฉันใฝ่ฝันมานานแล้วว่า อยากอยู่กับธรรมชาติ แล้วฝันนั้นก็เป็นจริง!
เมื่อผองเพื่อนๆ นักคิด นักเขียน กวี ศิลปิน นักพัฒนา ฯลฯ มาร่วมสานฝันสร้างบ้านดินให้ฉัน
น้ำตาแห่งความปีติของฉันรินหลั่งไหล เมื่อเห็นภาพภราดรภาพ ณ นี่!
"เพื่อนเอ๋ย- -สหายเอ๋ย- -พี่ ๆ น้อง ๆ เอ๋ย...ณ ที่นี่คือฐานที่มั่นที่ไว้ใจได้ของหมู่เฮา! "
ฉันมักสนทนาแลกเปลี่ยนให้พี่น้อง มิตรสหายฟังบ่อยครั้งว่า- -ทางรอดของมนุษยชาติ ของสรรพสิ่ง สรรพชีวี ต้องติดดิน ลงสู่ดิน เคารพธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ...โลก เอกภพ จักรวาล!
"บ้านดินรักดาว" ตัวอักษรล้านนาอิสระแกะสลักอักษร
โดย "อ้ายไพฑูรย์ พรหมวิจิตร" กวี นักเขียนขบถล้านนา
ฉันนั่งบนเก้าอี้หวาย อันมีดอกไม้หลากสีสันล้อมรอบ...ฉันจงใจตั้งใจให้มีบรรยากาศเช่นนี้เอง
ตรงหน้าเป็นโต๊ะไม้ เขียนหนังสือ รวมทั้งเป็นโต๊ะอาหาร โต๊ะนั่งทอดหุ่ย (น้อง ๆ เพื่อนๆ เขาทำโต๊ะให้) ฯลฯ
หันหน้าไปทางทิศตะวันออก- -
ยามดื่มดำ กินข้าว ทั้งยามเช้า ยามเย็น...
ธรรมชาติให้ความรัก ความอบอุ่นแด่เราเป็นนิรันดร์
ฉันนั่งสมาธิกินข้าวด้วยดวงใจหฤหรรษ์
นกกระยางขาวเริงรำบำร่ายฟ้อน โบยบินสู่รวงรัง
...เย็นย่ำแล้ว สนธยามาเยือน
นกกาโบยบินกลับรวงรัง
จากบูรพาทิศ สู่ ปัจฉิมทิศ
...ชีวิตเป็นเช่นนี้เอง
"ตถตา"
** ชื่อบทเพลงของ "เอี้ยว ณ ปานนั้น"
ต้นฤดูหนาว, 19 พ.ย.2549
เฌองดอยสุเทพ,บ้านคำ พอวา + กล้วย + ธันวาฯ
ยามสนธยาที่มีหรีดหริ่งเรไรบรรเลงเพลง