Skip to main content

พระเจ้าใจร้าย : เหตุการณ์บนภูเขายังไม่เปลี่ยนแปลง

คอลัมน์/ชุมชน

 



 


ทราบข่าวเจ้าหน้าที่รัฐ ในนาม "ชุดเฉพาะกิจ" ร่วมมือกันเข้าไปในหมู่บ้านนาอ่อน ชุมชนชนเผ่าลีซู บริเวณรอยตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ในเขตรอยต่อระหว่างอำเภอเวียงแหงกับอำเภอเชียงดาว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า มีการข่มขู่บังคับให้ชาวบ้านอพยพออกจากหมู่บ้านโดยขีดเส้นตายให้จำยอมค้อมจำนน แล้วทำให้ผมรู้สึกสลดใจอย่างบอกไม่ถูก


 


สลดเศร้าเมื่อนึกถึงใบหน้าสีหน้าหวาดสะทกของเด็ก ๆ หนุ่มสาว คนเฒ่าคนแก่ที่ถูกบีบให้วิถีเคว้ง ระเหเร่ร่อนโดยไม่มีทางออก ไม่มีแม้เวลาให้ได้คิดและวางแผนจัดการกับชีวิตว่าจะไปสู่หนใด


 


สลดสังเวชกับการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ กับกรอบคิดอันคับแคบและดำมืดอยู่เช่นนั้น อยู่ชั่วนาตาปี ไม่ว่าวันเปลี่ยน คืนเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน หรือโลกเปลี่ยนไปมากเท่าใดแล้ว


 


แต่ "เลือดแห่งคุณธรรมและมนุษยธรรม" นั้นยังมิเคยซึมซาบเข้าไปในร่างกายและหัวใจของพวกเขาเลยเชียวหรือ!?


 


ครั้นพอผมค้นงานเก่าๆ เมื่อครั้งยังทำงานอยู่บนดอยสูงเมื่อหลายปีก่อน พอหยิบออกมาอ่าน ยิ่งเหมือนจะตอกย้ำว่า ไม่ว่ากาลเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไป ทว่าความคิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐไทยยังคงย่ำอยู่ย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ รอยเดิม


 


ไม่ว่าเหตุการณ์การปิดล้อมจับชาวบ้านปางแดง ที่ อ.เชียงดาว


ไม่ว่าเหตุการณ์ปิดล้อมจับชาวบ้านห้วยโก๋น ที่ อ.พร้าว


 


ใช่ เหตุการณ์บนภูเขายังไม่เปลี่ยนแปลง!!...


 


 



 


แหละนี่คืองานเขียนที่ผมเคยเขียนถึงมิตรสหายที่พาตัวเองไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่...นานมาแล้ว...


 


* * * * *


 


เพื่อนรัก…


 


นานเหลือเกิน ที่ฉันไม่ได้ติดต่อกับเธอ เพราะมัวใช้ชีวิตจ่อมจมอยู่ตามป่าเขา อยู่กับชนเผ่าที่รักความสันโดษและเรียบง่าย บางครั้งชีวิตฉันจึงระเหระหนไปมาอย่างไร้จุดหมาย ไต่ไปตามสันภูสูงชัน บ้างพลัดไปสู่หุบเหวแห่งความดำมืด ฝ่าสายน้ำเชี่ยวกรากยามหน้าฝน อีกทั้งต้องต่อสู้กับความเย็นยะเยือกเสียดแทงในค่ำคืนฤดูหนาว ทว่าสิ่งเหล่านี้ มิอาจทำลายความเชื่อมั่นศรัทธาต่อการทำงานบนดอยนั้นได้


           


หากฉันรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงมากที่สุด ในห้วงยามนั้นก็คือ ความอ้างว้าง เพราะมันคล้ายศัตรูที่มองไม่เห็น มันเฝ้าตามติดเราอยู่ห่างๆ ยามใดชีวิตรู้สึกทุกข์ท้อ เจ้าความอ้างว้างจะพลันเข้าจู่โจมเกาะกุมจิตใจ ให้อ่อนแอและยอมแพ้พ่าย คอยกระซิบสั่งให้จิตวิญญาณหันหลังกลับคืนสู่เมืองได้โดยง่ายดาย


           


ธรรมชาติเท่านั้น คือเพื่อนที่เฝ้าคอยปลอบประโลมใจ ให้คลายความเหงา อ้างว้าง ให้หายจางหายไปบ้าง


           


เพื่อนรัก…ตอนนี้ชีวิตเธอกลางเมืองใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง การงานของเธอนั้นเบาบางคลี่คลายไปในทางที่ดีหรือยัง ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอดีนะ กับการปรับเปลี่ยนวิถีบนเส้นทางอันน่าเบื่อหน่ายสายนั้น แต่ยังไงฉันยังเชื่อมั่นว่าเธอ คงอดทนและรอคอย ใช้ความสงบแห่งจิตใจ สยบกับความวุ่นวายของสังคมเมืองนั้นได้


           


ฉันยังระลึกถึงเธออยู่เสมอ ก็เราเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานหลายปี เคยบุกป่าฝ่าดงมาด้วยกัน ข้ามฝ่าสายน้ำแห่งความเลวร้าย สัญจรไปในไพรพฤกษ์ที่ลึกชัฏ และยังเคยร่วมกันถากถางทางเดินสายใหม่ให้แก่คนบนภูเขา


           


ในบางค่ำคืนอันเหน็บหนาว เรานั่งอยู่ข้างกองไฟ ร้องเพลงที่เราแต่งร่วมกัน พูดคุยถึงความเปลี่ยนไปของสังคม รวมทั้งการถกเถียงในความคิดอุดมการณ์


           


เธอยังจำได้ไหม บางห้วงอารมณ์ เราร่ำสุราและร่ำไห้ในคืนมืดดำเยียบเย็น กับความรู้สึกที่ขัดแย้งบางอย่างในใจ


           


กาลเวลาเปลี่ยนไป หากเหตุการณ์บนภูเขานั้น ยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงเหมือนเดิม ความทุกข์ยาก ความเจ็บไข้ได้ป่วย ความเป็นความตาย การกดขี่ห่มเหงเอารัดเอาเปรียบ ยังคงแผ่คลุมชีวิตผู้คนบนดอยอยู่อย่างนั้น นานและนาน…


           


เพื่อนรัก…มีเหตุการณ์บางอย่างได้เกิดขึ้นอีกแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ คนในหมู่บ้านบนดอยแห่งหนึ่ง  พลันตื่นตระหนกอกสั่นหวั่นไหว เมื่อเห็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองถือปืนเข้าล้อมหมู่บ้าน ขึ้นตรวจค้นทุกหลังคาเรือน เมื่อไม่พบของผิดกฎหมาย พวกเขาก็กร่างขึ้นไปบนบ้านผู้นำ สั่งให้ไปฆ่าหมูฆ่าไก่มาเลี้ยงดูปูเสื่อ ด้วยน้ำเสียงแห่งอำนาจ แล้วยังทำท่ากรุ้มกริ่มเจ้าชู้ใส่สาวๆ ชาวดอยที่คอยยกอาหารมาให้อีก


 


ภาพผ่านที่เคลื่อนไหวในวันนั้น  ทำให้ฉันรู้สึกเศร้า เมื่อเห็นเด็กหญิงเนื้อตัวมอมแมมคนหนึ่ง ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนฉันต้องบันทึกเป็นกลอนเปล่าส่งมาให้เธอ


 


ฉันใช้ชื่อว่า " พระเจ้าใจร้าย"  …


 


บนภูสูง…


ตะวันเช้าทอแสงอ่อนขับไล่หมอกหนาวจางหายไป


เด็กน้อยเนื้อตัวผ่ายผอมมอมแมม


สองมือน้อยน้อย กอบกำเมล็ดข้าว


โปรยหว่านให้แม่ไก่กับลูกตัวเล็ก


แม่ไก่คุ้ยเขี่ยข้าว  กุกกัก กุกกัก เรียกให้ลูกจิกกิน


ดวงตาของเด็กน้อยเปล่งประกาย


ทุกเช้า ทุกเช้า ทุกวัน


จนวันหนึ่ง พ่อของเด็กน้อย


เดินเข้ามาคว้าคอแม่ไก่


เด็กน้อยนั้นงุนงง สงสัย


เอาแม่ไก่ไปทำไม…


พ่อบอกเอาไปฆ่าเซ่นไหว้พระเจ้า


 


เด็กน้อยล้มตัวลงนอนเกลือกกลิ้งร้องห่มร้องไห้


" ฮือ ฮือ ฮือ พระเจ้าใจร้าย ๆ "


 


เธอคงเข้าใจสินะ ว่าพระเจ้าใจร้ายนั้นหมายถึงใคร และมันยังไม่ใช่ความเศร้าโศกครั้งสุดท้าย มันยังคงซุกซ่อนอยู่ในซอกหลืบของขุนเขา อยู่อย่างนั้น จนกว่าชะตากรรมตัวใหม่จะย่างกรายเข้ามาสู่หมู่บ้านนั้นอีกครั้ง และอีกครั้ง


           


เพื่อนรัก…ยังมีอีกหลายเรื่องราว ที่อยากให้เธอรับรู้และเข้าใจว่า เหตุการณ์บนภูเขานั้นยังไม่เปลี่ยนแปลง.


 


* * * * *


 


ใช่ เมื่อผมหยิบเรื่องราวเก่า ๆ ออกมาอ่านอีกครั้ง


ในห้วงยามนี้ เดือนนี้ ปีนี้ - -ธันวาคม 2549


เหตุการณ์บนภูเขายังไม่เปลี่ยนแปลง