Skip to main content

หอมทุ่ง

คอลัมน์/ชุมชน

ด้านหนึ่งแผ่นดินมีฤดูหนาว  ฤดูร้อน ฤดูฝน  อีกด้านหนึ่งแผ่นดินก็มีฤดูเพาะปลูก  ฤดูเก็บเกี่ยว  รวมไปถึงยังมีฤดูน้ำหลากอีกด้วย  หรืออาจจะมีอะไรอีก....หรือเปล่า.... ดูเหมือนจะอย่างไร  ไม่มากก็น้อยยามที่ผู้คนนึกถึงฤดูกาล  ฤดูเก็บเกี่ยวมักถูกนึกถึงเป็นลำดับที่สำคัญ  ในด้านของชาวนา อาจจะเป็นเพราะว่า ช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวนี้คือวาระที่จะได้เติมเต็มความหวังที่หวังมาทั้งปี  มันมักเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนหน้าชื่นตาบานกัน อย่างเป็นสุข  


 


กระนั้น...คนเมืองที่เกิดอยู่ในเมือง โตในเมือง  เคยได้ยินแต่คำว่าทุ่ง ไม่เคยเห็นทุ่ง หรือนึกถึงได้แต่ทุ่งหญ้าในภาพยนตร์สารคดีสัตว์โลก  แต่กระนั้น พวกเขาก็คงมีบางช่วงเวลาที่ได้นึกถึงฤดูเก็บเกี่ยว  เชื่อกันว่า ความเป็นชาวนามันฝังอยู่ในพันธุกรรมของทุกผู้คนบนแผ่นดินนี้  แม้ว่าเขาผู้นั้นจะรู้จักต้นข้าวหรือไม่ก็ตาม


 


มีเรื่องเล่ากันมาว่า...  ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองหลวง  ขณะที่ครูกำลังจะนำพาเด็กๆ เข้าสู่บทเรียนว่าด้วยเรื่องราวของการทำนา และ หรืออาชีพเกษตรกรรม  วาระนั้นครูถามเด็กๆ ว่า  "มีใครรู้บ้างว่าข้าวมาจากไหน....?"  ทั้งห้องเงียบกริบ  เด็กๆ มองหน้ากันเลิกลัก  ในที่สุดเมื่ออดรนทนไม่ไหวก็มีเด็กคนหนึ่งกล้าหาญชาญชัย ยกมือขึ้น และตอบอย่างมั่นอกมั่นใจว่า  "ข้าวมาจากมาบุญครองครับ"


 


อีกเรื่องที่เล่ากันมาว่า ผู้คนจากเมือง เดินทางสู่หมู่บ้านกลางป่า บนดอย เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิต  วัฒนธรรม  ระหว่างการเดินทางวันหนึ่งขณะที่เดินอยู่บนสันเขา ขณะนั้น ทอดมองออกไปเบื้องล่าง ข้าวในไร่กำลังส่ายใบโบกตามแรงลมเบาๆ ต้นข้าวเขียวๆ เป็นทุ่งข้าวกลางป่า  ชายหนุ่มจากเมืองคนหนึ่ง เอ่ยขึ้นมาว่า  "อู้ฮู....ทุ่งหญ้า..." ได้ยินดังนั้น ชาวบ้านผู้ร่วมเดินทางก็ไขความให้ถูกต้องว่า  "นั่นไม่ใช่ทุ่งหญ้า นั่นมันทุ่งข้าว"  โดยไม่มีใครคาดคิด เพียงชายหนุ่มชาวเมืองได้ยินดังนั้นเขาก็ถลาวิ่งลงจากเขา มุ่งตรงไปยังทุ่งของเขา ผู้คนผู้ร่วมขบวนตกใจ ได้แต่วิ่งตามลงไป  เมื่อไปถึง ก็พบชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างต้นข้าว  ด้วยสายตาแปลกใจระคนเป็นสุข  เขาจ้อง ๆ ๆ มองเหมือนกับจะต้องจดจำรายละเอียดทั้งหมดของต้นข้าว  แล้วเขาก็บอกว่า "นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้เห็นต้นข้าว"


 


ช่วงเวลานี้ในวัยเยาว์  ข้าวเม่าสีเขียวอ่อน นุ่มและหอมมาก  แล้วมันก็แสนจะอร่อย อร่อยที่สุดที่ไม่ต้องปรุงแต่งรสชาติ  นั่นทำให้เราได้ลิ้มรสข้า(เม่า)แท้ๆ  และมันอร่อยที่สุด  ข้าวใหม่  ร้อนๆ ในกระติ๊บข้าวเหนียว หอม และอร่อยที่สุดเช่นกัน  อร่อยเสียจนเราสามารถกินข้าวได้เปล่าๆ โดยไม่ต้องกินกับข้าวอย่างอื่น  เพียงข้าวนั้นก็วิเศษสุดแล้ว  เวลาเช่นนี้ กองไฟยามค่ำ หรือยามเช้ามืด ญาติ พี่น้อง ล้อมวงสนทนาในคืนหนาวเหน็บ  อบอุ่นจากไฟ และอบอุ่นจากพี่น้อง  แถมด้วย มันเผา ข้าวจี่ คั่วเม็ดมะขาม หรือกระทั่งข้าวหลาม  ว่ากันไป  นั่นนับเป็นความทรงจำอันสุนทรีนัก


 


ว่าก็ว่า...  ทุกสิ่งในโลกใบนี้มันเร็วขึ้นมาก  ผู้คนเดินเร็วขึ้น  กินก็เร็ว แต่กลับนอนน้อยลง  พูดจากันเร็วขึ้น พูดจากันมากขึ้น แต่กลับฟังกันน้อยลง   จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกันว่า  ในทุ่งนาสมัยนี้ บางที่ก็มีรถเกี่ยวข้าว แทนคนเกี่ยวข้าว หรือบางที่ ก็มีรถนวดข้าว   ที่สามารถนวดข้าวทั้งนาเสร็จภายในเวลาเพียงน้อยนิด  ก่อนหน้านี้ เมื่อนานมาแล้ว  ทุกขั้นตอนของการทำนาล้วนเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ  การทำนาทั้งหมดนั้นมันจึงทรงพลัง งดงาม และเปี่ยมความหมาย  พิธีกรรมเหล่านี้หายไปทันที เมื่อมีเครื่องจักรมาคั่นอยู่ตรงกลางระหว่างผืนนากับชาวนา  แต่ว่าไปแล้ว  เครื่องนวดข้าวอันทำงานได้รวดเร็วนั้น  แต่มันกลับต้องใช้แรงงาน และต้องทำงานหนักขึ้นกว่าการตีข้าวนัก  เครื่องจักรไม่ได้ทำให้เราเหนื่อยน้อยลงเลย  นี่ว่ากันแต่เรื่องกำลังกายเท่านั้น  แต่สิ่งที่เสียไปอีกอย่างหนึ่งคือบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ ของการตีข้าว  เหล้าสาโท ลาบเป็ด  ญาติพี่น้อง และมิตรภาพ


 


ฝูงนกกระยางจัดริ้วขบวนบินกลับรังยามย่ำสนธยา วิธีการจัดขบวนชั่งน่าสนใจ และมันน่าจะมีความหมาย  ซึ่งเราไม่รู้ หรือว่าจริงๆ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้  เพียงแต่เราก็ได้เห็นอยู่ว่า นั่นคือภาพที่งดงามนัก  นกกระยางสีขาว เมฆสีขาว  ขอบฟ้า และดวงตะวันสีแดง  ลมหนาวเบาๆ  และกลิ่นทุ่งที่หอมนัก