Skip to main content

ใช่ว่าเธอเปลี่ยนไป

คอลัมน์/ชุมชน


 


แม่หญิงลาวที่ดำรงชีวิตอยู่ในเมือง คงมีความงามอีกรูปแบบหนึ่ง คือความงามทางธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว บวกกับความงามด้วยการเสริมแต่งให้มีความงามรูปนอก ดูแล้วเด่นขึ้นกว่าเดิม จากเครื่องแต่งกายและผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่าง ๆ ของยุคสมัย ทำให้ดูแล้วกินใจผู้ชายเป็นอย่างมาก


           


เป็นเรื่องโชคดีของผู้หญิงในเมืองอีกอย่างหนึ่ง เนื่องด้วยว่า ผู้หญิงที่ดำรงชีวิตตามในเมือง ได้มีโอกาสพบแสงสีแห่งความศิวิไลซ์ทางด้านวัตถุที่เหนือกว่าแม่หญิงในชนบท นอกจากนั้น พวกเขาเหล่านั้นยังมีโอกาสเข้าไปสู่การศึกษาที่สูงกว่า สภาพสังคมในเมืองบวกกับโอกาสการศึกษาที่สูงกว่าทำให้แม่หญิงในเมืองมีโอกาสพัฒนาทางด้านอีคิวและไอคิวมากกว่า


 


เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาจึงมีโอกาสรอบรู้สภาพการณ์ต่างๆ ได้ดี  นอกเหนือไปจากความรักของหนุ่มสาวสภาพการกลืนกินของคนในเมือง รวมทั้งสังคมแบบตะวันตกที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากในสังคมลาวปัจจุบัน ซึ่งดูครึกครื้นยิ่งขึ้นทุกวัน.


           


แต่เมื่อมองผ่านการดำรงชีวิตเข้าไปสู่จุดการดำรงชีวิตแง่ประเพณี วัฒนธรรม, แม่หญิงในเมืองจำนวนมากเริ่มมีการเหินห่างจากประเพณีแบบดั้งเดิม ก้าวเดินสู่โคจรแห่งการกลืนกินเป็นสำคัญและเดินตามสังคมแห่งโลกมายาที่ล่อตาล่อใจมากกว่า. มองดูอีกด้านหนึ่ง,เหมือนกับว่าแม่หญิงในเมืองกำลังทักท้วงความไม่เรียบร้อยของผู้ชายที่กำลังลืมบ้านเรือนของตัวเอง หลงใหลในอบายมุขทั้งหลายเพื่อปรับตัวให้อยู่ในกรอบของประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม ผู้ชายอาจไม่รู้ว่าลูกและภรรยารอการกลับมาทานข้าวในบ้านด้วยกันนานแค่ไหน.


           


แน่นอน เรา ๆ อาจรู้และเข้าใจแล้วว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจในเมือง กลายเป็นเครื่องชักนำ ให้ชายและหญิงหลงใหล ฉะนั้น การที่แม่หญิงจำนวนหนึ่ง ถอยห่างออกนอกกรอบประเพณีและวัฒนธรรมที่ดีงามแบบดั้งเดิม อาจกลายเป็นฉนวนเพลิงเผาไหม้ ทำให้ผู้ชายยิ่งถลำลึกเข้าสู่โรคของการกลืนกินมากขึ้นก็เป็นได้.


 



 


ความทันสมัยของวัตถุนิยมแบบฉบับของตะวันตก มีอิทธิพลมากกับประเพณีและวัฒนธรรม ทำให้สิ่งที่ดีงามของชาติถูกเลือนหายไปในที่สุด ในที่นี้ก็นับทั้งประเพณีการครองเรือนของหญิงชายด้วย การเปลี่ยนแปลงของการพัวพันระหว่างหญิงชายก็มีหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก ในทุกวันนี้


           


ถึงอย่างไรก็ตาม, แม่หญิงในเมืองจำนวนหลาย ยังคงตั้งมั่นอยู่ในกรอบประเพณีแบบดั้งเดิมที่กำหนดไว้ ด้วยการทนต่อความเจ็บปวดรวดร้าวในการกระทำของผู้ชายเช่น การมีเมียน้อย, เป็นผู้ชายเจ้าชู้ พอกลับมาถึงบ้านก็มีท่าทีไม่ดีกับลูกและเมีย. การฆ่าลูกตีเมียเป็นเหตุการณ์ที่เรา ๆ เห็นกันเกือบทุกวี่ทุกวัน และก็มีให้เห็นเต็มบ้านเต็มเมือง.


           


ในปัจจุบันนี้, แม่หญิงในเมืองกำลังไขว่คว้าหาความรู้ใหม่ ๆ ของโลกที่ทันสมัย เช่น ด้านสิทธิของแม่หญิงในการดำรงชีวิตในสังคมลาว, โดยมีจุดประสงค์นำเสนอดังกล่าวนี้ ให้ภาครัฐและองค์การจัดตั้งสังคมต่าง ๆ จนถึงแม่หญิงเผ่าต่าง ๆ ในสังคมได้รับรู้สิทธิของพวกเขา ยกฐานะของแม่หญิงลาวให้สูงขึ้นในเวทีสากล.


 


แต่หากถ้าว่ามองลึกเข้าไปถึงพื้นฐานความเสมอภาคระหว่างหญิงชายแล้ว ก็ทำให้มีคำถามต่าง ๆ นานา เช่น ถ้าผู้ชายออกนอกบ้าน แล้วแม่หญิงออกนอกบ้านได้เหมือนกันได้ไหมล่ะ? แล้วจะทำอย่างไรถึงตอบรับความเสมอภาพของหญิงชายได้?


 


การที่ยกปัญหาขึ้นมาพูดนั้นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีอีกมากมายหลายเรื่องที่ได้รับการนำเสนอให้สังคมได้รับรู้ เพื่อความเข้าใจมากขึ้น เพราะทั้งหมดนั้นคือคำตอบ, แต่สำหรับคนเขียนคงไม่ตอบในเรื่องนี้ ขอให้เป็นภาคส่วนที่เกี่ยวข้องพูดดีกว่า เพราะสิ่งที่กำลังพูดอยู่นี้ก็คือพูดตามสายตาของผู้ชายมองเห็นเสี้ยวหนึ่งของชีวิตผู้หญิงลาว.


           


อีกมุมหนึ่ง ที่พูดว่าแม่หญิงลาวกำลังก้าวเดินออกจากกรอบประเพณีนั้น ความหมายหนึ่งก็หมายถึงแม่หญิงที่กำลังเติบโตทางด้านร่างกาย ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า "วัยรุ่น" กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวจำนวนหลายคนกำลังเดินตามขบวนรสนิยมที่เรียกว่า "แฟชั่น"  Fashion เพราะเหตุใดถึงต้องมีรสนิยมแบบนั้น? เราคงไม่ต้องอธิบายใด ๆ อีกเพราะเรา ๆ เห็นกันทั่วเมืองเวียงจันท์ เช่น การนุ่งน้อยห่มน้อยของหญิงสาวที่เป็นการถอดรสนิยมต่างประเทศ "ชาวตะวันตก"  ได้จากการดูหนังฟังเพลง CD & VCD มีเกลื่อนเมือง เพื่อสนองความต้องการของสังคมยุคใหม่


           


ทั้งหมดที่พูดนั้น ได้กลายเป็นสิ่งล่อตาล่อใจให้แก่กลุ่มคนที่ไม่หวังดีที่มีในสังคม ตามติดจนเกิดเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่ปรารถนาขึ้นในที่สุด เหตุเกิดขึ้นหลาย ๆ ที่นั้นแต่เป็นผู้หญิงที่รับกรรม ทำไมแฟชั่นแบบตะวันตกถึงกลายเป็นสิ่งล่อใจคน? หลายคนก็พูดกันไปตามทัศนะของตน แต่ในที่สุดก็ลงเอยในเหตุผลเดียวกันเช่น ปัญหาทางเพศ.


           


แม่หญิงในเมืองโดยเฉพาะก็คงหนีไม่พ้นคือสาว ๆ การแต่งกายส่วนมากก็คือการลอกเลียนแบบ นำเอาสิ่งที่พบเห็นเข้าสู่การดำรงชีวิดประจำวันได้ง่ายๆ ด้วยเหตุว่าประเพณีที่ดีงามของชาตินั้นละเอียดอ่อนกว่า จึงทำให้คนหนุ่มเหล่านี้มองไม่เห็นคุ่นค่าของมันไม่ชัดเจนนัก.


 


จากความไม่เข้าใจคุณค่าทางวัฒนธรรมและประเพณีแล้ว ก็ก้าวสู่การมองข้ามคุณค่าที่ดีงามเหล่านั้น ในที่สุด ความดีงามทางประเพณีวัฒนธรรมเหล่านั้น ก็มลายหายไปตามกาลเวลาและจบสิ้นลงในที่สุด ปล่อยให้น้ำตาของบรรพบุรุษผู้สร้างสมมรดกเหล่านี้ คงต้องน้ำตาไหลอีกครั้งแม้จะอยู่ในหลุมฝังศพ