Skip to main content

หลวงพระบาง (ตอนหนึ่ง) : ความรู้สึกแรกบนผืนแผ่นดินลาว

คอลัมน์/ชุมชน

จันทน์กระพ้อ


 


เพราะตังค์มีไม่มาก  แต่อยากไปมานาน  ฉันจึงตัดสินใจสะพายเป้เดินทางโดยรถทัวร์ตลอด  ทริปมุ่งหน้าสู่หลวงพระบาง  เมืองมรดกโลก  เมืองที่หลายคนแนะนำให้ไป  เมืองที่หลายคนบอกว่าอะไรๆ ยังเหมือนเมืองไทยเมื่อหลายปีก่อน


 


ก่อนออกเดินทางเคยได้ยินมาบ้างว่า  ไปหลวงพระบางทางรถโหดมหาโหดแค่ไหน  แต่ด้วยใจสู้และคิดว่าเรายังเป็นวัยรุ่นอยู่  นั่งรถ 9 ชั่วโมง (กรุงเทพ - เวียงจันทน์) แล้วต่อรถอีก 9 ชั่วโมง (เวียงจันทน์ - หลวงพระบาง) แค่ 18 ชั่วโมงเอง  จะเป็นไรไป  ยังไงก็ไหวอยู่แล้ว  ซึ่งจริงๆ ก็ไหวแหละ แต่ครั้งหน้าขอไปเครื่องบินดีกว่า เฮ้อ!!


 


วันพฤหัส (7/12/49) ตอกบัตร 6 โมง (เย็น) ตรง รีบหารถไปลงเรือเพื่อขึ้นฝั่งที่ท่าพระอาทิตย์แล้วนั่ง     ตุ๊กตุ๊กต่อไปถนนข้าวสาร  พบกับพี่เอเจนซี่ (ต่อ 2) ที่รับหน้าที่พาเราเดินทะลุตรอกนู้นซอยนี้เพื่อไปนั่งแกร่วอยู่หน้าออฟฟิศของเอเจนซี่ต่อแรก (มารู้ทีหลังว่าออฟฟิศที่เป็นเจ้าของรถทัวร์ที่พาเราไปส่งที่เวียงจันทน์ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนินนั่นเอง...กว่าจะรู้เสียค่าเอเจนซี่ไป 2 ต่อ  สบายใจหลาย!)


 


20.30 น. รถโค้ชคันใหญ่เคลื่อนตัวออกจากถนนราชดำเนิน ภายในบรรจุนักท่องเที่ยวเพียง 13 คน เป็นเอเชีย 4 และเป็นคนไทย 2 คือ ฉันกับคนที่ไปด้วย  ตอนนั้นคิดขึ้นมาตะหงิดๆ ว่า เค้าจะพาเราไปขาย


หรือเปล่า  เพราะลำพังถ้ารถออกทุกวันมีผู้โดยสารแค่นี้จะไปพอค่าน้ำมันเหรอ?  นั่งคิดมาตลอดทาง  จะลงก็ไม่ได้เสียดายตังค์  เอาไงดีหว่า...เอาไงดีหว่า...หลับดีกว่าวุ้ย


 


แล้วขี้ก็ขึ้นสมองเข้าจริงๆ เมื่อรู้สึกตัวอีกทีตอน 05.30 น. ของวันศุกร์ รถหยุดไม่ขยับ ถนนเป็นสีดำสนิท  ด้านหน้ามีเพิงหลังใหญ่ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางสายหมอกและความมืดของรุ่งเช้า ตายห่_ แล้วตู  โดนขายแน่  เอาไงดี...เอาไงดี  ปลุกคนข้างๆ  เค้าตื่นมาทำหน้างง  พูดว่า  คงจอดรถนอนมั๊ง  แล้วหลับต่อ  ไอ้เราสิหลับไม่ลง  นั่งคิดนู่นคิดนี่  สวดมนต์  กดโทรศัพท์  กระสับกระส่ายหาทางหนีทีไล่จน 06.30 น. มีคนเดินตรงจากเพิงมายังรถเพื่อมาปลุกพวกเราไปทำเอกสารผ่านแดน แล้ววินาทีนั้นภูเขาก็ถูกยกออกจากอก  เฮ้อ! ความกลัวมันทรมานพอๆ กับการเผชิญหน้าเปื้อนยิ้มของคนข้างๆ ที่บอกให้รู้เป็นนัยๆ ว่า "กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง" เป็นงั้นไป  เรื่องนี้ใครผิดเนี่ย?


 


          


ริมฝั่งโขง  ตอนเช้าตรู่ ถ่ายจากฝั่งไทย


 


07.48 น. เอกสารทุกอย่างของทุกคน (13 คน) เรียบร้อย  ทางเครือข่ายของบริษัทที่เมืองไทยจัดรถโดยสารของประเทศลาวมารับจาก border เข้าเวียงจันทน์ไปปล่อยตรง "น้ำพุ" (เข้าใจว่าเป็นศูนย์กลางปลดปล่อยนักท่องเที่ยวของบริษัทฯ นี้)  ผู้ร่วมโดยสารรถคันเดียวกับฉันต่างขนสัมภาระและไปตามทางของตัวเอง 


 


ส่วนหน้าที่ของฉันก็คือ  ต้องนั่งรถไปสายเหนือเพื่อจับรถไปหลวงพระบาง  มีพี่ขับสามล้อลาวคนหนึ่งบอกจะไปส่งคิด 200 บาท  เห็นเราลังเลเลยลดให้เหลือ 150 บาท พูดจบปุ๊บก็คว้ากระเป๋าฉันขึ้นรถเค้าปั๊บ  เมื่อหมดอำนาจต่อรอง + ความงง + กลัวไม่ทันเที่ยวรถ  เราจึงตัดสินใจก้าวขาขึ้นไปเพื่อจะพบว่า นั่งก้นยังไม่ทันร้อนก็ถึงสายเหนือเสียแล้ว  แถมสวนทางกับรถ VIP (เวียงจันทน์ – หลวงพระบาง)  เที่ยวสุดท้ายตรงทางเข้า  ตอนนั้นคิดแต่ว่า  ขอให้มีรถไป  รถอะไรก็ได้ทั้งนั้น  ซึ่งก็มีจริงๆ แต่ออกตอน 11.30 น. หมายความว่า  หลังจากที่ต้องเสียค่ารถมากเกินความจำเป็น และไม่ทันรถ VIP แล้ว  เรายังต้องนั่งแกร่วอีกชั่วโมงกว่าๆ เพื่อขึ้นรถธรรมดา  ก่อนขึ้นรถพี่คนขับบอกว่าใช้เวลาประมาณ 9 ชม. เราจะได้เหยียบหลวงพระบาง  แต่มันแย่ตรงที่เรื่องน่าเศร้าสำหรับวันยังไม่จบแต่เพียงเท่านั้นน่ะสิ...


 


รถธรรมดา  ขับช้า  จอดตลอดทางที่มีคนโบก  คนที่โบกมักมากับข้าวของพะรุงพะรังที่ต้องแพ็คขึ้นดาดฟ้า  คนที่ลงมักต้องเอาของที่ตัวเองฝากไว้บนดาดฟ้าลงไปด้วย  แถมมีรายการจอดทักทายเพื่อนฝูง  ญาติพี่น้องของคนขับเป็นระยะ  มีแม้กระทั่งจอดฉี่ข้างทาง  จึงไม่แปลกที่ความหวังว่าจะไปนั่งรถก้นบานแค่ 9 ชม. จะถูกยืดออกไป ๆ ๆ แต่ใครจะรู้ว่า  ถูกยืดออกไปถึง 11 ชม.กว่าๆ  การเดินทางของฉันเส้นทางนี้จึงเริ่มจากตื่นเต้น  ครื้นเครง  นั่งเศร้า  ซึม  เซ็ง  หลับ  นั่งนับหลักกิโลเมตร  นั่งนับชั่วโมง  และไม่นับอะไรอีกเลย...จน 22.00 น. รถปล่อยเราลงตรงสถานีสายเหนือของเมืองหลวงพระบาง  น้ำตาแทบไหล  ไม่ใช่ดีใจ  แต่เสียดายเวลาที่หมดไปบนรถ  ทีหลังมาเร็วหน่อยเพื่อนั่งรถ VIP หรือไม่ก็เก็บตังค์นั่งเครื่องฯ เลยดีกว่า


               


วิวระหว่างทางไปหลวงพระบาง  ถ่ายบนรถธรรมดา


พ่อค้าแม่ขาย ระหว่างทางไปหลวงพระบาง


 


นั่งตุ๊กตุ๊กเข้าเมือง  เดินหาเกสต์เฮ้าส์ทะลุซอยนั้นออกซอยนี้  สุดท้ายก็ได้ห้องสภาพดีที่มีไว้นอนเพียงอย่างเดียว  มีห้องน้ำในตัว  มีทีวีส่วนกลางเป็นช่องไทย 4 ช่อง ช่องลาว 1 ช่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข่าว  คนดูแลห้องพักเลยเปิด mp3 ของเหล่าศิลปินไทยฟัง อยู่ในห้องพักยังได้ยินเสียงพี่ลีโอ พุฒ ครวญเพลง


ขอใครสักคน มาแต่ไกล เราตัดสินใจพักอยู่นี่ 3 คืนเลย  เพราะใกล้ตลาดเช้าและวัดต่างๆ 


 


ตอนแรกกะไปผับ  แต่ด้วยความงง+ความหนาวกายและลำไส้  ครั้นจะไปหาเหล้าใส่กระเพาะคงไม่ดี  อีกอย่างผับที่นี่ปิดเที่ยงคืน กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ห้าทุ่มกว่าๆ ไปยังไงก็คงไม่ทัน  คืนนั้นหลับไปลูบท้องไปด้วยความหิว  วันนี้กินขนมปังไป 3 ก้อนกับน้ำเปล่าอีกครึ่งขวด


 


เหมือนหวงแหนเวลาที่จะได้อยู่ที่นี่  เราตื่นเช้าราวตีห้า  ล้างหน้าแปรงฟันเดินออกจากบ้านพักสู่ถนนที่เงียบสงบปกคลุมด้วยไอหมอก  เราออกมาเตรียมตักบาตรเป็น 2 คนแรกของถนนสายนั้น  (มารู้ทีหลังจากคนดูแลบ้านพักว่า  หน้าหนาวพระจะออกมาบิณฑบาตช้ากว่าปกติ)  เราอุดหนุนข้าวเหนียวและข้าวต้มมัดจากชาวบ้านที่หาบรอนักท่องเที่ยว (ดูเหมือนทุกหาบจะบริการเพียง 2 อย่างนี้เท่านั้น)


 


หกโมงสิบนาที  พระสงฆ์เดินเรียงแถวบิณฑบาต  บรรยากาศสงบ  ชาวบ้านที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยบนเสื่อที่หอบมาเองเริ่มปั้นข้าวเหนียวจากกระติ๊บลงบาตร  ด้วยความมือใหม่  ฉันปั้นได้หยิบละน้อย เพราะถ้ามัวกังวลกับขนาดอาจใส่ไม่ทัน  วันนั้นใส่ครบทุกรูป  พระเดินกลับวัดหมดแล้ว  แต่ในกระติ๊บของฉันยังเหลือข้าวเหนียวอีกก้อนใหญ่  กะว่าพรุ่งนี้เอาใหม่ต้องใส่ให้พอดีกว่านี้ให้ได้!


 


 


            


พระออกบิณฑบาต รูปนี้สวยมากในความรู้สึก


พระเดินเรียงแถวกลับวัด รูปนี้เป็นอีกรูปที่ชอบมาก


 


ตักบาตรเรียบร้อยก็ได้เวลาไปลุยตลาดเช้า  ของที่ขายมีตั้งแต่ผลไม้สุดฮิพของที่นี่ได้แก่ ส้มกับมันแกว (ชาวบ้านกินกันตลอดทางบนรถทัวร์)  พริก  ผัก  เรื่อยไปจนถึงขาวัว  เนื้องูหลาม  เม่นที่ยังไม่ได้แล่แต่ตายสนิท  และที่ช็อคสุดคงเป็นแมวลายเสือดาวที่นอนตะแคงเหมือนหลับ  มีเพียงลูกตาเท่านั้นที่เปิดอยู่!


 


 


             


บรรยากาศตลาดเช้า


ก๋วยเตี๋ยวมังสวิรัติ รสชาติอร่อยประมาณนึง


 


 


 



ขนมจอกของคุณยาย 3 อัน 2000 กีบ อร่อยมาก!


ข้าวจี่ (บาแก็ต) ขนมปังหลายไส้ เลือกใส่ตามใจชอบ


 


 







ลองกดโทรศัพท์มือถือโทรหาพ่อแม่ที่เมืองไทย  เมื่อติดต่อไม่ได้จะได้ยินเสียงหวานๆ ของโอเปอร์เรเตอร์พูดว่า


"ขออภัย บ่มีเลขหมายที่ท่านเอิ้น" ชอบมาก  เสียงเค้าเพราะดี  กดฟังตั้งหลายเที่ยวแน่ะ


 



 


อยากให้อ่านตอนต่อไป 


จะพาไปเที่ยววัด ผับ และเธคที่หลวงพระบางค่ะ