เรื่องของสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้
คอลัมน์/ชุมชน
คงรู้กันทั่วแล้วว่าวัฒนธรรมแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ได้อย่างจำเพาะและชัดเจน ที่กล่าวมาข้างต้นก็เพื่อที่จะพูดถึงแหล่งเก็บรวบรวมความรู้ทางวัฒนธรรมอันถูกจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นระเบียบแบบแผน และนั่นก็หมายถึง สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้นั่นเองครับ
สารานุกรมวัฒนธรรมไทยนั้นเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการศึกษาเรียนรู้ของเยาวชนรวมทั้งบุคคลทั่วไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักวิชาการทางวัฒนธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั่นแหละ และสิ่งที่อยากจะนำเสนอต่อท่านผู้อ่านในคราวนี้จึงเป็นเรื่องของสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้ ครับ
จริงๆ แล้วหนังสือชุดสารานุกรมวัฒนธรรมไทยนั้นก็มีครบทั้ง ๔ ภาค คือ ทั้งภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคใต้ แต่พิเศษหน่อยตรงที่สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้ นั้นได้เกิดมีขึ้นก่อนใครอื่น ก็ตั้งแต่ครั้งเมื่อประมาณปี ๒๕๒๔ ที่ศาสตราจารย์สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ และสถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา ได้ริเริ่มคิดและรวบรวมนักวิชาการทั้งท้องถิ่นและระดับส่วนกลางที่เป็นผู้ทรงภูมิทางวัฒนธรรม ไทยภาคใต้มากถึง ๒๒๑ คน มาศึกษารวบรวมคำและคำนิยามต่างๆ ในวัฒนธรรมการดำรงชีวิตของคนใต้และเรียบเรียงจัดระบบไว้อย่างวิธีสากลปฏิบัติจนเป็นคลังข้อมูลคลังใหญ่ที่สุดของภาคใต้เลยก็ว่าได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เกิดจากฐานข้อมูลทางคติชนวิทยาที่ท่านศาสตราจารย์สุธิวงศ์ได้เก็บไว้ก่อนแล้ว ที่มีทั้งส่วนที่เป็นข้อมูลภาพ ข้อมูลเสียง วัตถุของจริง และวรรณกรรมทั้งมุขปาฐะและหนังสือบุดนั่นเอง
ก็ในช่วงปี ๒๕๒๕-๒๕๒๗ นี่เองที่สถาบันทักษิณคดีศึกษาได้รับทุนสนับสนุนจากมูลนิธิโตโยต้าแห่งประเทศญี่ปุ่นจัดทำสารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้เป็นเงินกว่า ๒๐ ล้านเยน คิดเป็นเงินไทยในยุคนั่นก็กว่า ๒ ล้านบาท สุดท้ายในปี ๒๕๒๙ ก็ได้รับทุนจัดพิมพ์จากมูลนิธิโตโยต้าแห่งประเทศญี่ปุ่นจำนวน ๑,๐๐๐ ชุด เป็นเงินกว่า ๒ ล้านบาท
จากนั้นสารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้จึงเป็นที่สนใจของเหล่านักวิชาการอย่างกว้างขวางแบบว่าทึ่งกันเป็นแถวๆ เลยทีเดียว จะไม่ทึ่งได้อย่างไรก็สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ชุดนี้ได้รวบรวมคำไว้ถึง ๖,๐๐๐ คำเลยนี่ครับ นับว่าเป็นมิติใหม่ของการศึกษาและการจัดเก็บ-บันทึกความรู้ทางวัฒนธรรมของประเทศไทยเอาไว้อย่างเป็นระบบ
นับว่าเป็นต้นแบบของสารานุกรมวัฒนธรรมไทยฉบับภาคอื่นๆ อย่างแพร่หลาย ก็เพราะสารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้นั่นเองที่ส่งผลให้วงวิชาการหลายฝ่ายหันมาให้ความสนใจกับการบันทึกความรู้ทางวัฒนธรรมในรูปแบบนี้
ด้วยข้อจำกัดทางข้อมูล หลายปีต่อมาจึงเห็นควรให้มีการปรับปรุงหนังสือสารานุกรมชุดดังกล่าวขึ้นใหม่เพื่อให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นจากฉบับเก่า กอรปกับการที่มีการเกิดขึ้นของมูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการจัดทำสารานุกรมวัฒนธรรมไทย สถาบันทักษิณคดีศึกษาจึงได้มีโอกาสปรับปรุงสารานุกรมชุดดังกล่าวอย่างจริงจังและจัดพิมพ์ฉบับปรับปรุงขึ้นใหม่พร้อมๆ กับที่มีการเกิดขึ้นของสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคกลาง-ภาคเหนือ-ภาคอีสาน อันจัดพิมพ์เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามีสารานุกรมชุดเก่าของภาคใต้เป็นต้นแบบในการคิดนั่นเอง
ชุดหนังสือสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้ ฉบับปรับปรุงปี ๒๕๔๒ นี้ มีการจัดหมวดความรู้ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องเกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรม ภาษา ประวัติศาสตร์ การแสดงและการละเล่น การปกครองและสังคม สถานที่สำคัญ อาชีพ ความเชื่อและประเพณี บุคคลสำคัญ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบบการชั่งตวงวัด และกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นต้น รวบเบ็ดเสร็จเป็นเล่มแล้วรวม ๑๘ เล่มครับ
ผมพูดอย่างไม่อายเลยครับว่าสารานุกรมวัฒนธรรมไทยทั้ง ๔ ภาคดังกล่าวนี้เป็นหนังสือชุดที่สถานศึกษาทั่วประเทศควรมีไว้ให้นักเรียนนักศึกษาได้รู้เจักและเรียนรู้วัฒนธรรมอื่นของประเทศไทยได้ไม่มากก็น้อยด้วย
อีกอย่างที่อยากกล่าวถึงเพื่อให้ผู้อ่านที่สนใจศึกษาและเรียนรู้ได้รู้จักก็คือ พจนานุกรมภาษาถิ่นใต้ ซึ่งพูดได้ว่ามีมานานและน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง รับรองอ่านแล้วมี "ขำขำ" แน่นอน และพิเศษอีกที่ไม่มีที่ใดเลย
ที่เล่ามาทั้งหมดใช่ว่าจะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อหรอกนะครับ แต่ผมรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ควรบอกต่อเป็นอย่างยิ่ง หากโดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ทุกคน ทุกภาคทั่วประเทศ เพราะวันนี้ใช่มีเพียงแต่สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้เท่านั้น แต่ทุกวันนี้ก็มีสารานุกรมกันทั่วทุกภาคแล้ว
ความเห็นส่วนตัว...ผมคิดว่าเราควรรู้จักตัวเองก่อน และสิ่งนี้สามารถตอบท่านผู้อ่านได้ว่า ตัวเราล้วนมีรากมาแต่ก่อนโน้นแล้ว และเป็นรากที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่พอตัวทีเดียว
บนแผ่นดินเหนือทะเลสาบ-เกาะยอ-สงขลา