Skip to main content

เกาะลันตา...เรื่องเล่าจากเรือลำน้อย

คอลัมน์/ชุมชน


 


ไอแดดคมจัดบาดผิวจนแสบร้อน  เพราะการขี่รถมอเตอร์ไซด์รอบเกาะมาทั้งวัน  แต่เมื่อคุณมาถึงเวิ้งกว้างข้างหน้าคุณจะลืมความทรมานของผิวกาย เปลี่ยนมาทรมานอารมณ์แทน


 


ตรงนั้นเป็นทางโค้ง และเป็นโค้งที่เป็นเนินสูง อยู่ติดทะเลมากที่สุด  ขณะนี้เป็นขากลับ คุณกำลังไต่ลงมา ทันทีที่สายตาของคุณเหลือบมองไปทางทะเล  อุแม่เจ้า...พระอาทิตย์ดวงเดิม ที่ไม่เหมือนเดิม รัศมีที่สวยแบบทรงพลังจะสะกดคุณไว้ให้นิ่งงัน จนไม่อยากเคลื่อนไหวให้ภาพนั้นคลาดสายตา


 


เดิมทีนานมาแล้ว นานเกือบสิบปี ที่ตรงนี้เป็นเพิงพักของคนเรือเล็กๆ ประเภทเรืองหางยาว มีหาดทรายแคบๆ กับร่องน้ำเล็กๆ พอให้ลากเรือมาเกยฝั่ง แล้วผูกเอาไว้กับต้นหูกวางขนาดย่อม ที่มีอยู่ต้นเดียวในตรงนั้น


 


เธอเล่า...ในเวลานั้น ปลาย่างตัวเล็กๆ ของพวกเขาส่งกลิ่นหอมไปไกล จนเธอต้องหยุดขอถ่ายรูปและซื้อติดมือมา


 


บัดนี้ มีแค่เรือเล็กๆ ไม่กี่ลำ  ไม่มีกองไฟ ไม่มีแผงไม้ไผ่สำหรับย่างปลา ตรงนั้นกลับเป็นร้านค้าและบังกะโลหลังน้อยๆ ขึ้นมาแทน เรียกได้ว่าเป็นบังกะโลที่แทบจะยื่นลงไปในทะเล เพราะริมน้ำห่างจากถนนไม่เกินร้อยเมตร แต่ที่ดินบริเวณยังมีคนจับจองได้ และซื้อขายกันอยู่


 


หาดคลองโตบ คือชื่อของสถานที่นี้ คุณไม่สงสัยใช่ไหม เพราะมันเป็นทางไหลของลำธารเล็กๆ มาลงที่นี่ และอดีตอีกเช่นกัน ที่ปลาสองน้ำเคยชุกชุม


 


พระอาทิตย์กำลังจะจมน้ำ ทุกคนหรือเกือบทุกคนต้องตะลึงลานเพราะที่นี่เป็นเวิ้งที่สวยที่สุด เพียงแต่ชายหาดเป็นหินจึงไม่ค่อยมีใครมาจับจองทำเป็นที่พัก แต่เมื่อมีที่พักเล็กๆ ก็เหมาะที่จะนั่งดูพระอาทิตย์ตกน้ำ และนอนดูดวงดาวพราวฟ้า เพราะแสงไฟฟ้าที่รบกวนสายตามีน้อย


 


ที่นี่ เรือเล็กๆ แต่ละลำ มีเรื่องเล่าเป็นของตัวเอง  บางลำบอกว่า เจ้าของต้องเดินทางมาจากหุบเขาข้างบนโน้น เพื่อหาปลาเล็กด้วยตาข่าย บ้างอยู่ใกล้ๆ หาได้แค่พอกิน ไม่สามารถออกไปไกลได้ ไม่ใช่เรือเครื่อง ไม่สามารถบรรทุกแหอวนหนักๆได้ เรือลำใหม่ๆสวยๆบางลำ ที่เห็นอยู่คือสมาชิกใหม่ ที่มีเครื่องเรือพร้อม หน้าที่ของมันไม่ใช่การหาปลา แต่เป็นการพานักท่องเที่ยวไปตกปลา ตามโขดหินด้านหลังเกาะ หรือบางทีโชคดีได้ไปไกลถึงเกาะตะดุงลิม่า ที่หลายคนเรียกสั้นๆว่า เกาะม่า แต่สำเนียงใต้ กลายเป็นเกาะหมา


 


เราจะไม่พูดถึงเรื่องคลื่นยักษ์  เธอออกตัว...ที่นี่ยับเยินไปหมดทุกลำ เท่าที่คุณเห็นซากของมันนั่นแหละ มาฟังความทรมานของเรือเล็กๆ แถวนี้ดีกว่า


 



 


 


หลังจากคลื่นยักษ์ผ่านไป เรือเล็กลำใหม่ๆเริ่มกลับมา แต่ทว่าปัญหาของเรือคือ ร่องการเดินเรือเข้าออกเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาพยายามขุดร่องเดิมให้ใช้งานได้อีก แต่เหมือนฟ้าไม่เป็นใจ ก้อนปะการังใหญ่ถูกพัดมาถมหนาแน่นมากจนยากที่จะขุดเคลียร์


 


จึงขยับมาทางขวาของหาด แค่นิดเดียว  การขุดเริ่มขึ้น ด้วยเงินลงทุนของตนเอง จ้างรถขุดดินลงมาขุดช่วย  แต่หนนี้แรงสะเทือนของการขุดดังสนั่นไปถึงโสตของเจ้าหน้าที่...เรื่องยุ่งๆ จึงเกิดขึ้นนิดหน่อย กว่าจะอธิบายถึงความจำเป็นให้เขาอนุโลมต้องใช้เวลาพอสมควร 


 


ปัญหาผ่านไป น่าจะด้วยดี...แต่...


อีกสิบวันต่อมา  มีป้ายมาปักตรงที่ดินติดอยู่ริมถนน อันเป็นทางลงไปสู่ท่าเรือ


"ห้ามผ่านเด็ดขาด ที่ดินส่วนบุคคล"


 


ลุงผี คือเจ้าของป้ายนั้น เป็นฝรั่งแก่ๆที่ชาวบ้านตั้งชื่อให้ เขาคือ ผู้มีบ้านหลังมโหฬารบนภูเขาฟากตรงข้ามกับท่าเรือ เพราะเขาเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนั้น และเขาคือคนที่แจ้งตำรวจว่าชาวบ้านทำลายสิ่งแวดล้อมที่ชายหาด


ขณะที่ตัวเอง ครอบครองภูเขาอันกว้างใหญ่ อย่างไม่ชัดเจนว่าได้มาอย่างไร  รอบๆ บริเวณที่ดินของตนเองจึงมีแต่ป้ายที่เขียนทั้งภาษาอังกฤษและไทยว่าห้ามบุกรุก


 


หนนี้...ป้ายนั้นลามมาถึงชายหาด 


โอ้แม่เจ้าอีกสักหนเถิดนะ....เธอไม่น่าเล่าเรื่องทรมานอารมณ์ แบบนี้ให้คุณฟังเลย


พระอาทิตย์ตกน้ำไปแล้ว...


 


ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ ถ้าคุณยังรู้สึกทรมานใจไม่พอ