Skip to main content

60 วัน นวมทอง ไพรวัลย์ - ประชาธิปไตยวิกลจริต?

คอลัมน์/ชุมชน

-1-


 


นับตั้งแต่วันที่ทราบข่าวว่าคุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์ เสียชีวิต ผมก็ไม่เคยสามารถเขียนถึงบุคคลท่านนี้ได้สำเร็จเลยจริงๆ[i]


 


ผมได้พยายามเขียนบทกวีถึงลุงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่เคยเขียนได้จบ


 


ราวสองสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้เข้าไปอ่านบล็อกรัฐประหารของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล[ii]


อาจารย์สมศักดิ์เขียนถึงคุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ไว้เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 ว่า


 


"คุณนวมทอง ไพรวัลย์


ผมเขียนข้อความต่อไปนี้ด้วยความยากลำบากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตการเขียน


 


ขอเรียนให้ทราบเพียงว่า


 


คุณนวมทอง ทำให้ผมรู้สึกละอายใจตัวเองอย่างยิ่ง


 


สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล"


 


ซึ่งผมได้อ่านแล้วไม่เพียงต้องอึ้งไป แต่ยังรู้สึกหน้าชาเหมือนโดนตบแรงๆ


สิ่งที่อาจารย์สมศักดิ์เขียนตรงกับความรู้สึกครึ่งหนึ่งของผมต่อการเสียชีวิตของคุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์


 


ครึ่งหนึ่งผม "รู้สึกละอายใจ" อย่างยิ่ง


อีกครึ่งหนึ่งนั้น ผมรู้สึกผิดบาปอย่างรุนแรง


 


 


-2-


 


เมื่อคนตัวเล็กๆ ที่ยากไร้ "เครดิตทางการเมือง" โดยเฉพาะคนจากชนชั้นล่าง - ไม่ว่าคนที่ขุดดินฟันหญ้าอยู่กลางท้องนาหรือคนที่หาเช้ากินค่ำอยู่ในเมือง - ลุกขึ้นมาประกาศความเชื่อ แสดงจุดยืนทางการเมืองของตัวเองต่อสังคม และไม่ว่าความเชื่อ - จุดยืนที่ประกาศนั้นคืออะไร ปฏิกริยาแบบฉับพลันทันทีจากผู้ทำหน้าที่ปกครองบ้านเมือง ก็คือการตั้งคำถามต่อ "เบื้องหลัง" ของพวกเขา


 


ถ้าไม่หาว่ามี "ผลประโยชน์ส่วนตัว" ซึ่งแปลว่าถูก(คนในชนชั้นที่สูงกว่า) "จ้าง" มา


ก็ต้องหาว่า "วิกลจริต"


 


ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ สังคม(และ "สื่อ")เองก็ขานรับการกล่าวหาดังกล่าว หรืออย่างน้อยก็ไม่ว่ากระไร ราวกับว่ามันควรเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว (ในภาวะที่สติสัมปชัญญะครบถ้วนคนเหล่านี้ไม่ควรสามารถคิดได้ด้วยตัวเอง หากไม่เสียสติ ก็ต้องถูกจ้างมาเท่านั้น?)


 


กรณีของคุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์, ทั้งที่สิ่งที่ลุงประกาศว่ายึดถือคือ "ประชาธิปไตย" อันเป็นระบอบการปกครองที่ประเทศนี้ประกาศใช้มา 70 กว่าปี และเป็นสิ่งที่ผู้มีการศึกษาหลายต่อหลายคนในประเทศนี้ต่างก็เอ่ยอ้างกันจนติดปาก


 


และทั้งที่สิ่งที่ลุงประกาศต่อต้านคือ "รัฐประหาร" - การขนปืนลากรถถังเข้ามาฉีกทึ้งทำลาย "ประชาธิปไตย" กันจะๆ กลางเมือง ฉีกรัฐธรรมนูญกันซึ่งหน้า ออกทีวีให้ดูกันทั้งประเทศ 


 


แต่การยึดถือ "ประชาธิปไตย" และต่อต้าน "รัฐประหาร" แบบยอมสละชีวิตของลุง ตั้งแต่ครั้งแรกที่ขับแท็กซี่พุ่งชนรถถัง กระทั่งครั้งหลังที่เสียชีวิต(ทั้งสองครั้ง - เจตนาคือฆ่าตัวตายเพื่อประท้วงการรัฐประหาร)ก็ยังหนีไม่พ้นข้อกล่าวหาสกปรกนี้


 


อาจจะถูกจ้างวานมา


อาจจะตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยาเสพติด


อาจจะเป็นคนวิกลจริต


 


คนรังเกียจรัฐประหารมันผิดปกติตรงไหน?


 


ขณะเดียวกัน ผู้คนอีกชนชั้นหนึ่งซึ่งมี "เครดิตทางสังคม" เหนือกว่าลุง ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ, อาจารย์มหาวิทยาลัย – ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์ – รัฐศาสตร์(การเมืองการปกครอง) รวมทั้งบรรดานักเคลื่อนไหวจากองค์กรเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งต่างก็อ้างตัวว่าสนับสนุนแนวทาง "ประชาธิปไตย"  เคารพสิทธิ เสรีภาพและอำนาจของประชาชน ทั้งสิ้น กลับสามารถเรียงรายกันออกมาให้สัมภาษณ์สนับสนุนการ"รัฐประหาร" ได้อย่างเปิดเผย


 


ทำไมไม่มีใครกล้าตั้งคำถามว่า "ปัญญาชน" – "นักประชาธิปไตย" เหล่านี้วิกลจริต?


 


คำตอบที่หนึ่งคือ นอกจากประเทศนี้จะไม่ยอมรับนับถือหลักการประชาธิปไตยแล้ว ยังรังเกียจเดียดฉันท์ หมิ่นหยาม และพร้อมที่จะประณามผู้ที่ยึดถือซื่อตรงต่อมัน (ขอยืนยันว่านี่ไม่ใช่การประชดประชันใดๆ แต่คือข้อเท็จจริงที่ทะลักทลายออกมาไม่ขาดสาย และปรากฏอยู่ในสื่อเกือบทุกแขนง นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ "รัฐประหาร 19 กันยายน" จนถึงนาทีนี้)


 


คำตอบที่สองคือ แม้ประเทศแบบที่ว่ามาจะอ้างตัวว่าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยมากี่ปี มีและฉีกรัฐธรรมนูญมากี่ฉบับ ก็ไม่เคยซ่อนเร้นการกีดกัน - หมิ่นหยามทางชนชั้น โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมทางการเมืองได้ อย่าว่าแต่จะขจัดให้หมดไป


 


ปัญหาของคุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์ และผู้คนที่ไม่มี "เครดิตทางสังคม" ที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหาร จึงไม่ได้อยู่ที่ "คุณคิดอะไร" หรือ "คุณเชื่ออะไร"


ไม่ใช่แม้แต่ "ถูก" หรือ "ผิด"


แต่อยู่ที่ "คุณเป็นใคร" ต่างหาก


 


 


-3-


 


คำสารภาพ,


ผมเป็นคนขี้ขลาด แต่ก็ผมยอมรับนับถือความกล้าหาญของคุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์ แม้ว่าชั่วชีวิตนี้ไม่มีวันกล้าได้ขนาดลุง


 


ผมเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย นับตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ผมแทบจะสิ้นหวังกับประเทศนี้ และพาลไม่ยอมเขียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน


 


"เหตุการณ์ 19 กันยายน" และภาพ "วันเด็ก"   รวมทั้งบรรดา "ทรรศนะ" ของเหล่าปัญญาชน, นักประชาธิปไตย และผู้มีเครดิต-ต้นทุนทางสังคมมากกว่าผม ซึ่งทะลักตามมาอย่างมีเอกภาพยิ่ง ได้ทำให้ผมรู้สึกหมดกำลังใจที่จะเขียนอะไรออกมา ที่น่ากลัวกว่านั้นคือแม้จะพักพิงความรู้สึกกับดนตรีก็ยังทำไม่ได้ - เล่นไม่จบสักเพลง(เพลงส่วนใหญ่ที่ผมเล่นมาสิบกว่าปี เป็นเพลงแบบที่เรียกกันว่า "เพื่อชีวิต" ซึ่งโดยเนื้อหาแล้ว ถ้าไม่ตั้งความหวังต่อบางสิ่ง ก็ต้องด่าอะไรสักอย่าง แต่ "เหตุการณ์ 19 กันยายน" (รวมทั้งช่อดอกไม้และเสียงโห่ร้องขานรับการรัฐประหาร) ทำให้ผมไม่รู้จะหวังกับอะไร และไม่รู้จะด่าใครก่อนดี ทั้งนี้ ยังไม่นับความรู้สึกเมื่อบังเอิญนึกขึ้นมาได้ว่า ผู้ประพันธ์เพลงที่ผมชื่นชอบบางท่านเพิ่งไปปรากฏตัวอยู่บนเวทีใด กู่เพรียกเรียกร้องจะเอาอะไร)


 


สิ่งที่คนขี้ขลาด อ่อนศีลธรรม และยากไร้เครดิตทางสังคมอย่างผมทำไปตอนนั้น จึงมีแค่เมาแล้วก็ร้องไห้ไปวันๆ


 


"..โกรธ - เสียใจ – เมา – ร้องไห้ - โกรธ - เสียใจ – เมา – ร้องไห้…" ซึ่งจะว่าไปก็เป็นวังวนที่ไร้สติพอๆ กับ รัฐประหาร – ร่างรัฐธรรมนูญ - เลือกตั้ง – รัฐประหาร…"


 


กระทั่งทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ผมจึงได้สติขึ้นมา…


ผมโกรธยิ่งกว่าครั้งแรก แม้ยังไม่รู้จะหวังอะไร แต่ก็รู้แล้วว่าควรด่าใครก่อน - "ตัวผมเอง"


 


ผมไม่รู้จริงๆ ว่า ถ้าตอนนั้น(ก่อนที่คุณลุงจะฆ่าตัวตายครั้งที่สอง)หลายๆ คน หลายๆ กลุ่ม ที่ "ไม่เห็นด้วย" กับการรัฐประหาร ซึ่งแน่นอนว่ารวมทั้งตัวผมเองด้วย ออกมาเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย ลุกขึ้นมาพูด – เขียน – ตะโกนในที่แจ้งอย่างที่ตัวเองคิดและเชื่อ โดยไม่ต้องยี่หระว่าใครจะชี้หน้าเราว่าอะไร เป็นพวก "มีเบื้องหลัง", เป็น "คลื่นใต้น้ำ", เป็น "ม็อบรับจ้าง" หรือเป็นพวก "วิกลจริต" คุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์ จะเปลี่ยนใจไม่ฆ่าตัวตายหรือเปล่า


 


ผมรู้แต่ว่า ผมรู้สึกผิดและโกรธแค้นตัวเองมาก ที่เอาแต่ประท้วงรัฐประหารด้วยการนั่งด่าทีวี, บริภาษทางโทรศัพท์และ MSN กับเพื่อนไม่กี่คน ประกอบการเมาไปวันๆ อยู่ที่บ้านตัวเอง


 


เพราะถ้าหาก "ความเงียบ" หลังการรัฐประหาร เป็นส่วนหนึ่งที่ฆ่าคุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์


ผมเองก็เป็นส่วนหนึ่งใน "ความเงียบ" นั้น


 


…สวัสดีปีใหม่ครับ






[i] อาจพูดได้ว่า ข้อเขียนเดียวก่อนหน้านี้ที่ผมสามารถเขียนถึงคุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ได้ คือความคิดเห็นต่อบทความหนึ่งในประชาไทที่กล่าวถึงคุณลุง ดู http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=5696&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai (ความคิดเห็นที่ 12)