ธา (2)
คอลัมน์/ชุมชน
ลูกหลานสมัยนี้ เห็นงูก็ไม่กลัว
เห็นตะขาบไม่เกรง มัวหลงระเริงกับเกล็ดมังกรทอง
คนฉลาดจะกินได้นาน เพราะของฟรีมักราคาแพง
ตัดไม่อย่าตัดทั้งต้น เก็บไว้ให้นกพญาไฟมาพักหนึ่งกิ่ง
(ส่วนหนึ่งของเพลง ธา คำร้อง-ทำนองโดย ชิ สุวิชาน : อัลบั้ม เพลงนกเขาป่า)
วันเวลาผ่านไปเหมือนเราตกอยู่ในภวังค์แห่งวัยที่ดำเนินไป ท่ามกลางกระแสธารน้ำตกที่เชี่ยวกราดแห่งยุคสมัย เสียงแห่งกระแสนั้นได้กลบเสียงร้องเรียกจากข้างหลัง จากสิ่งรอบข้างที่เคยคุ้นเคยสัมพันธ์ ทั้งคน ธรรมชาติและสิ่งเหนือธรรมชาติ กระแสธารแห่งยุคสมัยได้พัดพาจนพลัดหลงจากวิญญาณที่มาอันแท้จริงของตนเอง โค้งน้ำแล้วโค้งน้ำเล่า ลอยไป ลอยไปตามกระแส กระแสใหม่????!!
กระทั่งตื่นขึ้นมาแล้วหันมาดูกุ๊ยเหล่อในช่วงหน้าร้อนอีกฤดู ความทรงจำเก่าๆ ยังอยู่ ความรู้สึกเดิมๆ ยังมี แต่สภาพแวดล้อมกายภาพ ลำน้ำ ปริมาณน้ำ สัตว์น้ำ กุ้ง หอย ปู ปลา ไม่เหมือนเดิม
ต้นน้ำแจ่มในยามนี้ดูอิดโรย ไร้เรี่ยวแรงที่จะไหลเหมือนเช่นเคย พลังที่เคยแข็งแกร่งซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแม่น้ำบริวารที่มีปริมาณน้ำไหลสู่ แม่น้ำปิง มากที่สุด ปัจจุบันต้องอาศัยน้ำจากฟ้าในหน้าฝนคอยกระตุ้นชีวิตและเรี่ยวแรงในการทำหน้าที่ของแม่น้ำ เหมือนเป็นเพียงยาโด็ป ให้กระปรี้กระเปร่าในช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อปราศจากน้ำฝนเธอก็อ่อนแรงลง กลายเป็นแม่น้ำเคราะห์ที่ไร้พลังในตัวเอง
ถามชาวบ้านต่างก็บอกว่า เธอป่วยเป็นโรคทรายแทรกซ้อนในสายโลหิต คือมีปริมานทรายในลำห้วยของเธอมากเกินจำนวนจนแย่งพื้นที่ของน้ำ ปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดเจนอย่างหนึ่งคือ กุ๊ยเหล่อแอ่งน้ำที่ขึ้นชื่อว่าแอ่งหินเพราะมีหินในลำห้วยมากมาย และมีหินก้อนใหญ่ความสูงสองสามเมตรอยู่ที่มุมแก่งนั้นถูกทรายทับถมจนเหลือแค่ยอดหินโผล่ขึ้นมาไม่ถึงเมตร ไม่มีแอ่งน้ำลึกแล้ว ไม่มีเด็กๆ มาเล่นน้ำ มีเพียงปลาซิวฝูงเล็กว่ายไปมาอย่างไร้อารมณ์
สาเหตุของโรคนี้ ผู้คนในพื้นที่ต่างวินิจฉัยออกมาหลายอย่าง บ้างก็ว่ามาจากการที่ใช้รถแบคโฮไถถนน แล้วเมื่อฝนตกน้ำฝนได้พัดพาขี้ดินขี้ทรายลงสู่ลำห้วยทำให้มันตื้นเขิน บ้างก็ว่าเกิดจากการที่ต้นไม้ลดปริมาณลงไม่มีอะไรที่สามารถยึดเกาะดินไว้ได้ทำให้ดินเหล่านั้นไหลลงสู่ลำน้ำ บ้างก็ว่ามันเป็นไปตามธรรมชาติที่ไหนไหนก็เป็นเช่นนี้
ขณะที่ พือ (อุ้ย) ลาฉ่วยสรุปเพียงสั้นๆว่า
"มันเกิดจากใจของคน ใจของคนไม่ได้อยู่กับแม่น้ำแล้ว ใจของคนอยู่กับเงิน คนมักคิดว่าเงินซื้อน้ำได้ เงินซื้อทรายได้ ซื้อหินได้ ซื้อปลาได้ แต่เขาลืมไปว่าเงินมิอาจซื้อแม่น้ำที่มีชีวิตได้"
ถามความรู้สึกเพื่อนเก่าที่เคยเล่นน้ำที่กุ๊ยเหล่อด้วยกัน ต่างก็พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าเสียดายที่ไม่มี
กุ๊ยเหล่อแล้ว และต่างอ่อนใจกับหัวใจที่ห่างเหินกับแม่น้ำ
"การจะฟื้นชีวิตแม่น้ำนั้นต้องฟื้นที่หัวใจของคนก่อน เมื่อสภาวะหัวใจของคนเป็นอย่างนี้มันไม่ง่ายนะ" เพื่อนคนหนึ่งออกความเห็น
กลับไปที่อีกวงสนทนาหนึ่ง
"พรุ่งนี้ต้องใช้ทรายกี่ร้อยปี๊บ?"
"ใช้รถขนกี่คัน?"
"รวมทั้งหมดเป็นเงินเท่าไหร่?"
มันเป็นความสัมพันธ์กับแม่น้ำยุคใหม่ แม่น้ำที่มีทรายมากกว่าน้ำ ทรายที่สามารถไปขายแล้วได้เงินมา
"ถือว่าเป็นโชคดีของคนมูเจ่คี ที่มีทรายในแม่น้ำมากขนาดนี้ เวลาก่อสร้างอะไรไม่ต้องไปเอาทรายจากที่อื่น ทรายบ้านเรามีเยอะแยะ" คนหนึ่งในวงสนทนาพูดขึ้นมา
"นี่ ถ้าไม่มีทรายในแม่น้ำ เราก็ลำบากเหมือนกันนะ ต้องไปซื้อทรายจากที่อื่น ต้นทุนสูงขึ้นอีก" อีกคนกล่าวเสริม
ไม่ว่าสภาวะหรือสถานการณ์ใด แม่น้ำยังคงเป็นผู้ให้มนุษย์เสมอมา
แต่ในยามที่แม่น้ำเจ็บป่วยไข้ มีใครบ้างที่จะเยียวยารักษา? มีใครที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อแม่น้ำหรือให้อะไรคืนแก่แม่น้ำบ้าง? หรือต้นน้ำแม่แจ่มถึงวัยชราภาพแล้ว ????!!!
ฆ้องกบอยู่กับคนที่มีกำลัง เงินอยู่กับคนที่มีความเร็ว
ลูกหลาน ปวาเก่อญอเอ๋ย จงมารอที่กิ่วดอย
ตอนบ่าย บ่าย เงินและทองจะกลับมา
ขอให้โชคดี