Skip to main content

พุกาม : เมืองทุ่งเจดีย์ ริมสายน้ำอิระวดีแสนงาม

คอลัมน์/ชุมชน

วันศุกร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ เป็นวันที่ ๗ ของการเยือนพม่า คณะธรรมะทัวร์สบาย ๆ นำโดยศาสตราจารย์กิตติคุณอำไพ สุจริตกุล เดินทางจากโรงแรมที่มัณฑเลย์แต่เช้าตรู่ ใช้เวลา ๗ ชั่วโมง สู่พุกามเมืองแห่งทุ่งเจดีย์ ๒,๐๐๐ องค์ ริมสายน้ำอิระวดีที่แสนงาม ดุจแม่น้ำในสรวงสวรรค์


 


๗ ชั่วโมงในรถ สมาชิกได้ใช้โอกาสเรียนรู้จากกันและกันมากขึ้น ร้องเพลงธรรมะร่วมกัน ชมธรรมชาติและวิถีชีวิตสองฝั่งถนน ซึ่งบางช่วงเต็มไปด้วยดงต้นตาลหนาทึบราวกับป่า สลับกับทุ่งนา หมู่บ้าน ที่ส่วนใหญ่สร้างด้วยไม้ไผ่กับหญ้าคา หรือใบพืชที่มีในท้องถิ่น


 


เพลงธรรมะที่ศาสตราจารย์กิตติคุณอำไพ นำร้อง ซึ่งพวกเราประทับใจว่าควรเป็นคุณสมบัติของทุกคนในสังคมยุคนี้ ที่จะทำให้สังคมร่มเย็นเป็นสุข คือเพลง  การให้อภัย


 


                        [1]           การให้อภัยเปรียบดอกไม้ที่ให้แก่กัน


                         จุดเริ่มต้น คือ การแบ่งปัน


                         ความสุขสันต์จะมีทั่วไป


                         ให้ความเมตตา ความกรุณา เป็นคุณยิ่งใหญ่


                         ให้ความรักและความจริงใจนั้น คือการให้ที่ดี


                                    จะให้สิ่งใดโปรดจำไว้ต้องให้ทันที


                         ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมี


                         การให้นี้เป็นเครื่องผูกใจ


                         จะเป็นเพียงผู้รับนั้น ไม่ควรพึงใจ


                         ขจัดความเห็นแก่ตัวสิ้นไป


                         โลกเราจะได้ร่มเย็น


 


ระหว่างทางได้แวะดื่มน้ำชาที่ร้านซึ่งดูสะอาดสะอ้าน มีพ่อ แม่ ลูกสาว ท่าทางใจดี มาคอยให้บริการ ลูกสาวจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง พูดภาษาอังกฤษกันรู้เรื่อง  ดูเป็นครอบครัวมีการศึกษา คุณแม่กับลูกสาวพาดิฉันไปดูแท่นฝนทานาคาที่ใหญ่เกือบเท่าเขียง แล้วฝนท่อนทานาคากับน้ำ ทาหน้าให้ เป็นบทพิสูจน์เนื้อเพลงที่ว่า "ให้ความรักและความจริงใจนั้น คือการให้ที่ดี" ที่จิตทุกดวงรับได้ง่าย


 


ยามเย็นใกล้ตะวันรอน รถข้ามแม่น้ำแห้ง ที่มีแต่ทราย เข้าสู่อาณาจักรพุกาม ซึ่ง "มะปุ๊ก" ไกด์อาสาของคณะเล่าว่า เป็นเมืองที่มีเทพสิงสถิตอยู่มาก เห็นภูเขา POPA (โป๊ะป้า) สูงลิบ ๆ มีเจดีย์อยู่บนยอด เหมือนเมืองสวรรค์ เขาโป๊ะป้าเป็นภูเขาไฟที่เคยระเบิดแล้ว ดินจึงอุดม ปลูกดอกไม้ ผลไม้ได้ดี


 


รถไต่ขึ้นเขาโป๊ะป้า ซึ่งสูง ๑,๕๐๐ เมตร  แล้วมาจอดที่ลานวัด ต้องเดินไต่บันไดขึ้นไปอีกไกล ทั้งท่านอธิการประเยาว์ ศักดิ์ศรี และศาสตราจารย์กิตติคุณอำไพ มีศรัทธาที่จะไต่ขึ้นไปให้ถึงยอด ลูกทัวร์จึงช่วยกันประคองท่านขึ้นไป โดยมีผู้หญิงและเด็กที่ขายดอกไม้มาช่วยจูง ล้อมหน้าล้อมหลัง


 


ฝูงลิงทั้งแม่ที่มีลูกอ่อนติดอกกินนมแม่อยู่ ลิงตัวผู้ ลิงวัยรุ่น ส่งเสียงเจี้ยวจ้าว มายื้อแย่งดอกว่านมหาหงส์,ดาวเรือง ที่คนซื้อไปบูชาพระไปกัดกิน ขี้เยี่ยวของลิงเลอะเทอะส่งกลิ่น ต้องเดินด้วยสติ ไม่ไปเหยียบเข้า


 


ถึงจุดที่สูงชันมาก อาจารย์ฉัตรชัย ลูกชายของศาสตราจารย์กิตติคุณ อำไพ บอกคุณป้าประเยาว์กับคุณแม่ให้หยุดพักรอที่นี่ เพราะถ้าเดินขึ้นไปต่อไป คงไม่ไหว


 


เด็กและหญิงขายดอกไม้ พากันมานวดแขนขาคุณป้าทั้งสอง และปัดป้องไม่ให้ลิงมารบกวน แสงแดดยามเย็นช่วยให้ความอบอุ่นจากสายลมได้บ้าง


 


ลูกทัวร์ผู้ยังมีเรี่ยวแรงเกาะกลุ่มกันขึ้นไปถึงยอด ลมแรงมาก ไหว้พระกันแล้วก็รีบลงมารับผู้เฒ่าเดินไปขึ้นรถ


 


โชเฟอร์วิ่งรถทำเวลา พาไปที่ร้านอาหารค่ำที่แสดงหุ่นกระบอก (ซึ่งจองไว้ล่วงหน้าแล้ว)บอกว่าเขารอได้แค่ครึ่งชั่วโมง เพราะต้องกลับไปรับงานที่มัณฑเลย์ พวกเราจึงต้องเร่งกินอาหาร พร้อมกับดูหุ่นกระบอกฉบับย่อ ทำเอาฝรั่งที่นั่งเต็มร้านงงงวยว่าเรารีบอะไรกันนักหนา


 


ถึงห้องพักที่โรงแรมก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพราะเป็นรีสอร์ทที่จัดสวนสวย มีสนามหญ้า ไม้ดอก ไม้ใหญ่ ห้องพักสีขาวสะอาดตา ห้องน้ำกว้างใหญ่น่าสบาย อยากอยู่สักสองคืนให้ชุ่มใจ


 


เช้ารุ่งขึ้นคณะไปไหว้พระธาตุ ๙ แห่ง เริ่มด้วยพระเจดีย์โลกะนันทะ ริมน้ำอิระวดี ต่อด้วยพระเจดีย์ชเวซิกอง ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ๑ ใน ๕ ของพม่า มะปุ๊กอธิบายว่า ที่นี่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ๙ อย่าง  เช่น บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์บ่อจิ๋วที่มองเห็นเงาพระเจดีย์สะท้อนลงมา ถ้าอธิษฐานสิ่งใดจะได้สมหวัง


 



ชเวซิกอง


 


จากนั้นไหว้พระเจดีย์ ติโลมินโล ซึ่งมีของที่ระลึกพิเศษ คือ ภาพวาดบนพื้นทรายจากแม่น้ำอิระวดี เป็นภาพที่มีความหมาย เช่น ภาพพุทธประวัติ เป็นต้น


 


พระเจดีย์ติโลมินโล สร้างโดยใช้อิฐก้อนใหญ่วางเรียงกันโดยไม่ใช้ซีเมนต์ฉาบ ดูน่ามหัศจรรย์ในอัจฉริยะของบรรพบุรุษยุคนั้น


 


มะแต๊ดแต๊ะ โทร.มาแจ้งมะปุ๊กว่า รถทัวร์ไปย่างกุ้ง จะออกจากพุกามบ่าย โมงครึ่ง ไม่ใช่ ๖ โมงเย็น อย่างที่เรารู้มา จึงต้องรวบรัดตัดเวลาให้สั้นที่สุด


 


คณะจึงไปไหว้เจดีย์อานันดา เจดีย์สัพพิญญู และเจดีย์บู (เจดีย์รูปลูกฟัก) วัดธรรมยางยี และวัดมานูฮา


 



วิวทุ่งพระเจดีย์ที่ชเวซันดอร์


 


สายน้ำอิระวดีที่มองเห็นจากวัดเจดีย์บู ดูสงบ งดงาม เทือกเขาสูงตระหง่านทอดยาวอยู่เบื้องหลัง ถัดมาเป็นท้องทุ่ง หาดทราย เห็นเรือบรรทุกท่อนซุงที่น่าจะหนักมาก ท้องเรือเกือบมิดน้ำ เป็นลุ่มน้ำที่เอื้อให้ผลิตข้าวได้มากที่สุดในประเทศ


 



เรือลากซุงในแม่น้ำอิระวดี


 


เจดีย์ชเวซันดอร์มีบันไดสูงชัน เมื่อไต่ขึ้นไปถึงยอดแล้ว เห็นทุ่งพระเจดีย์ได้กว้างไกลสุดสายตา อาจารย์    ฉัตรชัยพาคุณแม่ขึ้นไปจนถึงยอดได้สำเร็จ เป็นลูกที่ทำหน้าที่ได้ด้วยใจกตัญญู และเป็นบุญของลูกทัวร์ทุกคนที่ได้นมัสการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนาได้ครบถ้วน


 


บทเรียนสำคัญของการเดินทางครั้งนี้ คือการภาวนากับการนั่งรถทัวร์ ๑๖ ชั่วโมงเต็มจากพุกามสู่ย่างกุ้ง บนถนนที่ขรุขระ เต็มไปด้วยฝุ่น พาให้รถเต้นกระดอนโยกโคลง จนถึงที่หมายเมื่อหกโมงเช้า


 


คนขับรถเปิดวิดีโอไหว้พระพุทธรูปยาวเกือบยี่สิบนาทีตอนรถเริ่มวิ่ง เมื่อถึงย่างกุ้งแล้ว ที่สำนักงานรถทัวร์ก็เปิดวิทยุฟังพระสวดมนต์นานเป็นชั่วโมง แสดงถึงศรัทธาที่มั่นคงในพระพุทธศาสนา


 


กระเป๋าทุกใบที่รับมาจากท้องรถถูกย้อมด้วยฝุ่น ต้องใช้ไม้เท้ากายสิทธิ์ของคุณป้าทั้งสองตบฝุ่นออกจึงค่อยดูได้ แล้วค่อยยกใส่รถสองแถวเอาไปโรงแรม "อยู่ซะน่า" ตามเดิม


 



บรรยากาศในร้านน้ำชา


 


ศาสตราจารย์กิตติคุณอำไพ ได้รจนาบทเพลงบันทึกการเดินทางช่วงท้ายไว้ดังนี้


      (สร้อย)        เที่ยวไปในเมียนมาร์                      เราชวนกันมาธรรมะทัวร์สบายๆ         (ซ้ำ)


            เจ็ดชั่วโมงนั่งรถไปพุกาม                            แสนงาม ดอกไม้และทิวเขา


       ไต่บันไดขึ้น "เม้าท์-                                       โป๊ะป้า" ขาสั่นระรัว                        (สร้อย)


            ร้องเพลงครื้นเครงตามกาล                          กินอาหารเร่งรีบจืดจาง


       ชมหุ่นกระบอกบ้าง                                         แล้วรีบกลับโรงแรม                       (สร้อย)


            "เกตุมดี" ของเมืองพุกาม                          เหมาะงามที่พักสบาย


       แต่แสนเสียดาย                                             ได้พักเพียงคืนเดียว                       (สร้อย)


            ตื่นเช้าต้องเร่งลนลาน                                 เจดีย์สถานมากมายสองพัน


       ชมได้เก้าเท่านั้น                                            เริ่มที่ โลกะนันดา             (สร้อย)


            ชเวซิกอง ติโลมินโล                                ธรรมยางยี และ อานันดา


       ชเวซันดอร์ น่า-                                           ไต่ขึ้นชมทุ่งพระเจดีย์                     (สร้อย) 


            สัพพิญญู และเจดีย์บู                               วัดมานู ฮา มี มหาบาตร


       สงสารมอญ กษัตริย์                                       คงอึดอัดเหมือนพุทธรูป                  (สร้อย)


            น่าอยู่นานแต่รายการเปลี่ยนแปร                   รีบแทบแย่ต้องกลับบ่ายสองโมง


       นั่งรถทัวร์ โยก โคลง                                      สิบห้าชั่วโมงกลับ "อยู่ซะน่า"(Yuzana) (สร้อย)


            กลางทาง เข้าส้วมอินเดีย                            จึงไม่เสียเที่ยวเมืองพม่า


       ช่วยกางผ้าขาวม้า                                           ก็ปล่อยได้ สบาย สบาย                 (สร้อย)


            ได้อาบน้ำ สระผมอมขี้ฝุ่น                           บ้างก็วุ่นจะไปชอปปิ้ง


       ของโปรดไทยจริงๆ                                        สองป้าถูกทิ้ง อยู่เฝ้าโรงแรม            (สร้อย)


            มารับไปเซมเยยิตต้า                                  สนทนากับท่านสยาดอร์


       มะปุ๊กคุยจ้อ                                                  เราถวายของมากมาย                     (สร้อย)


            คุณตุ้มต้องกลับก่อนใคร                             หัวเรือใหญ่ไปเปิดอบรม


       ได้กินหมี่อร่อยสม                                          ก่อนจะขึ้นเครื่องบิน                       (สร้อย)


            กลุ่มหนึ่งนั้นต้องจัดของ                              กลุ่มสองไปชเวดากอง


       สวดมนต์ สอดคล้อง                                       ประทักษิณบูชา                            (สร้อย)


            ตีสามต้องตื่นให้ทัน                                   ถวายอาหารที่เซมเยยิตต้า


       แล้วรีบรุดหา                                                 สนามบินกลับไทย                         (สร้อย)


            ยี่สิบสี่ชีวิตไม่ลืมเลย                                  สุดเฉลยด้วยตื้นตันใจ


       อยากไปไหนก็ได้ไป                                       ปุ๊กจัดให้กับมะแต๊ดแต๊                   (สร้อย)


            ขอบใจสองสาวไทย-พม่า                           พจนา "มะปุ๊ก" มะแต๊ดแต๊


       มะนฤชลก็แน่                                              ช่วยจัดทริปนี้ให้                            (สร้อย)


            เสียดายต้องจำจากลา                                เมืองพม่าที่อยากมาเยือน


       ขอพี่น้อง ผองเพื่อน                                        เจริญสุข เจริญธรรม...ทุกท่านเทอญ


 


 


                         


                           ศาสตราจารย์กิตติคุณอำไพกับอธิการประเยาว์ ศักดิ์ศรี ที่เม้าโป๊ะป้า


 


เสียดายที่ต้องจบเรื่อง ๙ วันในเมียนมาร์เพียงเท่านี้ เพราะไม่มีเวลาเขียนรายละเอียดเท่าที่ควร กราบขอบพระคุณศาสตราจารย์กิตติคุณอำไพ สุจริตกุล ที่กรุณามอบบทเพลงร่ายยาวความทรงจำ ๕๒ บท และช่างภาพทุกคนในคณะ ได้แก่ อาจารย์นฤชล วงศฤงคารฤทธิ์ มะปุ๊ก พจนา จิรายุพัฒนา อาจารย์ฉัตรชัย และอาจารย์ปู วลัยรุจี วิเชียรทวี (สาวโคราช) ขอให้คำอธิษฐานของอาจารย์ฉัตรชัยที่ว่า "ขอให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในแผ่นดินทุกที่" จงเป็นจริงเพื่อให้ทุกศาสนาได้นำปัญญาและศานติ มาสู่สรรพชีวิตตลอดไป






[1] เนื้อร้อง :  อาจารย์บุญสืบ อินทรสาร เปรียญธรรม ๙ ประโยค


  สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (แต่งเมื่อครั้งเป็นสามเณรที่เชียงใหม่)


  ทำนอง  : ลาวแพนหรือกุหลาบเวียงพิงค์