Skip to main content

รักและคิดถึง

คุณที่รัก


ผมไม่รู้ว่า แคทเธอรีน เนลสัน เดวิส เป็นใครมาจากไหน มีความสำคัญต่อมนุษยชาติอย่างไร เพราะผมไม่เคยรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม และผลงานใด ๆ ของเธอมาก่อน


 


แต่เมื่อผมได้อ่านถ้อยคำที่เป็นวาทะชี้แนะ "การใช้เวลาและชีวิต" แก่ผู้คนจากเธอในหนังสือเล็ก ๆ เล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นหนังสือรวบรวมวาทะต่าง ๆ ของบุคคลสำคัญของโลก ที่ถูกคัดสรรมาเฉพาะวาทะและนามของผู้เป็นเจ้าของวาทะนั้น ๆ


 


ผมก็จำชื่อของเธอขึ้นใจ  ถึงแม้จะเพิ่งรู้จักเธอและวาทะของเธอจากหนังสือเล็ก ๆ เล่มนี้เป็นครั้งแรก


 


เพราะเมื่อผมได้อ่านวาทะของเธอ


ที่ชี้ชัดให้เห็นถึงการใช้เวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ พร้อมกับคุณค่าความหมาย และผลที่เกิดขึ้นกับชีวิตจากกิจกรรมนั้นๆ ทันทีที่ผมอ่านจบ ผมพลันรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองที่ผ่านมา ดูไม่ต่างไปจากคนที่มีชีวิตอยู่อย่างคนไร้สติ สับสน สะเปะสะปะและหลงๆ ลืมๆ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรมานานแสนนาน


 


แต่แล้วจู่ ๆ วันหนึ่ง ก็มีคนเดินเข้ามาทุบหัวผมจนล้มฟุบลง ก่อนจะค่อยๆ ตื่นฟื้นขึ้นมาได้สติ…กลับคืนสู่สภาพปรกติ และนึกตระหนกตกใจได้สำนึก เพราะพบว่าตัวเอง…ใช้เวลาและชีวิตทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน แทบทุกอย่างไปตามความเคยชิน จนหลงลืมไปว่า แต่ละสิ่งละอย่าง ที่ตัวเองได้ลงมือทำมีคุณค่าความหมายและมีผลต่อชีวิตของตัวเองอย่างไร ทั้งในขณะที่กำลังทำ และหลังจากที่ทำกิจกรรมนั้นจบสิ้นไปแล้ว


 


คุณที่รัก


จริง ๆ นะ ผมคิดว่า ถ้าหากคนเราลงมือทำอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น มีคุณค่าความหมายและมีผลต่อชีวิตของตัวเองอย่างไร เพราะความไม่รู้จริง ๆ หรือทั้งที่รู้…แต่หลงลืมไป เพราะความเคยชินจากการทำกิจกรรมนั้น ๆ อย่างซ้ำ ๆ ซาก ๆ เพราะความจำเป็นของชีวิต หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ เช่น ตื่นเช้ามาเราต้องอาบน้ำแปรงฟันทุกวัน จนกลายเป็นกิจวัตรที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ ซ้ำๆ ซากๆ จนเราไม่รู้สึกรู้สาอะไร รู้แต่ว่าตื่นขึ้นมาต้องอาบน้ำแปรงฟัน จนลืมไปว่าเราอาบน้ำแปรงฟันเพื่ออะไร…


 


ชีวิตคนเราก็ไม่ต่างไปจากคนบ้า ที่เดินวนเวียนไปมาตามถนนอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะพอ เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น มีคุณค่าความหมายและมีผลต่อชีวิตของตัวเองอย่างไร นั่นเอง


 


นอกจากวาทะของแคทเธอรีน เนลสัน เดวิส จะช่วยปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาตระหนัก ถึงความสำคัญอย่างยิ่งของชีวิตในเรื่องนี้แล้ว วาทะของเธอ ยังทำให้ผมเข้าใจวาทกรรมเกี่ยวกับงานเขียนวรรณกรรม ที่มีผู้รู้นิยามเอาไว้ว่า


 


 "ความสำคัญของงานเขียนวรรณกรรมไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ แต่อยู่ที่ตัวประโยค"


 


ถ้าหากคุณไม่เชื่อคุณลองอ่านวาทะของเธอดู


           


            จงหาเวลาสำหรับทำงาน


            มันเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ


            จงหาเวลาสำหรับครุ่นคิด


            ความคิดทำให้รู้จักความเป็นมนุษย์


            จงหาเวลาสำหรับวิ่งเล่น


            มันเป็นความรื่นรมย์แห่งจิตใจและเรือนร่างแห่งดรุณวัย


            จงหาเวลาสำหรับอ่านหนังสือ


            มันทำให้เรางดงามขึ้น


            จงหาเวลาสำหรับสวดมนต์


            มันเป็นสัญลักษณ์แห่งความอ่อนน้อมถ่อมตน


            จงหาเวลาช่วยเหลือครอบครัวและเพื่อนพ้อง


            พวกเขาเป็นความสุขของเรา


            จงหาเวลาสำหรับฝัน


            มันพาวิญญาณของเธอไปสู่ดวงดาว


            จงหาเวลาสำหรับหัวเราะ


            เพราะเสียงหัวเราะทำให้เบิกบาน


            จงหาเวลาสำหรับความรัก


            เพราะความรักเป็นความหมายของชีวิต


 


 


คุณที่รัก


ถ้าหากงานเขียนเล็ก ๆ ที่ผมหยิบยกวาทะของแคทเธอรีน เนลสัน เดวิส มาบอกเล่าสู่กันฟัง พอจะมีอะไรบางอย่างกระตุ้นเตือนให้คุณ ลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนตัวเอง ไปในทิศทางที่ดีงาม ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ผมขอแสดงความยินดีด้วย หวังว่าคุณคงสบายดี.


                       


รักและคิดถึง


กัลยาณมิตรของคุณ


12 มกราคม 2550


กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่