Skip to main content

เทศกาลหมูถูก

คอลัมน์/ชุมชน

ขาหมู น้ำผึ้ง และเกี้ยมฉ่าย


จริง ๆ แล้วตั้งใจจะทำพะโล้ขาหมูไว้กิน นึกถึงน้ำพะโล้ดำปี๋รสมือพ่อแล้วก็อยากกิน ยิ่งนึกถึงน้ำดำ ๆ หลังจากเนื้อหนังมังสาหมดไป แล้วแปรธาตุจากน้ำพะโล้ไปเป็นจับฉ่ายแล้วนั้น ก็ยังน่าติดตาม แต่สำหรับบ้านฉันนั้น ไม่ค่อยทำจับฉ่าย น้ำพะโล้น้ำสุดท้ายก้นหม้อจะแปลงร่างเป็นพะโล้ปลาช่อนสูตรของบ้านฉันเอง ที่เกจิกุ๊กแถว ๆ นี้ก็ยังไม่เคยเห็น ไว้จะจดไว้เป็นเมนูต่อไปนะคะ


 


วันนี้เหลียวมองอุปกรณ์ที่กินได้ในบ้านก็พบว่า มี


น้ำผึ้ง  อืมม ใช้ได้


พริกไทย มีเป็นขวดเลยแฮะ


ซีอิ๊วดำอย่างดี ซื้อมาไม่เคยใช้เลย


ซีอิ๊วขาว ไม่มีสารกันบูด และไม่ใส่ผงชูรส


เกี้ยมฉ่าย ซื้อทิ้งไว้เป็นแพ็ค อืมม ปัดฝุ่นนิดหน่อยน่าจะใช้ได้ ยังไม่หมดอายุค่ะ


มีปลีน่องหมูเหลืออีกหนึ่งขา


 


บิดขี้เกียจทีนึง พร้อมกับลังเลว่า จะนมัสการสุริยะ (โยคะ) ก่อนดี หรือทำอาหารก่อนดี


           


หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นไม่ใหญ่ไม่เล็กมาก เผื่อเปื่อยจะได้ไม่ยุ่ย  แล้วเททุกสิ่งทุกอย่างลงไปหมักไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ซีอิ๊วขาว พริกไทย ซีอิ๊วดำ น้ำผึ้งโรยราดปานประหนึ่งโรยตัวคนรัก...อ่าว มาได้ไงเนี่ย ลืมตัว นึกว่าอ่านสุดคะเนผู้น่าเบื่อกับน้องกระต่ายที่แสนรุงรัง แล้วเผลอเพ้อไปกับความฝันของอีเกิ้ง (พระจันทร์)  (ปริมณฑลแห่งรัก : มติชนสุดสัปดาห์) 


 


สงสัยต้องตั้งชื่อเมนูนี้ว่า "ขาหมูเพ้อ" เอ  หรือ "ขาหมูอีเกิ้ง" ดี อิอิ


ต่อ ต่อ ...


 


คลุกเนื้อหมูกับเครื่องเคราทั้งหลายรวมกัน แล้วหมักไว้


จากนั้น จะหันไปอ่านนิยายอีเกิ้งต่อ หรือนมัสการสุริยะ สัก 12 รอบ ให้เหงื่อออก แล้วจึงนำสิ่งที่หมักไว้นั้นไปลงหม้อ ใส่น้ำพอท่วมตัวแล้วตั้งไฟ  ถ้ามีหม้ออบ หรือหม้อหุงข้าว ก็จะดีกว่า ใส่ลงไปเลยค่ะ แล้วกด สวิชท์ ถ้ามันเด้งก่อน ก็ปิดแล้วเปิดอีกครั้ง เพื่อเคี่ยวให้อณูของหมู และสรรพสิ่งในนั้นออกมาอยู่ในน้ำ


 


จากนั้นก็รอ


 


...


 


อร่อยไหม!