อินโดนีเซีย ดินแดนหลากหลายชาติพันธุ์ และสื่อท้องถิ่นเบ่งบาน (1)
คอลัมน์/ชุมชน
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ ในแง่วัฒนธรรม ผู้คน ศิลปะ และความหลากหลายทางชาติพันธุ์ (Ethnic) และมีประวัติศาสตร์ของแต่ละชาติพันธุ์ที่น่าสนใจ บางตำราบอกว่าอินโดนีเซียมีมากกว่า 700 กลุ่มชาติพันธุ์ มากกว่า 100 ภาษาท้องถิ่น แต่เพื่อนสื่อมวลชนเจ้าของประเทศบอกว่า อินโดนีเซียมีมากกว่า 350 กลุ่มชาติพันธุ์ อินโดนีเซียมีแผ่นดินกว้างใหญ่ เป็นหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบด้วยเกาะต่างๆ กว่า 17,000 เกาะ ประกอบด้วยเกาะใหญ่ 5 เกาะคือ ชวา สุมาตรา กาลิมันตัน สุลาเวสี และปาปัว
สื่อกระจายไปอยู่ทั่วทุกเกาะในอินโดนีเซีย โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งเป็นชนิดสื่อที่เก่าแก่ของทุกประเทศ อินโดนีเซียมีหนังสือพิมพ์เกือบทุกเมืองในแต่ละเกาะ บางฉบับมีอายุเก่าแก่นานถึง 62 ปี อย่างเช่น Kadaulatan Rakyat (อ่านว่า กา-ดัว-ลา- ตัน-รัก-ยัต) ก่อตั้งตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2488 เป็นหนังสือพิมพ์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเมืองยอกยาการ์ตา จังหวัดชวากลาง หรือที่บาหลี ก็มีบาหลี โพสต์ ซึ่งมีอายุ 59 ปี ก่อตั้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 และที่เกาะสุมาตรามี Waspada post มีสำนักงานใหญ่ที่เมืองเมดาน เป็นหนังสือพิมพ์ที่มีจำนวนพิมพ์มากที่สุดกระจายไปในเกาะสุมาตรา
อีกฉบับหนึ่งใกล้ๆ กับเมืองหลวงจากาตาร์ คือ เมืองบันดุง จังหวัดชวาตะวันออก มีหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ Pikiran Rakyat ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2509 ดำเนินการมากว่า 41 ปี แม้แต่ที่เกาะสุลาเวสี กาลิมันตันและเอเรียน (ปาปัว) ก็มีหนังสือพิมพ์เก่าแก่เช่นกัน แต่ด้วยข้อจำกัดของเวลาผู้เขียนจึงไม่ได้เดินทางไปยังสามเกาะนี้ ส่วนใหญ่หนังสือพิมพ์ของอินโดนีเซียเกิดขึ้นหลังจากประกาศอิสรภาพจากการเป็นอาณานิคมของดัตช์ คือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2488 แต่ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์ส่วนใหญ่ เจ้าอาณานิคม "ดัตช์" เป็นผู้ควบคุมและจัดพิมพ์จำหน่าย ในหมู่ชนชั้นสูง และพ่อค้าที่เป็นทั้งชาวดัตช์และชาวอินโดนีเซีย และพิมพ์เป็นภาษามลายู เพราะเจ้าอาณานิคมเลือกภาษามลายูเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารกับคนพื้นเมือง เนื่องจากอินโดนีเซียมีความหลากหลายทางด้านชาติพันธุ์และภาษา นี่เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ภาษามลายูแพร่หลาย เป็นภาษากลางของประเทศอินโดนีเซีย และซูการ์โน ก็ใช้อุดมการณ์ One Homeland One Nation One language สร้างชาติอินโดนีเซียม
ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ของอินโดนีเซีย เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ซูการ์โนในช่วงยุคสร้างชาติหลังจากประกาศอิสรภาพจากการครอบครองดินแดนจากดัตช์ ใช้หลัก "ปัญจศีล" เป็นหลักในการปกครองประเทศมากกว่าจะใช้หลักการศาสนาอิสลาม ถึงแม้ว่าในประเทศจะมีคนนับถือศาสนาอิสลามมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
► หลักปัญจศีล ประกอบด้วย
- ความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวกัน คือแต่ละศาสนาก็มีพระเจ้าหรือหลักปฏิบัติทางศาสนา ในขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้แต่ละศาสนาเคารพสิทธิของคนอื่นด้วย
- ชาตินิยม ไม่ใช่ชาตินิยมในความหมายแคบๆ หรือเห็นแก่ชาติตัวเองเป็นใหญ่แต่หมายถึงชาตินิยมที่จะก่อให้เกิดความสามัคคีขึ้นในชาติอินโดนีเซียไม่เป็นศัตรูกับชาติอื่น
- มนุษยธรรม ไม่ถือชาติ รักชาติตนแต่ก็แผ่เมตตาให้แกชาติอื่นด้วย เสมือนเป็นญาติกันทั่วโลก
- ความสมบูรณ์พูนสุขและความยุติธรรมในสังคม การทำให้ทุกคนมีอาหารพอกิน มีที่อยู่อาศัยและความผาสุกยิ่งๆ ขึ้นไป มีประชาธิปไตยทางการเมืองอย่างเดียวไม่พอต้องมีประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจด้วย จึงจะเกิดความเป็นธรรมในสังคม
- ความเป็นประชาธิปไตย ให้อำนาจแก่ประชาชนเลือกรัฐบาลตามความสมัครใจ ต้องการรัฐบาลอย่างไรก็เลือกผู้แทนของตนมาดำเนินการตามระบอบประชาธิปไตย
ฉะนั้น หนังสือพิมพ์ในช่วงปี พ.ศ. 2488-2509 ช่วงยุคซูการ์โน ยังคงมีเสรีภาพในการนำเสนอข่าว แม้จะเป็นสื่อเผยแพร่อุดมการณ์ชาติตามผู้นำ แต่อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ในต่างจังหวัดก็มีลักษณะเฉพาะหนึ่งคือ มีความใกล้ชิดกับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น เช่น Kadaulatan Rakyat หนังสือพิมพ์ในยอกยากาตาร์ เจ้าของหนังสือพิมพ์มีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสุลต่านยอกยากาตาร์ และมีเอกลักษณ์ในการสร้างความภูมิใจในการดำรงความเป็นชาวชวากลางของชุมชนด้วย หรือที่บาหลี ก็เน้นเผยแพร่ความข่าวสารและส่งเสริมวัฒนธรรมของความเป็นฮินดู นอกเหนือจากข่าวสารอื่นๆ หรือหนังสือพิมพ์ภาษาจีนของชุมชนชาวจีนในอินโดนีเซียก็มีการตีพิมพ์เผยแพร่หลายฉบับ ก่อนที่จะมีการปิดและห้ามตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ภาษาจีนในยุคของอดีตประธานาธิบดี ซูฮาร์โต้ แต่หลังจากการล่มสลายของซูฮาร์โต้ไปแล้ว ก็เริ่มมีการตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ภาษาจีนอีกครั้ง ในขณะที่ Waspada หนังสือพิมพ์ที่เคร่งครัดและประกาศจุดยืนเข้มแข็ง มุ่งเน้นส่งเสริมศาสนาอิสลามมาตั้งแต่เริ่มต้น พนักงานหญิงของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้จึงแต่งตัวตามหลักศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัดด้วย
อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์ในแต่ละท้องถิ่นก็จะกระจายการจำหน่ายไปตามเมืองและในเมืองที่อยู่ใกล้กัน ไม่ได้กระจายไปทั่วประเทศเหมือนหนังสือพิมพ์กระแสหลักที่ก่อตั้งในเมืองหลวงจากาตาร์ ซึ่งประชาชนทุกบ้านจะติดตามหนังสือพิมพ์ในท้องถิ่นตนเอง พฤติกรรมการอ่านหนังสือพิมพ์ของคนท้องถิ่นทั่วไป จึงเป็นเช่นนี้ คือ ซื้อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหนึ่งฉบับ พร้อมกับหนังสือพิมพ์กระแสหลักจากจากาตาร์อีกหนึ่งฉบับ ต่างจากบ้านเราที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นไม่สามารถเข้าถึงประตูบ้านของผู้อ่านได้
แต่หลังจากยุคซูการ์โน เข้าสู่ยุคเผด็จการ ในปี พ.ศ. 2509-2541 ซึ่งเป็นยุคเผด็จการเกือบสามสิบปี สื่อเผชิญชะตากรรมอย่างไรในยุคนั้น และดิ้นรนเพื่อประชาธิปไตยอย่างไร จะพูดถึงในสัปดาห์ต่อไป
ชาติพันธุ์อันหลากหลายในอินโดนีเซีย มีกลุ่มใหญ่ๆ เช่น
► เมลานีเซีย
► มาเลย์ เป็นชาติพันธุ์ที่มีมากที่สุดของอินโดนีเซีย
► จีน มีประมาณ 2% ในจำนวนประชากรทั้งหมด แต่ครองอำนาจทางเศรษฐกิจมากที่สุดและส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลาง ตามที่กล่าวข้างต้นว่าจีนในช่วงซูฮาร์โตถูกปิดกั้นเสรีภาพมาก เพิ่งมาฟื้นการเรียนภาษาจีนแต่ไม่ได้หมายความว่า เพิ่มความเป็นจีนมากขึ้น และลดความเป็นอินโดนีเซียน้อยลง การเรียนภาษาแมนดารินก็เพื่อการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
► อินเดีย อาหรับ ส่วนใหญ่จะอยู่ในเมือง เป็นพ่อค้า เจ้าของที่ดิน
► ชวา หรือจาวา เป็นกลุ่มชนชาติที่มีมากที่สุดในอินโดนีเซียอยู่ในเกาะชวา และเป็นกลุ่มชนที่มีอำนาจปกครองทางการเมืองมากที่สุด และชาวชวาจะถูกกระจายให้ไปอยู่ตามเกาะต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงซูฮาร์โต ที่มีนโยบายจัดสรรที่ดินในเกาะต่างๆ ให้แก่คนชวา เป็นการจูงใจให้คนชวาไปอยู่ เป็นเหตุผลทางการเมืองหนึ่ง และคนชวาเพาะปลูกเก่ง
► มาดูรา มีภาษาเป็นคนตนเอง แต่ยากจนที่สุดในอินโดนีเซีย ส่วนใหญ่จะโยกย้ายถิ่นฐานออกไปอยู่ในส่วนต่างๆ ของอินโดนีเซีย เป็นกลุ่มที่เรียกว่า เป็นผู้อพยพข้ามถิ่นมากที่สุด (transmigration)
► มาลูกู เป็นชนชาติที่เคยถูกโปรตุเกสและดัตช์ครอบครอง ก่อนหน้านี้ชนพื้นเมืองนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเจ้าอาณานิคมเข้าไปครอบครองก็เผยแพร่ศาสนาคริสต์ ทำให้ผู้คนบางส่วนหันมานับถือคริสต์ ซึ่งมีการต่อต้านจากชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่นับถือศาสนาอิสลาม และมีผลมาจนถึงปัจจุบัน เพราะดินแดนแถบนี้เป็นดินแดนแห่งความขัดแย้งทางด้านศาสนารุนแรงที่สุดแห่งหนึ่งของอินโดนีเซีย มีการระเบิดและฆ่าฟันคริสเตียนอยู่เนื่องๆ และเคยมีสงครามระหว่างอิสลามและคริสเตียนนานถึง 18 เดือน เมื่อปี ค.ศ. 1999
► Minangkabau กลุ่มปาดัง อยู่ในเกาะสุมาตราตะวันออก มีความเป็นอิสลามเข้มข้น พอๆ กับอาเจะห์ ซึ่งนอกจากปาดังเป็นชาติพันธุ์หนึ่งในแถบนั้นยังมีชนพื้นเมืองปะปนอยู่ด้วยคือ อาดัต ซึ่งเป็นกลุ่มที่นับถือศาสนาฮินดูก่อนที่ศาสนาอิสลามจะเข้ามามีอิทธิพล
► อาเจะห์ บรรพบุรุษคือ ชาวมาเลย์อพยพโยกย้ายมาอยู่ อาเจะห์ถือว่าเป็นชนชาตินักรบชนชาติหนึ่ง เป็นหนึ่งในชนชาติที่ช่วยชาวชวากอบกู้เอกราชจากอาณานิคมดัตช์ แต่ชาวชวากลับเข้าครอบครองอาเจะห์ (อาเจะห์มีธงชาติของตนเองสีแดง ขาว ซึ่งซูการ์โนประกาศเป็นธงประจำชาติอินโดนีเซียเมื่อครั้งประกาศอิสรภาพเมื่อปี 1945 ชาวอาเจะห์ถือว่าชาวชวาทรยศ ซึ่งมีขบวนการปลดปล่อยอาเจะห์ หรือ GAM เกิดขึ้น เพื่อประกาศเป็นเอกราชจากอินโดนีเซีย และเมื่อปี ค.ศ. 2006 มีการลงนามสัญญาสันติภาพระหว่างรัฐบาลกลางกับ GAM และเปิดให้มีพรรคการเมืองเป็นของตนเอง
► บาหลี ประชากรในเกาะบาหลี นับถือศาสนาฮินดู มีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง ดำรงความเป็นบาหลีได้แม้ว่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยว ประชาชนยังศรัทธาฮินดูไม่เสื่อมคลาย ในชีวิตประจำวันจะการปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาไม่เคยเปลี่ยน เมืองเดนปาซาร์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของบาหลี มีกฎว่าสร้างตึกไม่เกินกว่ายอดมะพร้าว รอบทะเลของเมืองเดนปาซาร์จึงไม่มีตึกสูงแย่งกันผุดขึ้นเสียดฟ้า เหมือนพัทยา
► ปัตตาเวีย คนพื้นเมืองของกรุงจาการ์ตา ก่อนที่อินโดนีเซียจะย้ายเมืองหลวงจากยอกยากาตาร์มาอยู่ที่นี่ ปัตตาเวียเป็นชื่อที่ดัตช์เรียกเมืองนี้ แต่ภายหลังที่อินโดนีเซียประกาศอิสรภาพก็หันกลับมาใช้ชื่อเดิมจาการ์ตา ปัจจุบันคนปัตตาเวียเป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่รอบนอกของเมือง บ้างก็อาศัยในชุมชนแออัด เพราะถูกเบียดขับจากทุน เพราะก่อนหน้านี้กลุ่มปัตตาเวียเป็นกลุ่มคนที่ร่ำรวยที่ดิน แต่ก็ต้องขายที่ดินออกไปเมื่อทุนรุกเข้ามา
วางภาพประกอบ เรียงตามลำดับเลยค่ะ
แผนที่อินโดนีเซีย ความกว้างใหญ่ของแผ่นดินทำให้อินโดนีเซียมีมาตรฐานเวลา 3 เวลา คือเวลาที่จาการ์ตา เวลาที่บาหลี และเวลาที่ปาปัว (เอเรี่ยนจาวา) ซึ่งห่างกันหนึ่งชั่วโมง
นักข่าวสาวหนังสือพิมพ์ Waspada เธอบอกว่า
หนังสือพิมพ์มีจุดยืนส่งเสริมศาสนาอิสลาม นอกเหนือจากนำเสนอข่าวอื่นๆ
การแต่งกายแบบสุมาตรา (ปาดัง)
การแต่งกายแบบอาเจะห์
การแต่งกายแบบมาลูกู