เรื่องของงานบุญวิวาห์จำลอง
คอลัมน์/ชุมชน
รู้จักพิธีวิวาห์จำลองของคนใต้กันหรือเปล่า?
หากสนใจก็ติดตามกันได้เลยนะครับ พิธีนี้เรียกเรียกกันว่า "ประเพณียกขันหมากปฐม" ที่สำคัญในปัจจุบันนี้หาดูได้ยากจริงๆ ทั้งๆ ที่เคยแพร่หลายอยู่ในพื้นที่ลุ่มทะเลสาบสงขลาหรือบริเวณคาบสมุทรสทิงพระ ก็นับตั้งแต่บางส่วนของอำเภอเชียรใหญ่ อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช อำเภอระโนด อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอสทิงพระ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา หรือบ้างก็พบในพื้นที่บ้านแม่ขรี อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง แต่ที่เห็นโดดเด่นก็จะเป็นพื้นที่อำเภอระโนดจังหวัดสงขลานี่แหละครับ
ก่อนหน้านี้ผมรู้จักประเพณีนี้จากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์หลายท่าน สืบเสาะหาจนทราบเรื่องจึงเอามาบอกต่อท่านผู้อ่านที่สนใจตรงนี้
เรื่องนี้น่าสนใจและแปลกมากทีเดียวเชียว เพราะเป็นวิวาห์จำลองที่จัดขึ้นเพื่อหาเงินเข้าวัด ทำนองเดียวกับการทอดกฐินและการทอดผ้าป่านั่นเองแต่มีรายละเอียดของพิธีกรรมบางอย่างที่ต่างออกไป คือจะกำหนดให้มีคู่บ่าว-สาว และญาติมิตรร่วมกันจัดพิธีวิวาห์ขึ้นอย่างสมเกียรติเลยทีเดียว
เอาเป็น ผมจะเรียกว่า "ประเพณียกขันหมากปฐม" หรือ "ยกขันหมากพระถม" ก็แล้วกัน ว่ากันว่าเรื่องนี้มีที่มาจากคัมภีร์พระปฐมสมโพธิ หรือในพุทธประวัติตอนพิธีมงคลสมรสของพระราชบิดาและพระราชมารดาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อครั้งสมัยพุทธกาล อันถือเป็นปฐมวิวาห์มงคลในพุทธประวัตินั่นเอง ด้วยเหตุนี้เพื่อให้พิธีดังกล่าวเป็นมงคลจึงเรียกกันว่า "ยกขันหมากปฐม" ซึ่งหมายตามปฐมวิวาห์มงคลในสมัยพุทธกาลไงครับ
อย่างที่รู้ ประเพณีส่วนใหญ่ของชาวไทยพุทธนั้นล้วนสืบสาวได้จากตำนานในพุทธประวัติแทบทั้งสิ้น เห็นได้จากประเพณีนี้ก็เช่นกันที่ชาวบ้านนิยมจัดขึ้นเมื่อเสร็จสิ้นฤดูเก็บเกี่ยวแต่จะไม่นิยมจัดในฤดูเข้าพรรษา ลองนึกตามกันดูนะครับว่า เมื่อแต่ละถิ่นตกลงกันว่าจะจัดงานนี้ขึ้น แต่ละชุมชนก็จะเลือกตัวบ่าว-สาวกัน จะมีกี่คู่ จะเป็นชายกับชาย ชายกับหญิง หรือ หญิงกับหญิงก็ได้ตามแต่จะสะดวก แต่ในพิธีจะต้องมีคนแต่งตัวเป็นเจ้าบ่าว-เจ้าสาวก็เป็นพอแล้ว ที่สำคัญ บ่าว-สาวในพิธีควรมีความฉลาด มีไหวพริบในการเรี่ยไรเงินเข้าสมทบทุนทำบุญด้วย
คงนึกไม่ถึงสินะว่า ชาวบ้านย่านลุ่มทะเลสาบสงขลาจะคิดเรื่องหยุมหยิมพวกนี้ขึ้นมาเรี่ยไรหาเงินทำบุญเข้าวัดกันอย่างน่ารักเช่นนี้ มีเทคนิคอยู่ที่ว่าจะใช้ผู้ที่เป็นที่นับหน้าถือตาในชุมชนนั้นๆ มาเป็นเจ้าภาพฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพื่อหวังผลในบารมีของการเรี่ยไรเงินทำบุญ (นับว่าเป็นวิธีคิดแบบการเมืองเล็กๆ ก็ว่าได้) ลืมบอกไปว่าทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ต้องเตรียมเงินหัวขันหมากมาด้วยนะ เงินหัวขันหมากนี่เองที่จะเป็นเงินทำบุญดังกล่าว
งานนี้ไม่ใช่ว่าจะเรี่ยไรเงินกันอย่างเดียวนะครับ เขามีการยกขันหมากกันจริงๆ มีการประดับประดาขบวนขันหมากกันเหมือนพิธีวิวาห์แต่งงานกันทั่วไป มีการโห่ร้องสนุกสนาน แข่งขันกันเรี่ยไรจัดหาเงินหัวขันหมากมาให้ได้มากที่สุดทั้งฝ่ายบ่าวและสาวด้วย นับว่าแข่งกันทำบุญเลยทีเดียว แต่จำนวนเงินในหัวขันหมากนี้จะถูกเก็บเป็นความลับจนกว่าจะถึงพิธีมงคลโน่นถึงจะได้รู้กันว่าฝ่ายใดเรี่ยไรเงินหัวขันหมากมาได้มากกว่ากัน นับว่าสนุกสนานกันมากทีเดียวเชียว
วัดจะถูกสมมติให้เป็นสถานที่จัดงานวิวาห์ ฉะนั้นขบวนขันหมากของเจ้าสาวจะต้องมาถึงก่อน เมื่อขบวนเจ้าบ่าวมาจะมีการกั้นเชือกเหมือนประตูเงินประตูทองทำนองนั้นเพื่อเรียกดูไต่ถามเรื่องเงินหัวขันหมาก เป็นที่สนุกสนานกันยกใหญ่และช่วยสร้างความสมานสามัคคีของคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี (ลองนึกตามกันดูเองแล้วกันนะครับว่าจะสนุกกันแค่ไหน)
จากนั้นพิธีก็จะดำเนินไปเหมือนๆ กับพิธีวิวาห์ทั่วไปจริงๆ มีพิธีพระ พิธีไหว้พ่อแม่บ่าว-สาวอะไรทำนองนี้ กล่าวคือเมื่อคู่บ่าวสาวไปกราบไหว้ผู้ใดผู้นั้นก็จะต้องมอบเงินมาสมทบทำบุญด้วย เงินที่ได้มาก็จะเอามารวมกับเงินหัวขันหมากแล้วนำไปถวายวัดเพื่อสาธารณะประโยชน์ต่อไป
เมื่อเสร็จพิธีก็ต่อด้วยฟังเทศนาธรรม ผมเขียนเรื่องนี้แล้วนึกภาพตามมาตลอดทุกขั้นตอนก็ตื่นเต้นมิใช่เล่นเลยนะครับ นึกดูว่าความครื้นเครงของวิวาห์จำลองนี้ก็อยู่ตรงที่การแสดงบทบาทสมมติซึ่งสามารถเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในชุมชนได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญอานิสงส์คือการหล่อหลอมให้ชาวบ้านรู้จักให้ทานโดยมีตำนานในพุทธประวัติเป็นเบ้าหลอมแห่งความศรัทธานั่นเอง
ผมคงเสียดายเหลือเกินหากประเพณีนี้จะเลือนหายไปกับความเจริญของสังคมใหม่ที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาอาบใจของคนในชุมชนรอบลุ่มเหมือนอย่างปัจจุบัน
พูดด้วยความจริงใจตอนนี้เราจึงกำลังหาวิธีการและทางที่จะหยิบยกประเพณีนี้ขึ้นมาให้มีบทบาทอีกครั้ง หากคืบหน้าอย่างไรหรือมีเมื่อใดผมจะเป็นกระบอกเสียงให้ท่านได้รับรู้กันทั่วก็แล้วกัน
บางทีเจ้าบ่าวสมมติคนนั้นอาจเป็น " ป ร เ ม ศ ว ร์ ก า แ ก้ ว" คนนี้ก็เป็นได้