ในความมืด สิ่งที่มองไม่เห็นมีอยู่จริงในดึกคืนนั้น
คอลัมน์/ชุมชน
เสียงนาฬิกาปลุกเวลา 5 ทุ่มดังขึ้นในความเงียบ ฉันลืมตาขึ้นมา
ท่ามกลางความง่วง ลมเย็นเฉียบโชยมาขณะฉันยื่นมือออกจากผ้าห่ม ปิดเสียงเจ้านาฬิกา บอกตัวเองในผ้าห่มหนาว่า เวรดึกคืนนี้ ต้องหนาวหนัก
สลัดผ้าห่มออกไปอย่างเร็ว ก่อนจะเดินไปอาบน้ำอุ่น ถึงจะหนาวมาก แต่เราต้องอาบน้ำ เพื่อให้ตื่นตอนทำงาน เป็นสิ่งที่ฉันบอกตัวเองเสมอก่อนไปเข้าเวร
เราต้องเป็นสติให้คนอื่นที่ไม่มีสติเสมอ
คนไข้ยังอยู่เต็ม ห้องที่หนักในดึกคืนนี้อยู่ที่ 406 ประตูห้องจะเปิดทิ้งไว้ให้เราเดินผ่านได้มอง สัญชาติญาณบอกว่ามีกลิ่นคาวเลือดโชยมาจากห้อง คงจะมีอะไรสักอย่าง ที่ทำให้คืนหนาวของเราผ่านไปอย่างหนักหน่วง
ขณะนั่งรับเวร ฉันได้ยินพี่เวรบ่ายบอกว่า ป้าคนนี้มาผ่าริดสีดวงทวาร เมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา กลับบ้านไปได้หนึ่งสัปดาห์ วันนี้มาด้วยอาการถ่ายมีเลือดสดๆออกครั้งละ 1 กระโถนสองครั้ง ตอนนี้กำลังซีด รอตามเลือดมาให้ เม็ดเลือดแดงอยู่ที่ 20%
ฉันนั่งท่องอยู่ในใจ ตามเลือด เฝ้าระวัง ความดันเลือดอยู่ที่ 100/60 มิลลิเมตรปรอท รับเวรเสร็จ ฉันพุ่งตรงไปที่ป้าวัย 64 มีลูกสาวอายุราว 30 ปี นั่งเฝ้าหน้าตาเป็นทุกข์
ตีหนึ่งป้าถ่ายเป็นเลือดสด พรวดออกมาอีก 1 กระโถน ตาป้าลอยคว้าง ตัวเย็น ความดันอยู่ที่ 80/50 ฉันปรับน้ำเกลือให้ไหลอยู่ 30 หยดต่อนาที เป็น 200 ซีซี ใน 15 นาที โทรตามหมอเวรทันที
ป้าถ่ายเป็นเลือดสดๆ หมอมาดูหน่อย
หมอเวรเป็นเอ๊กซเทอร์นหญิงปี 6 ที่กำลังจะก้าวไปเป็นหมออาชีพอีกสองปีข้างหน้า มาดูป้าในทันทีทันใด เอาถุงมือสวนทวารเข้าไปคลำๆดูแล้วบ่นอิดออด ว่าทำไมต้องมาเป็นในเวรฉันด้วยนะ ทำไงดีหนอ โทรไปหาหมอสต๊าฟแล้วก็เงียบ (หมอสต๊าฟเป็นหมออาวุโสที่ไม่ชอบเปิดห้องผ่าตัดในเวลากลางคืน -- ชอบนอน) ทำอย่างไรดี พี่ตามเลือดมาให้เลย หนูจะเอาผ้าก๊อสอุดเลือดไว้ก่อน
ฉันวิ่งตะโกนบอกน้องที่อยู่เวรร่วมไปเอาเลือดมา 2 ถุงจากคลังเลือด ระยะทางจากตึกไปคลังเลือด กินเวลาแค่ 2 นาที ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ไกล
เลือด 2 ถุงมาถึงแล้ว ฉันเช็คตัวเลขบนถุง รหัสกรุ๊ป โอ ถูกต้องต่อลงกับสายน้ำเกลือ ปรับให้ป้า หมอเวรกลับไปแล้ว ทิ้งฉันหัวหน้าเวรอยู่เพียงลำพัง กับป้าหน้าซีดขาว ลมหายใจรวยริน ฉันสั่งน้องเอาอ๊อกซิเยนใส่จมูกคนไข้ด้วย
กำลังก้มหน้าลงเขียนอาการในแฟ้ม ได้ยินเสียงลูกสาวป้าเรียก หมอช่วยด้วย ฉันมองนาฬิกาตี 3 ป้าถ่ายเป็นเลือดสดอีก 1 กระโถน เลือดที่ไหลเข้าตัวและออกจากตัวในเวลาเดียวกัน มันไม่ได้ทำให้หน้าป้าหายซีดได้เลย ลมหายใจป้ารวยรินอยู่แล้ว แผ่วลงไปอีก ความดันอยู่ที่ 60/40 หัวใจฉันเต้นโครมคราม มือปรับเลือดให้ไหลเข้าร่างกายอย่างเร็ว ในใจคิดตั้งสติ พลิกดูประวัติ การผ่าตัด ป้าผ่ากับหมออีกคนหนึ่งไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว
ตี 3 ครึ่ง ฉันโทรไปปลุกหมอ เสียงหมองัวเงีย แต่ก็ฟัง สัญชาติญาณคงบอกว่าเป็นเรื่องร้ายแรงถึงต้องโทรมา ฉันเล่าอาการป้าให้ฟังทั้งหมด เสียงหมอถามว่า ใช่ป้าที่ผ่าเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่แล้วใช่ไหม คนผ่าเป็นหมออีกคนร่วมทีมเดียวกัน โทรไปที่บ้านเขาเลยตอนนี้ ฉันวางหู ในใจที่รัวระทึก ฉันมาถูกทางแล้ว
ตี 5 ห้องผ่าตัดเปิด คนไข้ของฉันถูกเข็นออกไปบนเปลนอน มือขวาป้ามีเลือดถุงสุดท้ายครึ่งถุง มือซ้ายป้าน้ำเกลือเต็มถุง ทั้งสองถุงไหลอย่างเร็วรี่ ฉันจับมือป้าไว้แน่น บอกว่าไปห้องผ่าตัด หมอคนผ่าจะดูแลป้าเอง ฉันเชื่อว่าป้าจะปลอดภัย ในสัญชาติญาณที่ว่าคืนนี้ฟ้าเปิด สวรรค์มีตา
7 โมงเช้า ป้ากลับมาจากห้องผ่าตัด หมอเย็บปิดส่วนที่ขาดไปจากการถ่ายครั้งแรกของป้าหลังผ่าตัด ส่วนนั้นมันทำให้ชีวิตของป้าเกือบจะหลุดลอย ฉันนึกขอบคุณหมอผ่าตัดคนนั้นที่ลุกมากลางดึก ฟังฉันรายงานทั้งที่ไม่ได้อยู่เวร
เขาวิ่งมาจากบ้านพักด้วยชุดนอน
ป้ารอดมาได้ ลูกสาวป้ายกมือไหว้ฉันในตอนเช้า ความดันป้า 120/80 นาฬิกาบอกเวลา 8 โมงเช้าแล้ว ป้าส่งรอยยิ้มมาให้ฉัน และสายตาที่บอกขอบคุณ
สิ่งเหล่านี้เองทำให้หมุนโลกไป ในความมืด สิ่งที่มองไม่เห็นมีอยู่จริงในดึกคืนนั้น