Final Score 365 วันตามติดชีวิตเด็กเอนท์
คอลัมน์/ชุมชน
อยากให้ผู้ใหญ่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และ ครู
ไปดูหนังเรื่องนี้กันให้หมด
ตั้งแต่บทความสุดท้ายจบไป ผมก็วิ่งวุ่นกับการจัดงานมหกรรมเยาวชน 60 ปี 60 ล้านความดีเริ่มที่เยาวชน ที่จัดกัน ณ ถนนพระอาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 15-17 ธันวาคม 49 ปีก่อนน่ะครับ เลยไม่ได้เขียนบทความอะไรออกมาให้ได้อ่านกัน
ผมเกือบลืมไปแล้วว่าผมได้ไปดูหนังมาเรื่องนึงมา แล้ววันนี้หนังเรื่องนั้นก็กำลังจะลงโรง ผมเคยบอกตัวเองไว้แล้วว่าจะต้องชวนเพื่อนๆ ทั้งหมดสมัยมัธยมไปดูด้วยกัน
จนมาถึงช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านนั่นแหละครับเหตุการณ์จึงเริ่มขึ้น
"มีคนมาชวนผมให้ไปดูหนังด้วยกัน" โอ้ว ผมจะทำยังไงดี
ผมไม่มีทางเลือกอื่น เพราะว่าว่างอยู่เลยตอบตกลง (ใจจริงก็อยากไปดูหนังน่ะแหละ)
เมื่อคณะผู้มาดูหนัง ที่มีทั้งคุณหมอ พี่ๆเครือข่ายครอบครัว พี่ๆเครือข่ายสื่อเพื่อเด็ก และเยาวชนจำนวนหนึ่ง มาถึงจุดนัดพบ ก็ต้องแปลกใจ เพราะในเวลานั้น หนังยังไม่มีชื่อเรื่อง ...
ก่อนที่จะรับชมนั้นก็มีเจ้าหน้าที่น่ารักๆ จาก GTH เข้ามาให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหนังว่ามันไม่มีบท ไม่มีสคริปต์ และเป็นการตามถ่ายเด็ก ม.6 ที่เรียนในโรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่ง ตลอดหนึ่งปีเต็มก่อนการเอนทรานซ์ ซึ่งปีที่ถ่ายทำจะเป็นปีแรกที่มีการเอนทรานซ์ ระบบโอเน็ต-เอเน็ต ซึ่งไม่เกี่ยวกับโอเด็ด แต่อย่างใด
ขณะที่หนังตัวอย่างฉายไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกถึงความมีชีวิตของหนังเรื่องนี้ และผมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้นำความรู้สึกบางอย่างเมื่อหลายปีก่อนของผมกลับมา
การตามเก็บภาพชีวิตเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง การใช้ชีวิตโลดโผน เถียงพ่อ-แม่ มีเหตุผลของตัวเอง ไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มก๊วน เที่ยวอย่างมีความสุข มีความสุขกับวันแต่ละวันอย่างเต็มที่เพราะวันพรุ่งนี้มันเป็นอนาคต แต่ละคนมีความฝันของตัวเอง มีแนวทางการดำเนินชีวิตของตัวเอง เท่าที่ประสบการณ์จะเอื้ออำนวยให้ มีมิตรภาพและความจริงใจให้แก่กัน
ใครที่เคยใช้ชีวิตมัธยมด้วยการตามล่า ตามหาความฝันของตัวเอง และรู้ว่าตัวเองยังมีความฝันอยู่ อยากให้มาดูหนังเรื่องนี้กันให้เยอะๆ ไม่แน่นะบางทีความเป็นเด็ก และความใสของหนังเรื่องนี้อาจทำให้คุณย้อนเวลากลับไปยังช่วงเวลาที่มีความสุขนั้นก็เป็นได้
จากข้อมูลที่หนังบอกไว้ว่า แต่ละปีมีเด็กที่สอบเอนทรานซ์ถึง ปีละ 200,000 คน และจากจำนวนนี้ 160,000 คน คือ ผู้ผิดหวัง! (จงภูมิใจเถอะถ้าเอนท์ไม่ติด เพราะเพื่อนคุณจะเยอะั และเป็นคนส่วนใหญ่ของสังคม-ขำๆ เด้อ)
ช่วงเวลาเอนทรานซ์นี้เองที่วัยรุ่นส่วนใหญ่ในประเทศนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญแห่งชีวิตก็ว่าได้ เด็กไทยหลายหมื่นคน ทุ่มเทเวลาพักผ่อนหลังเลิกเรียน ไม่เว้นแม้แต่วันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อที่จะได้ไปเรียนกวดวิชา สำหรับเด็กที่มีฐานะหน่อยก็จะเลือกเรียนกับครูที่มีชื่อเสียง เก่ง เก็งข้อสอบดี สัดส่วนรองลงมาก็เป็นการเรียนกับครูเป็นการส่วนตัว หรือตามสถานกวดวิชาที่ครูเป็นคนเปิดสอนนอกเหนือจากเวลาสอนปกติในโรงเรียน
ชีวิตการเป็นเด็กนักเรียนไทย เครียดมาก!
เมื่อความคิดที่ว่าต้องเอนท์ให้ติดเป็นสิ่งที่ถูกฝังอยู่ในหัวของเด็กไปแล้ว ส่วนหนึ่งก็ยอมรับว่าเป็นค่านิยมของผู้เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองหรือคุณครูด้วยส่วนหนึ่งที่อยากให้บุตรหลาน หรือนักเรียนของตนได้ศึกษาในสถานศึกษาที่มีชื่อเสียง มีความพร้อมทั้งอุปกรณ์ และบุคลากรทางการศึกษา ด้วยความเชื่อที่ว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เด็กที่ได้ก้าวเข้าไปเรียนในสถานศึกษาเหล่านั้นมีอนาคตที่ดี และหน้าที่การงานที่มั่นคง อันเป็นผลให้พ่อแม่ หรือคุณครูคุยได้เต็มปากว่า นี่ลูกชั้น - นี่ลูกศิษย์ชั้น
ด้วยความเป็นห่วงของพ่อแม่ หรือครู ที่อยากให้เด็กเอนท์ติดกลายเป็นความคาดหวัง และกดดันให้เด็กต้องกดดันตัวเองอยู่ตลอดเวลา จนถึงขั้นทำให้เด็กเกิดภาวะเครียดได้ แต่สุดท้ายแล้วคนที่อยู่ใกล้ชิดเด็กจริงๆ ก็คือพ่อแม่ และเพื่อนๆของเค้าน่ะแหละที่จะเป็นกำลังใจสำคัญให้เด็กคนหนึ่งที่เสียใจก้าวข้ามจุดสำคัญในชีวิตครั้งนี้และเติบโตขึ้นมาเป็นอนาคตของสังคม
อยากให้ผู้บริหารการศึกษาทุกระดับตั้งแต่ระดับปฏิบัติการในโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ผู้บริหารเขตการศึกษา ผู้จัดทำแผนการศึกษาในทุกระดับ ในกระทรวงศึกษาธิการได้มาดูหนังเรื่องนี้ เพื่อที่จะได้ช่วยกันคิดว่าจะทำอะไรให้เกิดขึ้น
ณ วันนี้สิทธิทางการศึกษาของเด็กไทยในระดับมัธยมก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ทั้งเรื่องที่รัฐช่วยจัดรัฐสวัสดิการให้กับเด็กเรื่องค่าเล่าเรียน หรือค่าต่างๆ นานา แต่สำหรับเด็กมหาวิทยาลัยก็คงต้องผจญชีวิตกันอีกมากมาย เพราะไม่รู้ว่าการออกนอกระบบของมหาวิทยาลัยจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนของเด็กพุ่งทะยานตามไปหรือไม่ นี่ไม่รวมถึงการกู้ยืมเงินเพื่อนำไปเรียน ซึ่งการจ่ายคืนแบบขึ้นอยู่กับรายได้หลังจบการศึกษาของเด็กคนหนึ่งอีกต่างหาก (ได้ข่าวว่าดอกเบี้ยร้อยละ 5 ซึ่งจะคิดตั้งแต่กู้ไปเรียน เรียนจบมาไม่ต้องทำอะไรล่ะ ใช้หนี้ดอกเบี้ยก็หมดเงินเดือนแล้วละ)
แล้วเด็กไร้สัญชาติล่ะ
สิทธิทางการศึกษาของเด็กเยาวชนชาวไทยภูเขา หรือเด็กไทยกลุ่มอื่นๆ ซึ่งไร้สัญชาติถูกหมางเมินจากรัฐ ทั้งๆที่เขาเหล่านั้นเกิดบนผืนแผ่นดินไทย แต่ไม่ได้รับสัญชาติ ถึงแม้ว่าเด็กๆเหล่านั้นจะได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน จนถึงระดับมหาวิทยาลัย แต่เขาเหล่าจะไม่มีโอกาสได้รับใบรับรองการศึกษาแม้ว่าเขาจะเรียนจนจบแล้วก็ตาม
เกิดบนแผ่นดินไทย ไม่ได้รับสัญชาติไทย?
เรียนในเมืองไทย แต่ไม่ได้รับวุฒิการศึกษา?
นี่เป็นอีกหนึ่งมุมของปัญหาที่ยังรอการแก้ไขจากผู้ใหญ่ใจดีทุกๆท่าน
กลับมาที่ Final Score...
วันนี้เด็กๆ นับแสนคนกำลังประสบชะตากรรมแบบเดียวกันกับที่หนังกำลังนำเสนอ ...
สถาบันครอบครัว ครู และเพื่อน เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่สุดของเด็กม.6 ที่กำลังจะสอบเอนทรานซ์
ผมไม่เขียนอะไรแล้วดีกว่าครับ
บอกได้คำเดียวว่าใครก็ตามทั้งพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ครู เพื่อน ฯ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็กที่กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายห้ามพลาด
เนื้อหาในหนังดีกว่าที่ผมเขียนไว้เยอะครับ ผมเขียนบรรยายความรู้สึกไม่ค่อยเก่ง
เชิญไปดูกันเองดีกว่า 1 กุมภาพันธ์ นี้ ที่โรงภาพยนตร์ทั่วไปครับ