Skip to main content

หยดน้ำตาอันอ่อนโยน

คอลัมน์/ชุมชน

ในการสนทนา  หลายครั้งหลายหน  ทั้งบรรยากาศ  และรวมถึงเรื่องราวที่สนทนานั้น  เราจะพบว่ายุคสมัยของเราถูกสร้างขึ้นด้วยสมองซีกซ้าย  ว่าก็คือมันเต็มไปด้วยหลักการ เหตุผล ผู้คนแสวงหาความรู้ที่เอาไว้สนองตอบทางโลก และยึดเอาแต่เรื่องราวที่จับต้องสัมผัสได้ภายนอก นี่คงเป็นภาพโดยส่วนใหญ่  เหล่านั้นดูจะเป็นด้านนำในกระบวนการทั่วไปของสัมคม  โดยเก็บความรู้สึกไว้ข้างหลัง  หรือไม่เราก็มักกดทับ หรือเลี่ยงที่จะเผชิญกับมัน  ด้วยว่ามันเป็นด้านที่สังคมไม่ได้ให้ค่านัก  หลายครั้งมันกลายเป็นด้านความเพ้อเจ้อ เพ้อฝันไปก็ยังมี  ก็ด้วยทั้งหมดสังคมให้ค่ากับความคิดเป็นตัวนำนั่นเอง  เช่นนั้นเอง ผู้คนมากมายจึงจำต้องละเลยเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต ด้วยเห็นว่ามันไม่ได้มีคุณูปการต่อการดำรงอยู่ของชีวิตในสังคมร่วมสมัย  หรือบางครั้งถึงขนาดรังเกียจความรู้สึกของตัวเองด้วยซ้ำ


 


สิ่งหนึ่งในเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้  คือการร้องไห้  ด้วยถ้อยคำหรือคำสอนมากมายที่มีนัยสำคัญพยายามบอกว่าการ้องไห้นั้นเป็นของต่ำ  เป็นของไม่ดี  เป็นของคนอ่อนแอ  เลยต่อไปถึงขั้นสอนให้เชิดหน้า หยิ่งทนง อะไรเทือกนั้นก็ว่ากันไป  แม้แต่งานด้านหนัง ละครก็ยังใช้คำในบริบทเหล่านี้นำเสนอต่อสังคม....  จะเป็นไรไปเล่า หากเราเหล่ามนุษย์ผู้มีหัวใจจะได้ร้องไห้  อาจจะทั้งกับความทุกข์ หรือกระทั่งสุข  เพื่อให้หยดน้ำตาที่หลั่งออกมานั้นได้ชำระล้างหัวใจอันแห้งผากให้ได้ชุ่มชื้น 


 


หากพอได้สังเกตคงจะพบกระมังว่า  การร้องไห้นั้นทำให้เราอ่อนโยนลง ซึ่งนั่นก็หมายถึงความรักในหัวใจของเราได้พอกพูนขึ้น และมันก็ทำให้เราได้มองเห็นความรักนั้น ในภาวะที่มันเป็น และได้เห็นว่า ในหัวใจเรายังมีรัก  และหยดน้ำตานั้นหลายวาระมันได้ช่วยเยียวยาเราด้วยแม้บางครั้งมันจะเป็นหยดน้ำตาแห่งความเศร้าก็ตาม  บางรู้สึกเรายังอาจสัมผัสได้ว่านอกจากความอ่อนโยนแล้ว  เรายังได้พบภาวะของความอ่อนน้อมที่องอาจผ่าเผย  ซึ่งทั้งหมดอาจนำไปสู่ความมั่นคงในหัวใจได้อีกทางหนึ่ง


 


บางครั้ง ขณะบางผู้คนคร่ำเคร่งอยู่ในโลกของการทำงานที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขทางสมอง ความคิด หลักการ เหตุและผล  คิ้วที่ดึงเข้าหากัน หน้าผากที่ย่น หลังไหล่ที่ตึงด้วยความเคร่งเครียด วันเวลาเต็มไปด้วย ความคิด คิด คิด ใบหน้าที่แห้งเฉา หากคนผู้นั้นเป็นคนที่เรารัก ลองทักถามเขาหน่อยดีไหมว่า  เขาไม่ได้ร้องไห้มานานเท่าใดแล้ว  แล้วเมื่อเขาร้องไห้  เราจะปลอบโยนเขาหน่อยดีไหมว่า วาระเช่นนี้ขอได้มองเข้าไปถึงภายในหัวใจ  เฝ้ามองให้ชัด เพื่อจะเห็นว่าเมื่อเรายังร้องไห้ได้อยู่นั้นมันหมายถึง หัวใจของเขายังไม่ได้แห้งแล้งจนเกินไป  หรือหัวใจของเขายังเปี่ยมไปด้วยความรัก  หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน  และงดงาม  นั่นจะเป็นอานุภาพที่สามารถเยียวยาบาดแผลของชีวิต  หรือหล่อเลี้ยงความรักในหัวใจให้งอกงาม 


 


และบางครั้งบางวาระมันก็ดีไม่น้อยเมื่อเราจะได้หลั่งน้ำตาให้กันและกัน  เมื่อเราจริงใจต่อการร้องไห้ของตัวเองมากพอแล้ว  เราย่อมจะเห็นภาวะที่แท้ในหยดน้ำตานั้น  รัก  อ่อนน้อม  อ่อนโยน  ซึ่งงดงามนัก.....