Skip to main content

แปลงดอกไม้มีไว้ให้ทางเดินในดวงใจ

คอลัมน์/ชุมชน

หมอเป็นหมอเด็ก  แต่งงานกับหมอเอกชเรย์หนุ่มหลายปีแล้ว  แต่ทั้งสองคนยังไม่มีลูกเสียที  พวกเรามักจะพูดเล่นกับหมอว่า  หมอหน้าเด็กเกินไป  เด็กจึงไม่กล้ามาอยู่ด้วย


 


แปลงบวบหน้าบ้านพักของหมอ  กำลังออกดอกสีเหลืองจ้า  ตัดกับใบและลูกบวบสีเขียว น่ากิน  เถาบวบเกาะเกี่ยวอยู่ที่รั้วบ้าน  แปลงดินหน้าบ้านเต็มไปด้วยดอกผีเสื้อ และคุณนายตื่นสาย  สีเจิดจ้าของบ้านตัดกันอย่างร่าเริง  ดอกไหวๆกำลังเล่นลม 


 


ทุกครั้งที่ฉันเดินผ่านหน้าบ้านพักหมอ  ฉันจะหยุดมองแปลงดอกไม้  เถาบวบ  และโคมไฟสีขาวกลมใหญ่ ที่ห้อยลงมาข้างหน้าต่างห้องนั่งเล่น  ติดกับแปลงดอกไม้  เวรดึกคืนเดือนมืด  ฉันก็ยังเห็นแปลงดอกไม้ไสวอยู่ท่ามกลางความมืด


 


เพราะฉันได้ทำงานอยู่ตึกเด็ก  ฉันจึงมีโอกาสๆ ได้ร่วมงานกับหมอ  ฉันเห็นหมอจริงจังกับการงาน  สนใจเด็ก  และใจดีกับเด็กๆ ที่ป่วยมาทุกคน  หมอคงอยากมีลูก  เพราะฉันได้ยินหมอเปรยออกมาบ่อยๆ  แต่มันไม่ได้ทำให้หมอรักเด็กลดน้อยลงเลย  เด็กที่มาป่วยส่วนใหญ่เป็นโรคเลือด  ทั้งโลหิตจาง  ซีดจากกรรมพันธุ์บกพร่อง  และลูคีเมีย


 


ลูคีเมีย  มะเร็งเม็ดเลือดขาว  ร่างกายจะซีดลง มีไข้ และเม็ดเลือดขาวต่ำจนร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกัน  เช่นนี้เอง ทำให้หัวใจฉันหล่น


 


เพราะฉะนั้น  พวกเราทั้งหมอและพยาบาล  ต่างบ่มเพาะความเศร้าอยู่ในหัวใจทุกเมื่อเชื่อวัน  เมื่อเห็นเด็กๆ พวกนั้นมาโรงพยาบาล  นอนที่ตึกและไม่ได้กลับบ้านอีก


 


เวลาที่ฉันเจอหมอ   เรามักจะคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้  สัพเพเหระคลายเครียด  แต่เรื่องที่ฉันบอกหมอตลอด ก็คือหน้าบ้านพักหมอเป็นหน้าบ้านพักที่สวยงามที่สุดในโรงพยาบาล  ชื่นตาชื่นใจ  แปลงดอกไม้และเถาบวบนั้น ทำให้เราสดชื่นและยิ้มออกมา  แม้ว่าเราเครียดสักเพียงใดก็ตาม  หมอมักจะยิ้มรับและพูดคำเดิมๆ  จริงเหรอ


 


หลายครั้งที่หมอไม่ได้อยู่เวร  แต่ก็มาเล่นมาดูเด็กๆ ลูคีเมียเป็นเวลานานๆ  หมอขยันมาดูเด็กๆ พวกนี้  บางทีพวกเราสงสัยว่า หมอเอกซเรย์เป็นหมันจากรังสี  หรือหมอเป็นหมันจากยาคีโมหรือเปล่า


 


คีโมเทอราพี ยาฆ่ามะเร็ง  เวลาที่พวกเราผสมจะต้องใส่ชุดมิดชิด  ผสมยาในห้องแยกเหมือนมนุษย์อวกาศ  ยาอยู่ในถุงผ้าสีดำ ต่อกับสายน้ำเกลือไปสู่เด็กๆ ลูคีเมียที่ผมร่วงหน้าซีด พุงป่องอยู่ในห้องแยกปลอดเชื้อ  ฉันเห็นหมอเข้าออกในห้องเด็กๆ  พร้อมถุงยาและชุดอวกาศอยู่วันแล้ววันเล่า


 


เช้าวันนั้น  หมอมาตรวจเด็กเช่นเคย  หลังจากตรวจเด็กๆ จนหมดทุกเตียงแล้ว  หมอก็นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์  สักครู่คนงานเดินเอาใบผลเลือดมาส่งให้หมอ  ฉันเห็นหมอพลิกดูแล้วหน้าซีด อุทานออกมาว่าเป็นไปไม่ได้   ฉันถามหมออย่างตกใจ  อะไรหรือคะ หมอมีอะไรหรือเปล่า  หมอบอกฉันว่า  มันเป็นผลเลือดของหมอเอง 


 


แล้วหมอก็เดินออกจากตึกอย่างรีบเร่ง


 


รุ่งเช้าฉันได้ยินข่าวที่กระจายกันในหมู่พวกเราว่า  หมอเป็นลูคีเมีย  คุณพระคุณเจ้าช่วย  หัวใจฉันร่วงลงอยู่ปลายเท้า  น้ำตาซึมออกมา  โธ่เอ๋ย ..  ทำไมชีวิตมันเล่นตลกอย่างนี้  แล้วเด็กๆ พวกนี้เล่า  ใครจะมาดูแลรักษาพวกเขา  หมอของเราเป็นลูคีเมียเสียแล้ว  ฉันเห็นใบหน้าทุกคนเศร้าสร้อย   ทุกข์ร้อน


 


หมอหายไปตั้งแต่วันนั้น  พี่หัวหน้าตึกบอกว่าหมอไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย  ห้ามใครเข้าเยี่ยม เพราะเม็ดเลือดขาวของหมอต่ำมาก  หมอจะติดเชื้อง่าย 


 


ฉันฝากมาลัยมะลิไปเยี่ยมกับหมอคนอื่น  เขากลับมาบอกฉันว่า  ต้องแขวนไว้หน้าห้อง  เพราะเอาเข้าไปเยี่ยมไม่ได้  กลัวหมอติดเชื้อ


 


หมอหายไปนาน .. ภาพผู้หญิงหน้าเด็ก  ผมบ๊อบสั้นๆ  ใส่กระโปรงสีชมพูร่าเริงหายไปแล้ว  เด็กๆ ถามถึงหมอ  ทุกคนอึกอักบอกหมอไปประชุม  ไปอบรม  และอื่นๆ ตามแต่จะนึกได้  


ฉันตามฟังข่าวจากคนอื่น  รู้ว่าหมอไปรักษาที่กรุงเทพ  หมออยู่ที่นั่นจนอาการอยู่ในระยะสุดท้าย


 


ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น  หมอก็จากพวกเราไปจริงๆ  บ้านพักของหมอ ดับไฟสนิท และทุกคืนก็เป็นอย่างนั้น นับตั้งแต่หมอป่วย  เถาบวบหน้าบ้านรกเรื้อเหี่ยวเฉา  แปลงดอกไม้โรยแห้งเหี่ยว  ใบไม้ถมลงหน้าบ้าน  และโคมไฟสีขาวดวงใหญ่ไม่เคยเปิดอีกเลย


 


หนึ่งปีผ่านไป  ฉันได้ข่าวว่าหมอเอกซเรย์หนุ่มไปบวชยาวนานที่วัดแห่งหนึ่ง  ถือศีลปฏิบัติธรรมอยู่หลายเดือน 


 


คืนหนึ่งของปีต่อมา  โคมไฟสีขาวดวงใหญ่หน้าบ้านเปิดสว่าง  ทุกอย่างในบ้านแลดูรกร้าง  ต้นไม้หน้าบ้านตายหมดทุกต้น  เหลือเพียงต้นหญ้าโทรมๆอยู่ทั่วบริเวณ  ฉันเห็นหมอเอกซเรย์ฟุบอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง  ผมเกรียนๆ มีหงอกขาวๆ แซมไปทั่ว 


 


หมอเหมือนคนแก่ทั้งที่ยังหนุ่ม


 


ฉันเอามืออุดปากไว้  ไม่ให้เสียงร่ำไห้หลุดออกมา  ปาดน้ำตาที่ไหลไม่ขาดสาย    ฉันไม่กล้าสบตาหมอ  เมื่อหมอเงยหน้าขึ้น  ฉันรีบเดินจากมา  ผ่านทางเดินที่ฉันเดินซ้ำๆ อยู่ทุกคืนทุกวัน  ในช่วงต่อเวรเช้า-บ่าย-ดึก


 


หัวใจฉันชุ่มไปด้วยน้ำตาและความคิดถึงหมอเด็กคนนั้น


                       


*แด่.. หมอดวงใจ ผู้จากไปในท่ามกลางความเศร้าของพวกเรา  ฉันคิดถึงหมอเสมอ  เมื่อชีวิตต้องผ่านเข้าไปในความมืด เมื่อฉันต้องขึ้นเวรดึกตามลำพังและเผชิญกับความว่างเปล่า  ฉันไม่รู้ว่า  เราจะได้พบกันอีกหรือเปล่า  แต่สิ่งที่หมอทำ มันยังอยู่ในหัวใจฉัน  และฉันก็ยังยืนยันที่จะทำต่อไป  ขอบคุณหมอที่ทิ้งสิ่งดีๆ ไว้ให้พวกเราทุกคน  ทุกคนคิดถึงหมอเช่นกัน  เหมือนกับฉัน  แล้วเราคงได้พบกันอีกในทางช้างเผือก ที่หมอไปรออยู่ก่อนแล้ว