กระโปรงสั้นและชุดรัดรูปในสถานที่ราชการ
คอลัมน์/ชุมชน
ผมได้แวะเวียนไปยังสถานที่ราชการบ่อยๆ พยายามสังเกตเห็นอะไรที่อยากจะเห็นมาก (สอดส่ายหามัน ว่างั้นเหอะ!) นั่นก็คือ ความงามและสัดส่วนของสาวๆ ประจำสถานที่ราชการ
ย้อนไปในอดีตการทำงานราชการแบบอนุรักษ์นิยม (แบบขุนนาง, อำมาตย์) ผมยังมีความทรงจำเกี่ยวกับการไปติดต่อสถานที่ราชการได้ดี โดยเฉพาะพวก ยักษ์มารในชุดกากี จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยพายายไปทำบัตรผู้สูงอายุที่ที่ว่าการอำเภอ ต้องรอเป็นครึ่งวัน นั่งน้ำตาเล็ดทนฟังคำผรุสวาทจากเจ้าหน้าที่ต่อว่ายายผม เพราะแกแก่เงอะงะทำอะไรไม่ถูกใจพวกท่านนักปกครองทั้งหลาย ผมจึงเก็บเอาความทรงจำนั้นมาเป็นความเจ็บแค้นฝังใจส่วนตัว
แต่เดี๋ยวนี้ผมให้อภัยเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้วครับ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่สาวๆ เมื่อหลายวันก่อนไปนั่งแกร่วรอเพื่อนทำธุระที่เทศบาล ผมคิดว่าผมนั่งรอได้ทั้งวัน เพราะพนักงานของเทศบาลสาวๆแต่ละคนล้วน ดูได้ ทั้งสิ้น (ระดับน้องๆ นางงามตกรอบ) ไม่ว่าจะเป็นทรวดทรงองค์เอว, หน้าอกหน้าใจ ,บั้นท้ายเข้ารูปฟิตเปรี๊ยะ! (บทความนี้ค่อนกระเดียดไปทาง โลมเนื้อนาง ของพี่นิวัต กองเพียร) กอปรกับชุดที่สวมใส่เสริมรูปร่างหน้าตาเข้าไปอีก ทั้งพนักงานเทศบาลทั้งสาวแก่แม่ม่าย หรือสาววัยขบเผาะที่ประสบความสำเร็จในการหาความมั่นคงในชีวิต (อาชีพยอดฮิตของคนหนุ่มสาวในยุคทักษิณ คือ พนักงานของรัฐ ไม่เชื่อก็ไปดูรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบเข้าทำงานเทศบาลหรือ อบต. ดูสิครับ ยาวเป็นหางว่าว)
ผู้หญิงเปรียบดั่งดอกไม้งามที่เติมความสดใสให้แก่โลก มันก็ดีนะที่สถานที่ของรัฐ/ฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการขูดรีดตามมุมมองของนักอนาธิปัตย์ (Anarchists) มีดอกไม้สวยๆ งามๆ ไว้ให้เราดูและดมให้ชื่นใจบ้าง
ผมลองคิดไปเองลึกๆ (เรื่องของสัญญะ (sign) แฝงนะ อย่าคิดมาก) ว่านอกจากที่มันเป็นการปฏิรูปการทำงานของระบบราชการในขั้นพื้นฐานแล้ว มันยังมีอะไรแฝงอยู่เบื้องหลังของความหมายที่เรารู้สึกในขั้นต้นนั้น
ประเด็นแรก ค่านิยมข้าราชการไทยเปลี่ยนไปแล้ว เพราะเรามี CEO เป็นนายก ประเทศต้องเดินหน้าไปตามครรลองของบริษัทดีๆ ซักบริษัท ข้าราชการก็ต้องถูกเปลี่ยนเป็นพนักงานขาย/พนักงานบริการของบริษัท ดังนั้น ภาพลักษณ์,กริยาการแสดงออกแบบพนักงานขาย/พนักงานบริการ มันคนละขั้วกับ ผู้มีอำนาจอันทรงเกียรติน่ายำเกรง แบบข้าราชการไทยในอดีต ภาพลักษณ์ที่เจริญหูเจริญตาถูกเข้ามาแทนที่ยักษ์มารในชุดกากี การปกครองแบบพระเดชข่มขวัญให้ชาวบ้านต้องทำตามรัฐ ถูกแทนที่ด้วยการให้ชาวบ้านรู้สึกเป็นลูกค้าของรัฐ
แต่โปรดอย่าได้ไว้ใจว่าเราจะไม่ถูกขูดรีดจากรัฐ เพราะการขูดรีดเปลี่ยนวิธีให้ดูนุ่มนวลและเจริญหูเจริญตาขึ้นแค่เท่านั้น การแก้ไขปัญหาสังคม เกี่ยวกับ ความสบาย-ปากท้อง-สวัสดิการ ที่เท่าเทียม มิใช่อยู่ที่การเปลี่ยนวิธีติดต่อกันระหว่าง ชาวบ้าน-ประชาสังคม-รัฐ ที่ให้ดูดีเหมือนการทำงานแบบเอกชน แต่หากต้องเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างทั้งหมด อย่างน้อยก็เช่น การเก็บภาษีอัตราก้าวหน้า, สวัสดิการสุขภาพฟรี, การประกันการตกงาน ฯลฯ และการตัดสินใจเรื่องใหญ่ในท้องถิ่น หรือระดับชาติ ต้องเป็นเรื่องของประชาชน ไม่ใช่ฝ่ายปกครองที่นั่งในห้องแอร์ คนสองคน - - - แต่คงให้เป็นไปอย่างนั้นได้ยาก เอาเป็นว่าประเด็นนี้ผมชอบใจในระดับหนึ่ง เพราะมันเป็นการขัดแย้งกันเองระหว่างนายทุนกับฝ่ายปกครองอนุรักษ์นิยม นายทุนชนะและเปลี่ยนลักษณะอำนาจนิยมอันคร่ำครึของข้าราชการไทยไปเป็นพนักงานขาย/พนักงานบริการของบริษัทประเทศไทยไปเสียแล้ว ถึงจะแย่เหมือนๆ กัน แต่อย่างน้อยชาวบ้านก็รู้สึกทุกข์ยากน้อยลงไปอีกนิด และมีเกียรติของความเป็นคนเพิ่มสูงอีกโข (ยายผมคงนอนตายตาหลับแล้วล่ะ!)
ประเด็นที่สอง ไม่ใช่เพียงสถานที่ราชการเท่านั้นที่เราจะเห็นผู้หญิงภายใต้กระโปรงสั้นและชุดรัดรูป ย้อมสีสไลด์ผม แต่เป็นเกือบเป็นทุกภาคส่วนของสังคมไปแล้ว ใครจะว่าอย่างไรก็ตามจินตภาพในการแกะสัญญะนี้ออกมาจากหัวสมองขี้เลื่อยของผม ผมเห็นว่ากระโปรงสั้น, ชุดรัดรูปโชว์บั้นท้ายและร่องก้นนี่แหละ คือคำประกาศแห่งการปลดแอกจากระบบที่ถือชายเป็นใหญ่ (Patriarchy) ของผู้หญิงไทย
มาร์กซิสต์สาวสวยร่วมสมัยของไทย อย่างนุ่มนวล ยัพราช บอกไว้ว่าก่อนที่จะไปให้ได้สิทธิเสรีภาพในด้านอื่นๆ (ด้านเศรษฐกิจและอำนาจการต่อรอง) ผู้หญิงจะต้องเริ่มแตะต้องกับปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว ความรัก เพศ และเรื่องยิบย่อยพื้นฐานอื่นๆ เสียก่อน
นั่นคือแนวคิดของเฟมินิสต์ (Feminists) สายมาร์กซิสต์ (Marxists) ซึ่งมันอาจจะไม่เป็นที่ถูกใจนักของเฟมินิสต์สายอนุรักษ์นิยม หรือนักศีลธรรมทั้งหลาย จะ บ่น-ก่น-ด่า-สาปแช่ง อย่างไรก็ช่าง มันก็ได้เป็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปเสียแล้ว
แม้แต่ในขบวนการฝ่ายต่อต้านระบบทุนนิยม (anti-capitalists) เองบางส่วนก็เห็นว่าผู้หญิงกลายเป็นทาสของการบริโภค (Consumption) เครื่องประทินโฉม เครื่องสำอาง เครื่องแต่งกาย หรือการสร้างให้ตัวเองเป็นทุนที่มีมูลค่าเพียงเปลือกนอก (image-capital)
เรื่องส่วนตัว ความรัก เพศ การแสดงออกของผู้หญิงในปัจจุบันที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยม/นักศีลธรรม/คนอื่นๆ รับไม่ได้ ผมว่าเธอเหล่านั้น (ผู้หญิงที่ลุกขึ้นมาทำตัวให้สวย เป็นที่ดึงดูดใจ) มิได้มีอุดมการณ์มาร์กซ์อย่างแน่นอน (โดยส่วนใหญ่) แต่เธอเหล่านั้นก็รู้สึกได้ถึงการปลดแอกจากระบบชายเป็นใหญ่เหมือนๆ กัน
ลองมองอีกมุม เมื่อเราอยู่ในเกมที่ระบบทุนนิยมเป็นใหญ่ อย่างไรเสียเราก็คงต้องเล่นตามกติกาของเกม เพียงแต่ใช้เกมนั้น ปลดแอก ใน สิ่งที่สามารถปลดแอกในเกมนั้นได้ - - - นี่แหละที่ผู้หญิงสมัยนี้เริ่มทำกัน
หรือจะเอาให้ปวดหัวอีกซักหน่อย นี่คือปรากฎการณ์ที่อธิบายการทำงานของ สิทธิอำนาจ (authority) โดยตรง เป็นการระเบิดของสังคมชายเป็นใหญ่ในขั้นพื้นฐาน (ชาติตะวันตกระเบิดไป 30-40 ปีหรือก่อนหน้านั้นแล้ว) การใส่เสื้อผ้ามิดชิดแบบอนุรักษ์นิยม/ศีลธรรม ผู้หญิงไม่สามารถแสดงกริยาแบบผู้ชายในเรื่องเพศ เหล่านี้มันคือการกดขี่ (dominance) สตรีของสังคมชายเป็นใหญ่ (patriarchy)
สังคมไทยในอดีต ผู้หญิงเป็นทรัพย์สมบัติของสามี ผู้หญิงเป็นผู้ที่ถูกกระทำตลอดทั้งขึ้นทั้งล่อง โดยอำนาจของสังคมแบบนั้น แต่ตอนนี้ผู้หญิงกลับสร้างอำนาจใหม่ (โดยใช้ร่างกายเป็นตัวนำเสนอ) ขึ้นมาท้าทายมัน ผู้หญิงสามารถทำให้ผู้ชายหลายๆ คนมองได้ ผู้หญิงใช้ร่างกาย-ความสวย-สัดส่วน เป็นเครื่องต่อรองให้ได้มาซึ่งอำนาจแบบใหม่ที่สังคมอนุรักษ์นิยมอาจจะรับไม่ได้ ถึงแม้นมันดูจะไม่งดงามนักตามแนวคิดขบวนการปลดแอกสตรีในกระแสหลัก (womens liberation movement) แต่มันคือ การเล่นและท้าทายกับอำนาจ ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของมนุษย์ ดังที่ Eric Fromm ได้ให้ความเห็นไว้ว่า "บนสภาพเงื่อนไขต่างๆ ของสังคม-วัฒนธรรม (socio-cultural conditions) ซึ่งแบบแผนอันนั้น ผู้ชายและผู้หญิงนำเอาเรื่องเพศมาใช้เพื่อเอาชนะความเบื่อหน่าย หรือเพื่อพิสูจน์ตัวของพวกเขาเองในตลาดทางเพศ (sexual market)"
ผมเคยต่อต้านความคิดนี้ของผมเอง ผมเคยคิดว่าผู้หญิงเหล่านั้นเป็นทาสของทุนนิยม เน้นการบริโภค แต่เมื่อผมเข้าถึงเรื่อง สิ่งที่สามารถปลดแอกในเกมนั้นได้ กับ ความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ผมจึงเข้าใจในความรู้สึกนั้นบางส่วน แต่ก็มิบังอาจสามารถเข้าใจได้ทั้งหมด เพราะผู้หญิงนั้นดูลึกลับเสมอในสายตาผม และมันทำให้ผม รักที่จะมอง ผู้หญิงสวยๆ ทรวดทรงดี ขึ้นไปอีกโข
ต่อไปนี้ผู้หญิงจะไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของสามี จะไม่ใช่สัญลักษณ์ของสังคมชายเป็นใหญ่ที่มีแต่การปิดกั้นเสรีภาพผู้หญิง ผู้หญิงมีสิทธิ์อยากให้คนอื่นได้เห็น ในความเป็นตัวฉัน ฉันมีสิทธิ์แต่งกระโปรงสั้น ฉันมีสิทธิ์ใส่ชุดรัดรูป ฉันมีสิทธิ์ปั่นหัวคนอื่นเล่น ฉันมีสิทธิ์ที่จะมีแฟนหลายคน ฉันสามารถให้ความปลอดภัยแก่ตัวฉันเองได้และสังคมต้องให้ความปลอดภัยแก่ตัวฉันด้วย หลังจากนั้น ฉันจะไปให้ไกลกว่าเรื่องของตัวฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะพูด ฉันมีสิทธิ์ที่จะออกความเห็น ฉันจะทวงหาความเท่าเทียมในระบบเศรษฐกิจ-สังคม ฉันจะไม่อยู่ในฐานะที่เหลื่อมล้ำกับผู้ชายอีกต่อไป
ไปนั่งรอเพื่อนที่เทศบาลในวันนั้น ผมเพิ่งสังเกตเห็นการปฏิวัติเล็กๆโดยผู้หญิง จากร่องก้นที่ทับด้วยชุดรัดรูปของพนักงานเทศบาลสาวสวยนั่นเอง!
และผมขอใช้สิทธิ์ซุ่มดูคุณผู้หญิงด้วยความชื่นชมเรื่อยๆ ต่อไป รักผู้หญิงทุกคนครับ! .
จาก : หนุ่มรุ่นน้องที่แอบมองเธอ :-)
ถึง เปรื่องเดช ผดุงครรภ์
เนื่องจากบทความ ประชาทุย - กระโปรงสั้นและชุดรัดรูปในสถานที่ราชการ เขียนโดย เปรื่องเดช ผดุงครรภ์ หนุ่มน้อยหน้ามนย่านล้านนา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการไปออฟฟิศของรัฐบาลและพอเจอการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะรูปลักษณ์ของพนักงานรัฐบาล จนได้ตั้งข้อสังเกตและให้ความเห็นถึงแนวทางการปลดปล่อยตัวเองของผู้หญิงจากระบบที่กดขี่ทางเพศของเธอในปัจจุบัน โดยการปฏิรูปตนเองเล็กๆน้อย ๆ ผ่านรูปแบบการแต่งกายเน้นการขับเน้นสรีระทางธรรมชาติ ซึ่งแนวทางดังกล่าวได้เพิ่มอำนาจให้กับผู้หญิง บางส่วนโดยเฉพาะซีกส่วนหนึ่งที่มีแนวความคิดอนุรักษ์นิยมมักจะมีความไม่สบายใจตามประสา เพราะเคยชินแต่ควบคุมคนให้อยู่ในกรอบ แต่เรามองว่าปัจจุบันแนวนี้กำลังเป็นสิ่งแปลกปลอมและกลายเป็นตัวตลกของสังคมเข้าไปทุกที
ปัจจุบันสังคมไทยได้พยายามปฏิรูปตัวเองให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพตามความต้องการของกลไกตลาด ผลที่ตามมาพนักงานของรัฐบาลมีมุมมองต่อคนที่มารับบริการว่า "ลูกค้า" ดังนั้นรูปแบบการทำงานจึงเปลี่ยนไปจากเดิมการบริหารงานแบบใหม่มีความต้องการความทันสมัย พนักงานต้องรับใช้เป้าหมายใหม่ขององค์กรอะไรที่สามารถสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าได้ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ รวมถึงรูปลักษณ์ทางด้านร่างกายด้วย สิ่งที่น่าสงสัย คือ ชุดรัดรูปหรือรูปลักษณ์ใหม่ๆ เหล่านี้คือ โจทย์อันใหม่ หรือ มันคือหนทางที่นำไปสู่ชัยชนะที่จะสร้างความเสมอภาคทางเพศได้หรือไม่ / อย่างไร
เราอยากยกตัวอย่างหนึ่งเพื่อชวนให้คิดกันเปรียบเทียบกัน คือ กรณีของ แอร์โฮสเตส ของสายการบินไทยขึ้นชื่อที่สุดในแง่ความสวย บริการเป็นเลิศ ทั้งหญิงและชาย ใครที่ใช้บริการของสายการบินนี้จะรู้สึกว่าเราเหมือนราชาที่มีหนุ่มหล่อและสาวสวยมาคอยรับใช้ และในอีกด้านหนึ่งพนักงานที่นี่ถูกลวนลามมากเช่นเดียวกัน และยังไม่มีมาตรการอะไรที่มาปกป้องศักดิ์ศรีพนักงานเหล่านี้ได้ กรณีนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า "ความสวยความหล่อ" ไม่ได้เป็นหลักประกันการเพิ่มอำนาจต่อรองและศักดิ์ศรีทางเพศแต่อย่างใด แต่รูปแบบดังกล่าวมันเพิ่มกำไรให้บริษัท สิ่งที่ถูกทำลายไปคือศักดิ์ศรีของผู้หญิงและผู้ชายที่เป็นพนักงาน แนวทางที่จะเพิ่มอำนาจการต่อรอง คือ สหภาพแรงงานต่างหาก เปรียบเทียบกับสายการบินหนึ่งซึ่งเป็นเส้นทางการบินในยุโรป รูปแบบการบริการแทบจะเรียกได้ว่าเกือบ "หยาบคาย" ลักษณะการทำงานของพนักงานที่นี่ พอถึงเวลาเสริฟอาหารก็จะเสริฟอาหารให้ ไม่มีการยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน ไม่มีลักษณะการเพิ่มการบริการเข้าไป เช่น ใครอยากได้น้ำก็ขอเพิ่ม อาหารไม่อิ่มก็ขอเพิ่ม รูปแบบการทำงานไม่ได้เพิ่มภาระ เช่น พนักงานต้องเดินดูตรวจตราว่าน้ำหมดแก้วหรือยังเพื่อสร้างความประทับใจ แต่พนักงานที่นี่ดูมีศักดิ์ศรีมากกว่า คือ มีลักษณะของความเท่าเทียมกันระหว่างลูกค้าและแอร์โฮสเตสมากกว่าสายการบินข้างต้น เครื่องแต่งกาย นำไปสู่การเพิ่มศักดิ์ศรีหรือไม่ เราสนับสนุนให้ผู้หญิงมีความมั่นใจและแต่งตัวเซ็กซี่ซึ่งมีหลายรูปแบบ แต่ปัจจุบันความสวยที่ถูกยอมรับ คือ ผู้หญิงที่รูปร่างเล็ก ขาว เสื้อผ้าที่สวมใส่จะต้องเป็นตัวเล็กๆ คับ ๆ ใส่แล้วหายใจไม่ออกเพื่อยืนยันถึงความเซ็กซี่ สิ่งที่ตามมาผู้หญิงหลายคนพยายามที่จะผอมให้มากที่สุด ทั้งอดอาหารและกินยาลดความอ้วน ผู้หญิงหลายคนที่มีสีผิวเป็นสีน้ำตาลสวยกลับมองว่านี่คือสัญลักษณ์ของความอัปลักษณ์ ต้องแสวงหาเครื่องประทินผิวที่ทำให้ผิวขาวขึ้นโดยไม่ตระหนักถึงผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น การปล่อยให้ร่างกายของผู้หญิงถูกใช้โดยกลไกตลาด ไม่ได้มีหลักประกันอันใดเลยที่จะนำไปสู่เสรีภาพที่มีศักดิ์ศรีแม้ว่าตอนต้นจะดูเหมือนมีอำนาจเพิ่มขึ้นก็ตาม แน่นอนเราทุกคนจะพึงพอใจที่มีคนมองเราในด้านบวก ไม่เป็นตัวตลก ไม่น่าเกลียด ไม่มองในแง่ของการจาบจ้วง ไม่มองอย่างหยาบคาย รูปร่างของมนุษย์มีความแตกต่างซึ่งความสวยงามควรจะมีอยู่ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเตี้ย ล่ำ คล้ำ สว่าง อวบอ้วน ทัศนะคติที่มีควรจะเป็นในแง่ของการห่วงใยปัญหาสุขภาพ ใช่เรากำลังพูดถึงลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายที่เต็มไปด้วยความเคารพซึ่งกันแหละกัน นี่คือสิ่งที่เราจะต้องท้าทาย และสร้างรูปแบบที่จะนำไปสู่ความเสมอภาคอย่างแท้จริง จาก ฝ่ายซ้ายเซ็กซี่ จ๊า. ปล. เปรื่องเดช เอ๊ย..ลองคิดสิว่าถ้าผู้ชายมองหญิง ควรมองอย่างไรถึงจะเป็นการมองในเชิงบวกและทำให้ผู้หญิงและผู้ชายเค้ามีศักดิ์ศรี? |