Skip to main content

จะแก หน้าเดิน

คอลัมน์/ชุมชน


รอยยิ้มในดวงตา


คุณยายท่านนี้ แกได้ชื่อว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัฒนธรรมและประเพณีเก่าๆ แก่ๆ ของชาวกะเหรี่ยงบ้านจะแก (กะเหรี่ยงโป) จ.กาญจนบุรี แกมาให้ข้อมูลเรื่องประเพณีเก่าเก็บที่กำลังจะสูญหายไปตามยุคตามวัย เมื่อถามถึงช่องว่างที่ห่างขึ้น ระหว่างการฟังเพลงค่ายแกรมมี่ของคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านยุคนี้ แกตอบอย่างคนเข้าใจโลกว่า "ก็ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรอกนะ แต่ไม่รู้จะไปห้ามมันยังไง" พร้อมรอยยิ้มปริ่มในดวงตาว่า ... ก็ไม่รู้จะห้ามมันอย่างไร ...


 


 



ฤาษี


หากสังเกตให้ดีคุณลุงที่ไว้หนวดเคราเฟิ้ม แกเป็นฤาษี (...ฤาษีบ้านจะแก...) จะมีผมกระจุกหนึ่งมัดปมเอาไว้บนศีรษะ แกจะเป็นฤาษีตนสุดท้ายของยุคหรือไม่ เรื่องนี้ไม่สำคัญ เท่ากับว่า... เมื่อถามถึงความเชื่อถือเรื่องฤาษีที่กำลังจืดจางลงไปจากความรู้สึกของคนรุ่นใหม่ แกอิดเอื้อน หัวเราะ อย่างเห็นเป็นเรื่องขบขันและกระดากอายที่จะพูดถึง แต่กระนั้น แกยังคงไว้เครา ผูกผมเป็นปมบนศีรษะ เหมือนกับจะบอกว่า "เอาน่า ข้าขอเป็นฤาษีตนสุดท้ายแล้วกัน"


 


 



คนตัดอ้อย


จากค่าแรงเพียงวันละ 50 บาท เมื่อไถ่ถามเอาจากเจ้าของไร่ คงทำให้คุณน้าคนนี้มีชีวิตอย่างพอมีพอกินได้ภายในหมู่บ้าน (จะแก) จากที่เคย ทำไร่-ทำนา-เพียงเพื่อทำกิน เพื่อให้ครอบครัวได้มีกิน เพียงเพื่อให้มีกินได้ตลอดปี เวลาส่วนหนึ่งจะต้องออกมารับจ้างตัดอ้อย พืชเศรษฐกิจกระแสหลักที่สามารถเอาไปแปรรูปสร้างมูลค่าเป็นสินค้าหลากชนิดในตลาดโลก (โลกของคนที่กุมระบบตลาด)และสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับเจ้าของไร่ ...ซึ่งถือกันว่าเป็นเรื่องธรรมดาและยุติธรรมดีแล้วในโลกทุนนิยมเสรี


 


 



กิจกรรมยามค่ำคืน


ชีวิตหลังพระอาทิตย์ตกดินของคนจะแกเค้าจะมารวมกันที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน อาศัยกระแสไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์และหม้อแบตเตอร์รี่สองหม้อ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถนั่งชมรายการบันเทิงจากจอโทรทัศน์ ... ตู้สี่เหลี่ยมขนาด 21 นิ้ว ในบ้านผู้ใหญ่บ้านสามารถสร้างความเพลิดเพลินยามค่ำ เด็กๆ ในชุดเสื้อผ้าสีขาว คนเฒ่าคนแก่ คนวัยกลางคน คุณแม่ลูกอ่อนให้นมลูกระหว่างนั่งชมเรื่องราวชนิดใหม่ ..ละครหลังข่าว ฮิตจริงๆ ...


 


 



รำตง


เด็กๆ ในชุดเสื้อผ้าสีขาว มีลายทอเส้นสีแดงขวางตลอดตัว จากหัวไหล่ไปจนถึงแขนท่อนบน ชุดยาวสีขาวกรอมเท้า บางคนก็เปลี่ยนเป็นสีครีม สีครีมเข้มบ้าง บางคนมีสร้อยลูกปัดร้อยอยู่ที่คอ ผู้เฒ่าผู้แก่ที่เป็นผู้ฝึกเคาะกลอง เด็กๆ ก็เริ่มร่ายรำ เรียกว่า รำตง .. รำตงเป็นการร่ายรำประกอบจังหวะง่ายๆ มีการเคาะกลอง เคาะไม้ และร้องเพลงเป็นภาษากะเหรี่ยง (โป) ใช้เวลาร่ายรำยาวนานมากกว่าครึ่งชั่วโมงด้วยท่วงท่าแปลกตา ทั้งการฟ้อนเป็นแถว ฟ้อนเป็นกลุ่ม รอยยิ้ม เสียงหัวเราะประกอบเครื่องเคาะและสร้อยคอที่ปลิวไสว ถือเป็นหนึ่งในกระแสวัฒนธรรมที่สนุกสนานและคงจะสนุกสนานมากกว่านี้ในสมัยที่คนจะแกยังไม่รู้จักทีวี


 


 



ยามเช้า


ยามเช้า เด็กคนนี้ถูกพ่ออุ้มมานั่งบนขอนไม้หน้าบ้านผู้ใหญ่(บ้านจะแก) ที่ชัดเจน คือ แกคงจะยังไม่ได้อาบน้ำ เสื้อหนาวสีเขียวแถบแดง มองเห็นขนขึ้นเป็นขุย ซึ่งช่วยให้ความอบอุ่นในคืนอันแสนหนาวที่ผ่านมา ขณะที่ถ่าย แกนิ่ง และหันมามองจับจ้องเลนส์ไม่วางตา เหมือนกับจะถามว่า


"หมอนี่ ทำอะไรของมันฟะ"