Skip to main content

มาจากไหนจะไปไหน ฟ้าดินใดใครเล่าเขาลิขิต (2)


 


21


ความเป็นคนของเราก็เท่านี้


ทำดีมั่งชั่วมั่งสั่งสมไว้


เมื่อถึงคราวบุญบาปมาคาบไป


ต้องชดใช้ตามราคาค่ากรรมเวร


           


            22


ในโลกที่เป็นจริงมีสิ่งคู่


ดำรงอยู่ให้เห็นได้และไม่เห็น


มีสูงต่ำดำขาวมีหนาวเย็น


มีร้อนเร้นมีเป็นตายมีร้ายดี


 


            23


มีสันติมีวิวาทมีบาดหมาง


มีเวิ้งว้างมีขุ่นเข้มมีเต็มปรี่


มีความรักมีความเกลียดเหยียดย่ำยี


มีมั่งมี-มีลำบากมียากจน


 


            24


มีเผด็จการมีเสรีมีนายทาส


มีอำนาจมีกดขี่มีปี้ป่น


มีนายรัฐไพร่ฟ้าประชาชน


มีเบื้องบนมีเบื้องล่างไม่ว่างวาย


 


25


มีความงามมีความอัปลักษณ์


มีจงรักภักดีมีแหนงหน่าย


มีก่อเกิดมียับแยกแตกทะลาย


มีเวียนว่ายมีหลุดพ้นล้นกรอบกรง


 


            26


มีความจริงมีมายาใส่หน้ากาก


มีพลัดพรากมีพานพบสบประสงค์


มีสร้างสรรค์มีรอนริดมีปลิดปลง


มีขึ้นลงมีแกล้วกล้ามีสามัญ


           


            27


สารพัดคู่ขัดแย้งแจงไม่หมด


เป็นเกณฑ์กฎเป็นคีมคีบคอยบีบคั้น


ให้ชีวิตต้องปรับดุลหมุนตามทัน


เพื่อยืนยันความรักตัวกลัวตาย


                       


            28


สุดยอดที่คู่ขัดแย้งอันแข็งเข้ม


คอยแทะเล็มกัดกร่อนเราเช้าจนสาย


ตกค่ำคืนยังครอบงำมากล้ำกราย


คอยซัดส่ายในยามหลับกับที่นอน


 


            29


คือทุกข์สุขหม่นไหม้ในใจเรา


เป็นดั่งเจ้ามายั่วหยอกมาหลอกหลอน


ไม่อาจสู้ฟันฟาดให้ขาดตอน


ไม่อาจทอนทำลายสิ้นสายใย


 


            30


ไม่มีตัวตนให้ได้จับต้อง


ไม่อาจมองไม่อาจเห็นเป็นไฉน


รู้แค่รู้เคียงคู่อยู่ในใจ


มาหรือไปมิอาจต้านทานได้เลย


 


            31


สลับเปลี่ยนเวียนกันรุกทุกขณะ


ไม่ลดละเลยสักนิดชีวิตเอ๋ย


ตราบชีวิตเป็นชีวิตแนบชิดเชย


คงสังเวยชีพให้มันจนวันลา


 


            32


ปรากฏส่อแสดงเหมือนแสงเงา


ไม่อาจเอาเพียงข้างใดไว้ใฝ่หา


เลือกข้างหนึ่งข้างหนึ่งชิดติดตามมา


เหมือนแสงจ้ากับเงาดำกระทำกัน


 


            33


ชอบเสพสุขเฝ้าเสาะแสวงสุข


ต้องยอมรับความทุกข์หลังสุขสันต์


ดั่งหลังจากดื่มเฮฮาสารพัน


รุ่งอีกวันต้องนอนครางแทบปางตาย


 


            34


ปุถุชนคนอย่างเราเมากิเลส             


เสียงพระเทศน์กล่อมเกลาเช้าจนสาย


เหมือนหยดน้ำร่วงหล่นบนผืนทราย


น่าเสียดายรสพระธรรมคำร่มเย็น


 


            35


เราเป็นได้แค่พิณไม่สิ้นเสียง


ต้องเทียบเคียงขึงสายซากอันยากเข็ญ


มิให้ตึงมิให้หย่อนอ่อนโอนเอน


ก่อนจักเล่นเพลงชีวิตอนิจจัง


 


            36


ไม่ทุกข์มากสุขมากจนอยากตาย


ประคองกายประคองใจให้ตรงตั้ง


อยู่ในเสียงสายกลางระวางระวัง


ดีดแล้วฟังเพราะล้วนก็ควรพอ


 


            37


ยามบรรเลงก็สดใสในแก้วหู


ยามก้องกู่ก็เพราะพริ้งเสียจริงหนอ


ยามหยุดเล่นก็เอมอิ่มปริ่มใจคอ


บรรเลงต่อก็ยังรื่นสดชื่นบาน


 


            38


สายพิณดีมีซุ่มเสียงอันเหมาะสม


ยามพร่างพรมกรีดนิ้วพลิ้วเพลงหวาน


เสียงทุกเสียงย่อมดังก้องกังวาน


สื่อวิญญาณอันอบอุ่นกรุ่นกำจาย


 


 


 


                                                                        5 กุมภาพันธ์ 2550


                                                                        กระท่อมทุ่งเสี้ยว สันป่าตอง เชียงใหม่