Skip to main content

ปอนปอนเพียงลำพัง กลางทุ่งโล่ง

คอลัมน์/ชุมชน

ปอนปอนเป็นเด็กแม่ทิ้ง ไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรสักอย่างเดียวในโลก แม้กระทั่งชื่อของตัวเอง  ปอนปอนมาจากเพลงรัก หัวใจปอนปอนที่กำลังดัง น้องพยาบาลขาร็อค หน้าหวานเป็นคนตั้งให้  พวกเราทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า ชื่อนี้  โดนที่สุด เพราะนอกจากปอนปอนผิวคล้ำจนเกือบดำปี๋แล้ว  หน้าตาของปอนปอนก็ไม่ได้ดึงดูดใจใครๆ สักเท่าใดเลย


 


เตียงของปอนปอนนั่นเล่า ซุกอยู่ตรงประตูหน้าห้องน้ำของตึก ซึ่งจะไม่กีดขวางทางเดินของใครเลย ง่ายที่เราจะมองไม่เห็น  เตียงลูกกรงนั่นก็เก่าคร่ำคร่าไปด้วยสนิม ขอบเตียงกระเทาะแล้วถูกทาสีซ้ำไปซ้ำมา นั่นก็เตียงโรงพยาบาล  ผ้าอ้อมก็มีตราโรงพยาบาลหราบอกโลโก้เชยๆ ที่ไม่มีใครอยากสวมใส่  แม้แจกฟรี ขาดรุ่งริ่งจนแทบไม่ต้องออกแรงดึง เสื้อและกางเกงก็ได้รับบริจาคมา  สีมันจาง  เก่าจนจำสีเดิมไม่ได้


รวมอยู่ที่ตัวปอนปอน


เด็กแม่ทิ้งตั้งแต่แรกเกิดในโรงพยาบาล


 


ปอนปอนเหมาะสมกับชื่อที่สุดแล้ว  สิ่งมีชีวิตที่ถูกลืมจากแม่ ตั้งแต่ยังไม่ลืมตา


พี่แก่ๆ บางคนเหนื่อยล้าจากงาน  ปอนปอนก็ร้องกวนตลอดเวลา  เราจะได้ยินเสียงพี่ตะโกนว่า  ปอนปอนไอ้เด็กแม่ทิ้ง พร้อมทำหน้าตาถมึงทึงใส่  น่าแปลกที่เด็กทารกร้องไห้หนักขึ้น  เหมือนจะรู้ความหมายว่าแม่ทิ้ง


 


ตึกสูติกรรมหลังคลอดส่งปอนปอนมานอนที่ตึกฉันด้วยอาการท้องเสีย เมื่ออายุได้ไม่กี่วัน หลังจากแม่คลอดแล้วอันตรธานหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย  เหมือนไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง


 


ปอนปอนมาถึงเตียงลูกกรงวันแรก  ถูกห่อมาในผ้าอ้อม ตาลึก หัวโต ร้องแผ่วๆ เหมือนลูกแมวอ่อนแรง  นอนเดียวดายเหมือนไม่มีชีวิตอยู่บนเตียงกว้าง พี่หัวหน้าตึกใจบุญนั่งเฝ้าด้วยหน้าตาทุกข์ร้อน  เหมือนตัวเองเป็นแม่  ป้อนนมป้อนน้ำ เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวอย่างไม่รังเกียจเดียดฉัน  เปลี่ยนผ้าอ้อมอุ้มกอดตลอดเวลา             


เมื่อตอนเย็นมาถึง  พี่หัวหน้ากลับบ้าน ปอนปอนนอนรอให้พวกเรามาอุ้มกอด  แต่ใช่ว่าพวกเราใจดำ  หนึ่งเวรหรือแปดชั่วโมงมีเพียงพยาบาล 2 คน  กับน้องสีเหลืองอีกหนึ่ง นอกจากจะรับมือกับเด็กป่วย 30 คนแล้ว  กิจกรรมที่ทำกับเด็ก  ต้องอาศัยเวลาทั้งสิ้น ป้อนยา ให้น้ำเกลือ ฉีดยา ให้อาหารทางสายยาง   ดูดเสมหะ  เปลี่ยนผ้าเปื้อนหรือปั๊มหัวใจช่วยชีวิต


 


ทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้พวกเราลืมดูแลเด็กชายปอนปอน  อย่างกับว่าซุกอยู่ในซอกที่ถูกลืมตลอดกาล


 


เสียงร้องขอนม ร้องเมื่อตัวเปียก ร้องให้กอด หรือร้องนานจนหมดแรงเงียบไปเอง ก็ยังไม่มีใครเข้าไปใกล้ชิดเขา  รอจนกว่าสงครามวุ่นวายประจำวันสงบลง  ฉันถึงจะเดินมายังเตียงลูกกรง ฉันเห็นปอนปอนหลับไปในผ้าอ้อมเปียกชุ่มน้ำตา มีทั้งกองฉี่และอึอยู่รวมกัน เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยรอยยุงกัด


 


วันต่อมา  พี่หัวหน้าตึกเย็บมุ้งมาฝาก   แต่ในบางวันที่ยุ่งเหยิง  พวกเราก็ยังลืมคลุมมุ้งให้   ยุงจึงเป็นเพื่อนที่เต็มใจอยู่กับปอนปอนตลอดเวลา


 


ถึงกระนั้นเขาก็ยังโตวันโตคืน  ผ่านคืนวันเดียวดายบนเตียงส่วนเกินที่ 31  โตขึ้นมากับผ้าอ้อมรองขวดนม  บางครั้งขวดนมหลุดออกจากปาก  ตกจากเตียง  กลิ้งคลุกๆๆไปอยู่ใต้เตียง  เขาร้องสุดเสียง จนเสียงแหบแห้ง  เนื้อสั่นไปทั้งตัว


 


จากนั้น ปอนปอนเกร็งไปหมดทั้งตัวเวลาร้องไห้ ฉันมักกอดเขาไว้แน่นเวลาที่เป็นอย่างนั้น  อ้อมกอดเท่านั้นทำให้เขาเงียบ


 


ต่อมา  เมื่อถึงเวลาหิว  เขากลายเป็นเด็กห่วงขวดนมอย่างที่สุด  ร้องไห้ทีไรก็เกร็งไปทั้งตัว  เพราะไม่มีใครคอยถือขวดนมให้   เขาใช้มือเล็กๆ มาจับขวดนมไว้แน่นได้เอง  ทั้งที่อายุไม่ถึงเดือน สองมือที่คว้าโอบขวดนมมากอดจนแน่น   เหมือนบอกว่าเจ้าขวดนมนี่แหละ เป็นสิ่งเดียวในโลกที่ฉันมี


 


ยิ่งโตขึ้น ดวงตาสีดำของเขายิ่งเวิ้งว้าง เหมือนทะเลไม่มีฝั่ง


 


ฉันไม่อาจทนเห็นแววตาอย่างนั้น  จึงอุ้มเขาลงเวรมาพร้อมกัน กลิ่นเหงื่อของเราสองคนคลุกเคล้า  มุ่งหน้าไปห้องเล็กๆของแฟลตสี่ชั้น  เปิดไฟทั้งคืนเพราะฉันรู้ว่าปอนปอนไม่เคยนอนที่ไหน นอกเหนือจากตึกที่ไม่เคยได้ปิดไฟ เวลาของเขาจึงเป็นกลางวันตลอด 


 


คืนนั้น เขาฉี่ทั่วเตียง


 


วันต่อๆ มา ดวงตาคู่นั้นทำให้ฉันเอ่ยปากฝากเขาไปนอนกับน้องในตึกบางคน  แม้ไม่บ่อย  แต่ยังดีกว่าปล่อยให้เขานอนหลับพับไปกับยุงบนตึก


 


ตอนเย็นของบางวัน เราพากันไปป้อนข้าวที่ร้านอาหารโต้รุ่ง ฉันและเพื่อน กอดเขาไปบนรถมอเตอร์ไซค์ เขาหลับตาปี๋เมื่อลมแรงผ่านหน้า  โลกในตาของเขาคงแปลกไป


 


วันเงินเดือนออก เราทำเก๋ไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านสวย ปอนปอนใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ หัวเราะร่าเริง และร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมเมื่อกลับมานอนที่เตียง


 


เขาโตวันโตคืน เหมือนวัชพืชที่โดนถอนทิ้ง ไม่มีใครต้องการแต่ก็ยังงอกงาม


ยิ่งโตขึ้น เขายิ่งคล้ำลง หน้าตาเขายิ่งชัดเจนขึ้น  ผมหยิก  แต่ดวงตากลมโตเศร้าคู่นั้น  ไม่เคยเปลี่ยน ยังเวิ้งว้างอยู่อย่างนั้น


 


ปอนปอนอยู่กับเรามาได้ปีกว่าแล้ว  เป็นลูกคนโปรดของพี่หัวหน้าตึก เป็นเด็กขี้อ้อนของพวกเรา  เดินไปทั่วเหมือนเป็นใหญ่ที่สุดในตึก ได้อภิสิทธิทุกอย่างเหนือเด็กป่วยคนอื่น  หมอซื้อของเล่นและขนมมาฝาก   พี่หัวหน้าตึกซื้อรถถีบคันเล็กมาให้ หน้าตาเศร้าๆ เขาจึงมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง


 


วันหนึ่ง มีคนมายืนดูปอนปอนนอนหลับ  เป็นสองสามีภรรยาที่ยังไม่มีลูก บังเอิญมาเยี่ยมญาติที่นอนป่วยในตึก  เขาเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถ เขายืนมองปอนปอนอยู่นาน คุยกันเบาๆสองคน แล้วเดินมาหาพี่หัวหน้าตึก  เขาเอ่ยปากขอปอนปอนไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ซักถามอยู่นาน จนเขาลากลับ และนัดหมายวันมารับตัว 


 


พี่หัวหน้าตึกแจ้งให้พวกเราทุกคนรู้ว่า ปอนปอนจะได้เป็นนายช่างใหญ่แล้ว ต่อไปอาจได้ซ่อมรถเก่าๆแก่ๆของพวกเราก็เป็นได้


 


อีกไม่กี่วัน เขาจะมารับตัวปอนปอนแล้ว  พวกเราหลายคนเริ่มหงอย  บางคนแอบร้องไห้ พี่หัวหน้าตึกกลับบ้านตอนค่ำทุกวันหลังป้อนข้าวปอนปอนแล้ว


 


ฉันจูงเขาไปที่แฟลต เรานอนกอดกัน  หลับไปด้วยกัน  อาบน้ำทาแป้งหอมๆใส่ชุดใหม่ไปเที่ยวข้างนอก    เขาส่งเสียงร่าเริงดังลั่น   ฉันกอดและหอมหัวเล็กๆหยิกๆครั้งแล้วครั้งเล่า  ไม่มีเวลาเหลือแล้วปอนปอนเอ๋ย  โลกอันกว้างใหญ่กำลังรับเธอไปพบเจออะไรบ้าง ฉันไม่รู้เลย


 


วันนั้นมาถึง หลังจากอยู่ด้วยกันทั้งวัน ฉันอาบน้ำให้เขา ประแป้งจนตัวหอมฟุ้งสวมเสื้อผ้าชุดใหม่เพิ่งซื้อเมื่อวาน หวีผมหยิกๆ  เขาดูน่ารักน่าชังเป็นที่สุด ฉันบรรจงวางเขาลงบนเตียงลูกกรง   เขากอดคอฉันไว้แน่นเช่นเคย ทุกคนในตึกไม่กล้าสบตากัน พี่หัวหน้าตึกก้มหน้า เสียงใครบางคนเริ่มร้องไห้ สองคนสามีภรรยามาถึง พยายามอุ้มปอนปอน เขาเบี่ยงตัวหนีและร้องไห้จ้า สองมือยื่นคว้ามาหาฉัน


 


ฉันหันหลังเดินจากมา  ในหูได้ยินเสียงร้องไห้ของเขาดังก้องมาตามทางกลับแฟลต                             


 


ลาก่อนปอนปอน โลกความเศร้าของเธอกำลังเปลี่ยนไป  ขอให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่ปอนปอนดั่งชื่อ ให้สองมือของเธอได้สร้างทำ ถมชีวิตที่มืดดำ สลัดความอาภัพที่ผ่านมาทิ้งไป  ให้เธอพบแสงสว่างไสว 


 

เธอจะยังอยู่ในใจของพวกเราทุกคนเสมอ   เด็กชายปอนปอน