เรื่องของ "แกะ" ที่ถูกตัดหางปล่อยวัด
คอลัมน์/ชุมชน
เดือนสามฟ้าสีครามสวยระบายไปทั่วฟ้า ลมทุ่งไกวต้นข้าวไหวเอนดูอ่อนโยนกว่าเดือนฤดูอื่น ที่ปักษ์ใต้ยังพอได้ยินเสียงปี่ซังข้าวอยู่บ้างในหมู่บ้านชนบทห่างไกล
สองอาทิตย์ก่อนผมกลับบ้านด้วยความเปลี่ยวร้างหัวใจสู่หมู่บ้านชนบทในอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ภาพปรากฏเบื้องหน้างดงามเหลือเกิน เป็นเช้าที่ทุ่งข้าวระบายด้วยสีทองสวยระยับไปทั้งทุ่ง วันนั้นเป็นวันเก็บข้าวของชาวนา
นาข้าวยับแบบภาคใต้
โชคดีเหลือเกินที่พบเจอบรรยากาศแบบปักษ์ใต้แท้ๆ แทบไม่น่าเชื่อที่ยังมี "แกะ" (เครื่องมือเกี่ยวข้าวทีละรวงแบบใต้) อยู่ในมือชาวนาที่บ้านผมอยู่บ้าง เพราะแท้จริงแล้วทุกวันนี้ชาวนาอาจไม่เห็นความสำคัญของ "แกะ" เครื่องมือเก็บข้าวแบบปักษ์ใต้แล้วก็เป็นได้
แกะ
คงไม่มีชาวใต้คนไหนที่ไม่รู้จัก ของ "แกะ" "แกะ" เครื่องมือเก็บข้าวของชาวนาภาคใต้ บางท้องถิ่นเช่นที่ ชุมพร สุราษฎร์ ฯ เรียกว่า "มัน" ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๒๕ เรียกว่า "แกระ" แต่ที่แน่นอนในพจนานุกรมภาษาถิ่นใต้ พ.ศ.๒๕๒๕ พูดถึง ของ "แกะ" ว่า เครื่องมือสำหรับเก็บข้าว
พูดถึงเรื่องความเป็นมาก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆ คือสืบทอดกันมาจนเป็นมรดกวัฒนธรรมถึงปัจจุบัน บางหลักฐานพบว่าชาวนาในอาณาจักรฟูนันโบราณก็มีเครื่องมือเกี่ยวข้าวที่ซ่อนคมไว้ ในมือเช่นเดียวกันนี้เหมือนกัน ทั้งนี้เพราะชาวฟูนันโบราณมีความเชื่อเรื่องเทพเจ้าที่สถิตอยู่ในผืนนาว่า หากเทพเจ้าที่สถิตอยู่ที่ผืนนาเห็นคมของเครื่องมือเกี่ยวข้าวชนิดนั้นก็จะตกใจ แล้วจะไม่อยู่คอยปกป้องผืนนาอีก กล่าวคือ เครื่องมือเกี่ยวข้าวของชาวนาในอาณาจักรฟูนันโบราณนั้นอาจมีลักษณะคล้าย "แกะ" ของชาวนาภาคใต้ก็เป็นได้
วิธีเก็บข้าวโดยใช้แกะ
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมชาวนาภาคใต้ถึงต้องเกี่ยวข้าวทีละรวงด้วย (ผมขอใช้คำว่า " เก็บข้าว" ดีกว่า เพราะจริง ๆ แล้ว "เก็บข้าว" อธิบายการเก็บทีละรวงได้ดีกว่าทั้งยังเป็นภาษาถิ่นที่ผมถนัดมากกว่าด้วย)
คำตอบนั้นอธิบายได้หลายความหมายและมุมมองครับ ที่สำคัญมากๆ เป็นเรื่องของความเชื่อว่าเพื่อแสดงความเคารพต่อแม่โพสพ (เช่นเดียวกับชาวนาโบราณของอาณาจักรฟูนันดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนแล้ว) ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าสำคัญมากทีเดียว ทั้งยังอธิบายได้จากบริบทของยุคสมัยซึ่งครั้งอดีตเป็นสังคมพึ่งพา พอเพียง ผลผลิตเก็บเกี่ยวจึงทำเพื่อการบริโภคเท่านั้น อีกยังเป็นเรื่องของลักษณะพันธุ์ข้าวพื้นถิ่นที่เป็นข้าว "นาลึก" (ข้าวท้องถิ่นภาคใต้เป็นข้าวพันธุ์ต้นสูงเพราะพื้นที่นาเป็นที่ลุ่มน้ำท่วมถึงในฤดูน้ำหลาก) เวลาสุกต้นจะ "ยับ" (ล้มราบกับพื้น) และมักสุกไม่พร้อมกันทั้ง "บิ้ง" (หมายถึงแปลงนา) การเก็บทีละรวงโดยใช้ "แกะ" จึงเป็นวิธีที่สะดวก อีกอย่างคือสะดวกแก่การเก็บรักษา ดูแลหลังการเก็บเกี่ยวแล้ว เป็นต้น
เก็บจนเต็มกำมือเพื่อมัดเป็นเลียง
มัดเป็นเลียงด้วยฟางควั่น
เป็นที่น่าเสียดายที่นับวันนี้ "แกะ" เหมือนจะหายไปจากชีวิตของชาวนาภาคใต้เสียแล้ว (อีกอย่างอาจเหมือนที่ชาวนาก็กำลังจะหายไปจากประเทศที่พูดกันว่าเป็นประเทศเกษตรกรรมที่คนกินข้าวเป็นอาหารหลักเสียด้วยซ้ำ)
ก็เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน คนเปลี่ยน วิถีจึงเปลี่ยน เมื่อชาวนาที่เหลืออยู่ของประเทศและภาคใต้) ปลูกข้าวเพื่อขายในยุคเร่งด่วน การเก็บทีละรวงจึงเป็นเหตุให้ไม่ทันเวลาซึ่งแรงคนจะหยัดสู้แรงของเครื่องจักรกลได้อย่างไรนั่นอาจเป็นคำตอบเรื่องการหายไปของ "แกะ" ก็เป็นได้
เด็กสาวในวันเก็บข้าว
อาจเป็นเรื่องยากที่จะพูดถึงเรื่องความเชื่อในคืนวันที่ความเชื่อคลอนแคลนลงทุกที เช่นวันนี้ที่รถจักรขนาดใหญ่แล่นอยู่ทั่ว "บิ้งนา" ของชาวใต้และของประเทศไปเสียแล้ว
ในวันแห่งความรักบนแผ่นดินเหนือทะเลสาบ-เกาะยอ
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐