Skip to main content

ลูกหลานบ้านปากบาง ทวงคืนที่ดินวะกัฟแด่พระอัลเลาะห์

คอลัมน์/ชุมชน

เสียงใสของเด็กน้อยทั้งหญิงชาย ดังกังวานไปทั่วบ้านปากบาง เรียกความสนใจของผู้ใหญ่ ให้เข้ามาใกล้เวทีมากขึ้น ดวงหน้าของผู้ใหญ่ผู้เป็นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ของเด็ก ๆ ยิ้มแย้มด้วยความภาคภูมิใจ ในความกล้าหาญและความศรัทธาต่อพระอัลเลาะห์ของลูกหลานรุ่นเยาว์


 



 


เกือบสิบปีแล้วที่ชาวบ้านตำบลสะกอมและตำบลตลิ่งชัน อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ร่วมกับพันธมิตร เช่น นักวิชาการ ๑,๔๐๐ กว่าคน สมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านภาคใต้ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ได้ยืนหยัดต่อสู้ คัดค้านโครงการท่อก๊าซไทย – มาเลเซียอย่างต่อเนื่อง โดยได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการต่างๆในวุฒิสภาชุดเลือกตั้ง ต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระบุว่าสัญญาระหว่างบริษัททรานส์ไทย – มาเลเซีย (TTM) กับไทยไม่เป็นธรรม ประเทศไทยเสียเปรียบ อีกทั้งการตั้งโรงงานแยกก๊าซและวางแนวท่อก๊าซจะนำมาซึ่งอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและวิถีชีวิตสงบสุขตามหลักการแห่งศาสนาอิสลาม


 


วันจันทร์ที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ เป็นอีกครั้งหนึ่งของการระดมพลังศรัทธาแห่งศาสนา ชาวบ้านปากบาง ตำบลสะกอม อำเภอจะนะ เป็นเจ้าภาพจัดเวทีทวงคืนที่ดินวะกัฟ เพื่อคัดค้านการออกพระราชกฤษฎีกา ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลตลิ่งชันและตำบลสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๔๙ โดยอดีตนายกทักษิณ เพียง ๑ เดือน ก่อนที่จะถูกปฏิรูปการปกครองให้หลุดจากอำนาจ


 



 


คำแถลงการณ์และเพลงที่เด็กขับร้องเป็นการเปิดเวทีภาคเช้า แสดงถึงความรัก ความผูกพันในธรรมชาติ ป่าพรุ ทะเล สัตว์น้ำ ป่าสันทราย ชายหาด ขอให้ผู้ใหญ่ในประเทศเปิดใจพิจารณาคำแถลงการณ์จากใจอันบริสุทธิ์ของเด็กๆ ดังนี้


 


"พวกเราเด็กปากบาง ที่เข้าค่ายศึกษาประวัติศาสตร์ของดีในชุมชน ทำให้พวกเราเกิดความภูมิใจต่อบรรพบุรุษ ที่มีความเข้มแข็ง ความสามัคคี ช่วยกันสร้างหมู่บ้านขึ้นมา และรักษาหมู่บ้าน รักษาศาสนา มาจนถึงรุ่นพวกเรา


 


แต่ขณะนี้ รัฐบาลได้เอาที่ดินวะกัฟ ไปให้ ปตท. ทำโรงแยกก๊าซ แล้วปล่อยน้ำเสียลงสู่ทะเล ทำให้สัตว์ทะเลเลือดร้อนไม่มีที่อยู่ ทำให้ชาวประมงออกทะเลได้ปลาน้อยลงมาก พวกเราลูกหลานก็เดือดร้อนด้วย


 


ดังนั้น พวกเราในฐานะลูกหลานคนบ้านปากบาง จึงขอคัดค้านรัฐบาล ไม่ให้เอาที่ดินวะกัฟของอัลเลาะห์ไป ขอให้พ่อ แม่ พี่น้องบ้านปากบางร่วมมือกันคัดค้านรัฐบาล อย่าให้เอาที่ดินวะกัฟไปทำโรงแยกก๊าซ มาร่วมกันทวงคืนที่ดินวะกัฟสู่อัลเลาะห์


 


พวกเรา ในฐานะเป็นลูกหลานคนบ้านปากบาง เราจะช่วยกันรักษาที่ดินวะกัฟตลอดไป"


 



 


เวทีเสวนาของผู้ใหญ่ผู้ห่วงใยอนาคตของชุมชน โดยผู้รู้ศาสนา คือ อุซตาดอับดุลรอ ซักหมีนยะลา ผู้รู้กฎหมาย คือ คุณแสงชัย  รัตนเสรีวงษ์ และทายาทของผู้วะกัฟที่ดินคือ นางรองกีเยาะ  มะเด นางฆ้อย  มะเด ได้ยืนยันเจตนารมณ์ว่า "เราจะปล่อยให้กฎหมายมาบังคับหลักศาสนาไม่ได้ ศาสนาต่างหากต้องบังคับใช้กฎหมาย บ้านเมืองจึงจะอยู่ในศีลธรรมและดำเนินไปอย่างสงบสุขได้"


 


"ที่ดินสาธารณประโยชน์ หมายถึง ทางวะกัฟ ซึ่งพี่น้องมุสลิมพยายามชี้แจงมาตลอดว่า เป็นการอุทิศเพื่อพระผู้เป็นเจ้า ให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยเจ้าของเดิมหรือผู้หนึ่งผู้ใด ก็ไม่มีสิทธิ์ครอบครองอีกต่อไป อีกทั้งไม่สามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยน โอน หรือเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้ จนกว่าจะถึงวันสิ้นโลก"


 


"ความพยายามทวงคืนของพี่น้องประชาชน ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บริษัท ทรานส์ ไทย – มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด เข้าไปครอบครอง โดยเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมรั้วปิดกั้น ส่งผลให้ประชาชนทั่วไปไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ดังเดิม แต่การแก้ปัญหาของรัฐบาลทักษิณกลับกลายเป็นการประกาศพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของที่ดินวะกัฟ ทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่อำเภอจะนะและพื้นที่ใกล้เคียง ต้องต่อสู้และสื่อสารให้สาธารณะได้รับรู้ความจริงอีกครั้ง โดยร่วมกันจัดงานรณรงค์ "หยุดกฎหมายเหยียบย่ำศาสนา ท้าสุรยุทธ นำตัว "จุฬา" มาสบถ!" เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๙ ณ บ้านใต้สะฆ้อ หมู่ที่ ๙ ตำบลสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เพื่อยืนยันให้รัฐบาลชุดปัจจุบันยกเลิก "พระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน" ฉบับดังกล่าว


 


"หลักการสำคัญข้อหนึ่งของศาสนาอิสลาม คือ มุสลิมทุกคนมีหน้าที่ปกป้องทรัพยากร สิ่งแวดล้อม เพราะผืนแผ่นดิน สิ่งมีชีวิตทั้งหมดนี้ อัลเลาะห์ ทรงประทานมา ก็เพื่อให้มนุษย์ใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิต ทำมาหากินจากทรัพยากรทั้งหลายอย่างพอเพียง แต่ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดเกิดความละโมบ แย่งชิงทรัพยากรของผู้อื่น มาเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เท่ากับผู้นั้นทำลายผืนแผ่นดินแห่งนี้ เท่ากับผู้นั้นทรยศต่อองค์อัลเลาะห์  มุสลิมต้องถือเป็นหน้าที่ ต้องถือเป็นหลักปฏิบัติตามบทบัญญัติอัลกุรอาน"


 


"ในการดำเนินชีวิต ต้องทำในสิ่งที่พระเจ้าใช้ให้ทำ ไม่ทำในสิ่งที่พระเจ้าห้าม หลักการนี้ย่อมไม่อาจไปกันได้กับแนวทางการพัฒนาตามโลกของทุนนิยมเสรีอย่างในปัจจุบัน ซึ่งถือเงินและอำนาจเป็นใหญ่ เอารัดเอาเปรียบผู้อ่อนแอกว่า ถือเอาผลประโยชน์ของตนและพวกพ้องเป็นที่ตั้ง แย่งชิงทรัพยากรและพยายามรื้อถอน วิถีดั้งเดิมของชุมชน"


 


"หลักการศาสนา คือ หลักการศักดิ์สิทธิ์ที่บัญญัติถึงสัจธรรมแห่งความถูกต้องดีงาม ที่มนุษย์พึงยึดถือปฏิบัติตามนั้น ไม่อาจถูกละเมิดหรือบิดเบือนไป ผู้มีอำนาจใดในรัฐก็ไม่มีสิทธิมาทำลายหรือบิดเบือนไป เพราะหลักศาสนาได้ยึดเหนี่ยวผู้คนไว้ด้วยศรัทธาที่มีต่ออำนาจแห่งความดีงามสูงสุด ที่มนุษย์พึงยำเกรงและละอายที่จะละเมิด เพียงเพื่อแลกกับเม็ดเงินหรืออำนาจหัวโขนเฉพาะหน้าในทางโลก"


 


เสร็จจากเวทีเสวนาภาคเช้าแล้ว ทุกคนได้รับเชิญให้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ดิฉันยังอิ่มข้าวยำกับกาแฟโบราณที่ร้านคนขายใจดีในหมู่บ้าน แต่ จูเดช ผู้เฒ่าวัย ๗๔  ที่ดิฉันเคารพนับถือ เรียกท่านว่า "คุณอา (จู)" พาไปนั่งที่โต๊ะยาว แล้วบอกด้วยเสียงเศร้าหมองว่า "มากินด้วยกันเถอะ วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่พวกเราจะได้กินอาหารธรรมชาติจากทะเลหน้าบ้าน ที่เลี้ยงชีวิตมานาน"


 


ปูม้านึ่ง กุ้งต้ม แกงเหลืองปลา ปลาทอด น้ำพริกกุ้งเคย ผักสด ผักลวก วางอยู่เต็มโต๊ะ ด้านหัวโต๊ะมีผู้นำศาสนานั่งอยู่ ๗ – ๘ คน ถัดมาเป็นกลุ่มแพทย์จากโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา นักศึกษาแพทย์ และกลุ่มผู้หญิงที่โพกผ้าฮิยาบสีสวยสดใส แม่บ้านช่วยแกะเนื้อปูให้แขกกิน เป็นภาพของชุมชนที่ร่ำรวยด้วยธรรมชาติและน้ำใจงาม


 


เวทีตอนบ่ายเข้มข้นด้วยความคิดของสองแพทย์ตัวแทนนักวิชาการ ที่ยืนหยัดต่อสู้เคียงคู่กับชาวบ้านตลอดมา เสนอว่าในระหว่างกระบวนการต่อสู้ ขอให้ชาวบ้านต่อสู้และพิสูจน์ว่าวิถีชีวิตพอเพียงเป็นจริงได้ ด้วยการปลูกข้าว ปลูกพืชผักทุกอย่างไว้กินเอง ตามแนวทางเกษตรอินทรีย์ ปลอดสารพิษควบคู่กับการทำประมงพื้นบ้านและการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งอย่างที่ได้ทำมาแล้ว


 



 


แม่ค้า ๓ – ๔ เจ้า มานั่งขายขนมจากกับข้าวเหนียวปิ้ง ราคาขาย ๔ อัน ๑๐ บาท มีเนื้อขนม(คือแป้งข้าวเหนียว มะพราวขูดกับน้ำตาล) ที่หอมหวานอยู่เต็มอิ่ม เศรษฐกิจพอเพียงของที่นี่ คือ การซื้อขายด้วยน้ำใจ มิใช่หวังกำไรสูงสุด


 



 


ก่อนที่ดิฉันจะลาจากมา ผู้นำศาสนาปรึกษาว่าอยากมีโอกาสเข้าพบ "บิ๊กบัง" (พลเอกสนธิ   บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ) เพื่อหารือเรื่องหลักการของศาสนาอิสลาม ที่ถูกกฎหมายบิดเบือน           


 


หวังว่าบิ๊กบังจะให้โอกาส เพื่อนำความหวังมาสู่ประชาชนสมดังคำประกาศปฏิรูปการปกครองที่ระบุว่า "เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาคอรัปชั่นในสมัยอดีตนายก ฯ ทักษิณ  ชินวัตร เพื่อทำให้บ้านเมืองมีความโปร่งใสและมีศีลธรรม รวมทั้งแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้"


 



 


ขอให้ความหวังของชาวสะกอมและตลิ่งชัน ได้ประสบความสำเร็จ เพื่อคืนชีวิตที่ร่มเย็นเป็นสุขกลับสู่ชุมชน เพื่อให้ชุมชนได้ตัดสินวิถีชีวิตของตนเอง โดยรัฐไม่เข้าไปแทรกแซง


 


โครงการใหญ่ ๆ ของรัฐและเอกชน ที่มุ่งสนองความต้องการใช้พลังงาน ที่นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามกระแสทุนนิยม ซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ควรให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมตามครรลองของประชาธิปไตย โครงการใดที่ประชาชนคัดค้านด้วยหลักศาสนาด้วยหลักสันติวิธี รัฐควรรับฟังและทบทวนที่มาของโครงการอย่างรอบด้าน


 


ขอให้รัฐบาลยุคคุณธรรมนำการเมืองของนายก ฯ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นำแสงสว่างแห่งความหวังมาสู่ประชาชนที่ถูกรังแกด้วยโครงการยักษ์ใหญ่ในรอบ ๕ ปีที่ผ่านมา ทั้งโครงการท่อก๊าซไทย – มาเลเซีย เขื่อนปากมูล ฯลฯ เพื่อสร้างความเป็นธรรม และสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว