Skip to main content

เสียวนำเข้า เร้ากลางกรุง

คอลัมน์/ชุมชน

คำเตือน: บทความนี้คนขวัญอ่อนห้ามอ่าน, เด็ก และ สตรีมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อน


ในมุมม่วง คุยเรื่องหนัก (ใจ) ไปบ้างแล้ว คราวนี้ถึงวาระคุย "เรื่องเสียว" บ้าง
ก็ช่วงนี้ เป็นช่วงที่ผู้เขียนได้รับรู้เรื่องเสียว ๆ หนาหูขึ้น


"อ๊ะ!" อย่าเพิ่งตีความคำว่า "เสียว" ไปในเชิงอนาจาร เพราะเสียวในที่นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศแต่อย่าใด
ทว่า ต้นเหตุเกิดจากผู้เขียนได้ชมรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง ที่นำเข้ามาจากต่างแดน เป็นรายการเกมโชว์ประเภทที่ท้าทายให้ผู้เข้าร่วมแข่งขัน บอกลาความกลัวแล้วหันหน้าเผชิญกับสถานการณ์หลุดโลก ซึ่งทีมงานออกปากว่าเป็นสถานการณ์ที่จัดตั้งขึ้นจากความเป็นมืออาชีพ ห้ามเลียนแบบ


เสียงจากคนรอบข้างที่ชมรายการดังกล่าว สะท้อนเข้าสู่หูผู้เขียนทำนองว่า
แปลก, ห่าม, บ้า บางเสียงถึงขั้นเปรยว่า น่าแขยง
ส่วนที่บอกว่ารายการดังกล่าวนำเสนอสถานการณ์น่าติดตาม ก็มี
ซึ่งผู้เขียนก็คิดต่อไปว่า สำหรับบ้านเราเมืองเราแล้ว สถานการณ์น่าหวาดเสียวต่าง ๆ จะมีคนเลือกเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่?


บังเอิญที่การตั้งคำถามของผู้เขียนถูกตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก็เมื่อผู้เขียนมีโอกาสได้ผ่านไปบริเวณสี่แยกใหญ่ของถนนที่เป็นย่านธุรกิจบันเทิงแห่งหนึ่งกลางใจเมืองกรุงเทพฯ เสียงกรีดร้องคละเคล้าไปกับเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มทำให้ผู้เขียนถึงกับอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วเมื่อเหลือบมองไปภาพที่เห็นยิ่งทำให้ตะลึงเพิ่ม ฝูงชนแออัดเบียดเสียดเยียดยัด พยายามให้ได้ผ่านประตูเข้าไปสู่บริเวณแห่งความหวาดเสียว แม้บริเวณดังกล่าวจะถูกนำเสนอว่าเป็นสวนสนุก ทว่าเครื่องจรรโลงความสนุกชนิดกระตุ้นให้เกิดความกลัว กระตุ้นให้ตื่นเต้น ฯลฯ ก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจเท่า "เครื่องกระตุ้นเสียว"


"แหม" ต้องขออภัยหากผู้เขียนเรียกเครื่องเล่นโลดโผน ด้วยภาษาที่โลดโผนประมาณกัน
ก็ผู้เขียนเห็นว่า ภาพของร่างกายที่ติดอยู่กับเครื่องเล่น แล้วกำลังถูกเหวี่ยงให้หกคะเมนตีลังกา เคว้งคว้างกลางเวหานั้น สร้างความหวาดเสียวให้แก่ผู้ที่ซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไปยืนชม รวมทั้งผู้สัญจรไปมาย่านนั้นไม่ใช่น้อย และผู้เขียนก็เชื่อว่าเจ้าของร่างกายที่กำลังตกอยู่ภายใต้อำนาจของผู้ควบคุมเครื่องจักรเหล่านั้น ก็คงเสียวสะท้านเกินคำบรรยาย


ผู้เขียนเองกลายเป็นอีกคนหนึ่งที่อดรนทนความอยากรู้อยากลองไม่ไหว และได้ผ่านเข้าไปในบริเวณแห่งความหวาดเสียว แล้วจึงเริ่มกวาดตามองหาความสนุกจากเครื่องกระตุ้นเสียวที่มีอยู่ดาษดื่นทั่วบริเวณ ผู้เขียนมองหาเครื่องบำบัดความ "อยากเสียว" และพยายามเลือกเฟ้นหาชนิดที่เหมาะกับสมรรถภาพของผู้เขียน กระทั่ง สะดุดใจที่หอคอยแห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถบรรทุกผู้เล่นประมาณ 15 ชีวิต ขึ้นสู่ความสูงราวตึก 5 ชั้น (ผู้เขียนประมาณเอาเท่าที่จำได้) และในเวลาอันสั้นก็ปล่อยร่างทั้งหมดลงสู่เบื้องล่างด้วยความรวดเร็วยิ่ง


หลังจากจ่ายค่าธรรมเนียมราคาแพงหูฉี่ ผู้เขียนก็มายืนรอคิว
และเฝ้าสังเกตการณ์ตลอดจนท่าทีของผู้เล่น ตั้งแต่เริ่มประจำตำแหน่งบนเครื่องเล่น, ขั้นตอนที่เครื่องจักรนำร่างเขาและเธอเหล่านั้นสู่ที่สูง, ขั้นของการหยุดค้างไว้กลางอากาศแล้วกล่าวท้าทายด้วยถ้อยคำที่ว่า "คุณพร้อมหรือยัง" (Are you ready?) ขั้นตอนการนับถอยหลัง -5- 4- 3- 2- 1-


กระทั่งปล่อยลงมาเกือบกระแทกพื้นดิน และสุดท้ายขั้นตอนที่เครื่องจักรได้ปลดปล่อยพันธนาการแล้วมีเสียงเอ่ยแสดงความยินดี (Congratulation!) ผู้เล่นทุกคนหอบร่างกายออกจากหอคอยด้วยเสียงกรีดร้อง หืดหอบ อ้ำอึ้ง พร่ำบ่น ฯลฯ


http://sanook.com


ภาพที่สังเกตการณ์ไว้ทั้งหมดถูกกลบทับด้วยเสียงเต้นของหัวใจ เมื่อถึงคิวที่ผู้เขียนต้องสัมพันธ์กับหอคอยแห่งนั้น สมาธิคือสิ่งที่ผู้เขียนพยายามจะให้เกิดเมื่อถูกแขวนอยู่บนระดับความสูงสุดยอดหอคอย ความรู้สึกของผู้เขียนว่างเปล่า ทันใดนั้นเพิ่งรู้สึกว่า ช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนหน้านี้จิตวิญญาณหลุดหายไป และกำลังแทรกกลับเข้าร่างช้า ๆ เมื่อเท้าเริ่มแตะพื้น เครื่องพันธนาการคลายออก เสียงกรีดร้องยังระงมอยู่แม้ว่าเครื่องจักรจะหยุดทำงานไปพักหนึ่งแล้ว ผู้เขียนเดินออกจากหอคอย ด้วยความรู้สึก ไม่ได้เดินด้วยสติ ไม่ได้มีความตระหนักรู้ใด ๆ สัมผัสได้แค่เพียงแรงกระแทกที่หัวไหล่โดยคนรอบข้างที่ผลัก-ดันให้ผู้เขียนเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ช้า ๆ เพื่อออกให้ห่างจากหอคอย


เมื่อจิต วิญญาณ และสติ คืนเข้าสู่ร่างหลังจากที่ปักหลักนิ่ง ๆ ครู่หนึ่ง ผู้เขียนตั้งคำถามกับตัวเองว่า

สนุกไหม? - - สนุก,
เสียวไหม? - - เสียวมาก,
แล้วได้อะไร? - - คำถามนี้ตอบทันทีไม่ได้


ความพยายามที่จะหาคำตอบให้กับกิจกรรมของ "เด็กแนว" ทำให้นึกไปถึงคำอธิบายของ "ผู้ใหญ่แนว" - -
"แนวหลังสมัยใหม่" อย่างเช่น จูดิตท์ บัตเลอร์ เอ่ยถามว่า
"ทำไมเราต้องมองการดำรงตนอยู่ในสังคม ว่าเป็น ชัยชนะ? ทำไม? ไม่มองว่า …ความหวาดระแวงต่อโครงครอบของวาทกรรม จนทำให้ตัดสินใจฆ่าตัวตายนั้น …เป็นเรื่องปกติ หรือ ทำไม ไม่ฆ่าตัวตายจนเป็นเรื่องปกติกันบ้าง?"


แม้จะเป็นการเอ่ยถามที่อาจจะสุดโต่งเกินไป หากใช้ทำความเข้าใจผู้ท้าทายความเสียวได้ดีพอสมควร
ก็สนุกบนความหวาดเสียว, เสียวจากความเสี่ยงตาย กันซะขนาดนั้น


ในชีวิตประจำวัน ถ้าลองได้ประสบสถานการณ์ชนิดร่วงดิ่งลงจากตึก 5 ชั้น หรือถูกสะบัดหลุดลอยเคว้งกลางอากาศ คงกลับมายืนอยู่และดำเนินชีวิตต่อไปได้ยาก


ดังนั้น ทั้งเครื่องเล่น และสถานการณ์ที่จัดตั้งขึ้นเป็นเกมโลดโผน จะว่าไปก็เหมือนคนเราพยายามหาช่องหลุดออกไปจากกรอบสังคมชั่วขณะหนึ่ง หรือไม่ก็ท้าทายต่อระบบคุณค่าที่กำหนดให้ประคับประคองตัวตนบนความหมายของการอยู่รอดจากความตาย


สำหรับผู้เล่น แค่หันหลังให้กับการตราหน้าว่า แปลก, ห่าม, บ้า, น่าแขยง ก็เรียกว่า เขาและเธอเหล่านั้นได้ท้าทาย ระบบระบอบไปข้อหนึ่งแล้ว แต่สำหรับบางคนที่เลือกเล่นเครื่องเล่นโลดโผนหลายชนิด ยังท้าทายเงินในกระเป๋าตัวเองด้วย เพราะการเล่นที่นี่ไม่ใช่เกม จึงไม่มีเงินรางวัล มีแต่ค่าใช้จ่าย


ผู้เขียนต้องขอยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์กิจการดังกล่าวแต่อย่างใด เห็นจากการประโคมโฆษณาทำให้รู้ว่าขณะนี้ธุรกิจสวนสนุกอย่างที่กล่าวไป เปิดตัวกลางกรุงเทพฯ ถึงสองแห่งด้วยกัน จึงอยากชวนคิดเล่น ๆ ว่า สถานการณ์หลุดโลกบนเครื่องกระตุ้นเสียวเหล่านี้ มีคนยืนต่อคิวจ่ายเงินเพื่อขอมีโอกาสหลุดโลกกันแน่นขนัด ภาวะสังคมเป็นอะไรไปหรือไม่อย่างไร ความเสียวจากกิจกรรมเสี่ยงตายจึงเป็นที่นิยมกันกลางกรุง


อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนขอยืนยันว่าเสียวหลุดโลกจริงๆ หนำซ้ำเสียวแล้ว ยังอยากเสียวอีกหลาย ๆ ครั้งด้วย เพราะลืมเรื่องยุ่ง ๆ ไปได้ขณะหนึ่ง


"อ้อ! ความเสียวมันดีอย่างงี้นี่เอง"