Skip to main content

Commandante

คอลัมน์/ชุมชน

โดย เปรื่องเดช  ผดุงครรภ์






"The rebel army is the people in uniform."


Camilo Cienfuegos


 


 


10 ปีก่อน ในคาบวิชาประวัติศาสตร์ ณ  โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง


 


"จากประวัติของจักรพรรดินโปเลียนมหาราชที่เราได้ศึกษามานี้ นักเรียนคิดว่าเราได้อะไรจากเรื่องนี้บ้างคะนักเรียน เอ้า! .. สุรยุทธ ลองตอบครูซิ!"


 


"เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า พระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่มีทรงพระปรีชาสามารถเพราะมีบุญญาธิการ เป็นที่รักใคร่ของทหารหาญและปวงชน เมื่อทรงปฏิบัติสิ่งใดก็จะประสบความสำเร็จครับ และกษัตริย์ที่โลกยกย่องว่ายิ่งใหญ่เท่านั้นถึงจะได้สมัญญานาม ‘มหาราช’ ต่อท้าย ครับผม"


 


"ดีมากจ๊ะ! เก่งมากสมแล้วที่เป็นหัวหน้าห้อง องค์ความรู้เธอดีมากอีกไม่นานเชื่อครูเธอต้องได้ดิบได้ดีเป็นเจ้าคนนายคน ...  คนต่อไป อืมม ...แล้วเปรื่องเดช ล่ะ! หลับตลอดคาบเลย วันนี้ได้อะไรบ้างเอ่ย?"


 


"แฮ่ๆ …  คือ …. เอ่อ….  ผมได้ว่า … ทำไมการที่คนๆ หนึ่งพาคนไปตายกับไปทำคนตายเป็นแสนเป็นล้านคนนั้น เขาถึงได้รับการยกย่อง? และที่เอาไปตายนั้นก็เพื่อทำให้เขากับญาติพี่น้องคนใกล้ชิดได้เสวยสุข แล้วมากล่อมเพื่อนร่วมชาติ เอาชาตินิยมมาปั่นหัวคนเล่น ทำไมประวัติศาสตร์ถึงได้ยกย่องนักหนา? … ทำไมน่ะเหรอครับ? ก็เพราะว่าโลกนี้มันบ้าระยำที่สุดไงครับ…"


 


"มั่วตลอดนะเรา ใช้คำหยาบด้วย เอ้า! วันนี้เปลี่ยนเป็นคาบรองเท้าผ้าใบบ้างนะ คาบแปรงลบกระดานมาหลายวันคงจะเบื่อ มาเร็ววว! ออกมาคาบหน้าห้องจนกว่าจะหมดคาบ.."


 


"เฮ้อ! ฉันล่ะเป็นห่วงกับอนาคตของเธอจริงๆ สงสัยคงได้เป็นแค่กรรมกรแบกหามนั่นแหละ"


 


และเขาก็เดินออกไปคาบรองเท้าผ้าใบอยู่หน้าห้อง เรียกเสียงหัวเราะเยาะเย้ยตลกโปกฮาได้จากเพื่อนๆ  สำหรับเขา ‘ไอ้คนโง่ คนไม่เอาถ่านประจำห้องเรียน’ 


 


นั่นคือความทรงจำอันแสนปวดร้าวของใครบางคน ...


 


000


 


10 ปีต่อมา หลังรถกระบะขนกรรมกรรับเหมาก่อสร้าง  ขณะที่กำลังแล่นบนท้องถนนแห่งหนึ่ง


 


"เฮ้ย ! ฟวย กูถามมึงจริงๆ เหอะว่ะ! อย่าโกรธกันด้วยนะ ชื่อฟวย ของมึงเนี๊ยะ! พ่อมึงตั้งให้ตอนเมารึเปล่าวะ? รึว่าความจริงพ่อมึงตั้ง ‘’ แล้วมึงไปดันเปลี่ยนเป็น ‘’ เอาเองวะ ถ้าพ่อมึงรู้เขาจะไม่โกรธมึงตายเลยหรือวะ?"  สมานตั้งคำถามซ้อนด้วยข้อสงสัยเชิงให้คำตอบนี้ขึ้นมาถามฟวย  เรียกเสียงฮาให้กับคนในรถ สมานชอบถามอะไรตรงๆ ขำๆ แบบนี้เสมอ


 


ฟวยยิ้มๆ ขยับแว่นตา ถอดเป้สะพายหลัง รูดซิบออก แล้วค่อยเอาแผ่นกระดาษที่เตรียมไว้ออกมาแจกทุกคนทีละแผ่นๆ


 


"พวกพี่จำได้ไหมพี่ วันนั้นผมเล่าถึงเรื่อง เช เกวาร่า " ฟวยบอกกล่าว


 


"เออ … ออกเสียงว่า ‘เกวาร่า’ ตามภาษาสเปน ไม่ใช่ ‘กูวาร่า’ อย่างที่คนไทยชอบออกเสียงตามอเมริกัน" พงษ์ท่องได้ขึ้นใจ


 


"แล้วก็คัสโตร  ที่มึงเล่าวันนั้น" ตุ่นเสริม


 


"แล้วนี่ใครวะ หนวดเคราเฟิ้มยังกะนักร้องเพลงเพื่อชีวิต"  พงษ์สงสัย


 


"คนนี้แหละพี่ ที่มาของชื่อเล่นผม ที่พ่อผมตั้งให้" ฟวยตอบ


 


"คา-มิ-โล่  เซียน-ฟวย-โก้" สมานค่อยๆสะกดทีละคำ


 


"มึงเล่าสิฟวย … อ่านอย่างเดียวมันไม่มีแสง สี เสียงประกอบ มึงเล่าสนุกดีว่ะ" พี่สมานยุให้ฟวยเล่า


 


"เอาล่ะพี่  เราต้องเท้าความไปหาเชกับคัสโตรกันก่อน ………………" ฟวยเริ่มเล่า ขณะที่รถกระบะแล่นไปเรื่อยๆ


 


 


000


 


ร้านคาราโอเกะเพิงหมาแหงนแห่งหนึ่ง


 


"เฮียบอกว่า น้ำมันขึ้นราคา อุปกรณ์แพงขึ้น เฮียขอลดค่าจ้างลง  เลยได้คนละ 2,500 แบบนี้แหละว่ะ! งานนี้" ตุ่นซึ่งอาวุโสที่สุดบอกกล่าวรุ่นน้อง ขณะที่มาผ่อนคลายด้วยการดื่มน้ำอกุศลกัน


 


"กูว่าเพราะรัฐบาลแย่ว่ะ!อะไรๆก็แพงขึ้น" สมานเสริม


 


"เฮ้ย ! มึงก็โทษเขาไปเรื่อย น้ำมันมันขึ้นทั้งโลก นู่นไอ้ OPEC ไอ้พวกอาหรับนู่นมันโก่งราคาน้ำมัน" พงษ์ ซึ่งแน่นอนเขากับสมาน ฝักฝ่ายคนละพรรคกันในสาระบบการเมืองไทย  ฟวยรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้ทั้งคู่แลกเปลี่ยนวาทศิลป์กันแบบนี้ คงได้เหมือนเมื่อคราวที่ต่อยกันเดือนที่แล้ว จึงชิงตัดบท


 


"ผมว่านะ เฮียก็คงไปบอกกับคนที่เฮียรับเหมามาว่าขอขึ้นราคาเหมือนกันแหละพี่  ขึ้นราคางานเพราะของขึ้น อะไรก็ขึ้นหมดยกเว้นค่าแรง เฮียสบายไปเพราะมีข้ออ้างเพิ่มราคาขายกับลดค่าจ้างส่วนต่างตรงนั้นไม่แน่นะมันอาจมากกว่าตอนน้ำมันถูกกว่านี้ก็ได้ – ไอ้คนขายอุปกรณ์ก็เอาของค้างสต็อกมาขึ้นราคากับเขาด้วย –ไอ้บริษัทผลิตมีเหรอที่มันจะไม่ได้ฟันกำไรเพิ่ม น้ำมันขึ้นน่ะ! รู้ก็รู้ว่าต้นทุนต้องเพิ่ม แต่มันไม่บอกเป็นสัดส่วนว่ามันต้องขึ้นเท่าไหร่ พนักงานในบริษัทผูกไทด์ใส่สูทเขายังไม่รู้เลย แล้วนับประสาอะไรกับกรรมกรอย่างเราที่จะรับรู้ข้อมูลจริง  ถ้ามันมีอะไรขึ้นราคาซักอย่างในระบบทุนนิยม คนที่ซวยก็พวกเรานี่แหละพี่" ฟวยพูดจบก็จิบเหล้า


 


"ฮว่า! … น้องจ๋า ไข่ปิ้งพี่ได้รึยัง"  ฟวยซู่ซ่ากับรสสุรา พลางทวงไข่ปิ้งจากสาวน้อย


 


"เดี๋ยวนะคะพี่"


 


"ต่อไอ้ฟวย มึงพูดต่อพวกกูกำลังฟัง" ตุ่นยุให้ฟวยพล่ามต่อ  สาวน้อยนำไข่ปิ้งมาเสิร์ฟ


 


"ต่อสิต่อ ฟวย" ตุ่นจิบเหล้าพลางยุให้ฟวยเล่าต่ออีกที


 


"ได้พี่ แต่ขอหมดแก้ว ล้างหัวเทปซักหน่อย เสียงไม่ค่อยดี" แล้วฟวยก็กระดกหมดแก้ว


 


"คือ พี่รู้มั๊ย? ท่านปรมาจารย์ คาร์ล มาร์กซ์ ได้บอกไว้ในคัมภีร์ว่าด้วยทุนอันเลื่องชื่อของท่านในเรื่องนี้ไว้ว่า "ไอ้คนงานอย่างเรา ถึงแม้นจะทำงานแทบตาย หยั่งไรเสียค่าแรงของเรามันก็จะไม่มากไปกว่าที่เราจะใช้เลี้ยงชีพเราไม่ให้อดตายแค่นั้น จะให้มากให้มายกว่านี้ไม่ได้ เดี๋ยวระบบทุนนิยมจะเสียศูนย์"


 


"อึ้ม! อันนี้กูเห็นด้วยว่ะฟวย" สมานชะงัก ชักแก้วออกมาจากปากจากการจิบ


 


"กูทำงานมาจะยี่สิบปีแล้ว บ้านก็ยังต้องเช่าเขา ซื้อได้แต่มอไซด์เก่าๆ คันเดียว ดูเฮียดิ .. เปลี่ยนรถเก๋งมาไม่รู้กี่คันแล้ว" สมานบ่นๆ กับชะตากรรมของเขา


 


"ฮึ่ม ! แม่งถ้าพวกเรารวมตัวกันหยุดงานทั้งประเทศซัก 2-3 วัน มันคงดูไม่จืดแน่ ประเทศไทย"


 


"ชนแก้ว ชนแก้ว" พงษ์บอกเพื่อนร่วมโต๊ะ


 


"แด่ท่านปรมาจารย์คาร์ล มาร์กซ์ และกรรมกรจงเจริญ" สี่คนประสานเสียง พร้อมด้วยการชนแก้ว


 


000


 


 


 ณ สถานที่ก่อสร้างบ้านแห่งหนึ่ง


 


"พี่ตุ่น ดูโน่นพี่ ไอ้ฟวยมันเดินไปหาเฮียพี่" สมานกระซิบกระซาบตุ่นขณะที่ช่วยกันเทซีเมนต์


 


"ตายห่าล่ะ!พี่ มันไปขอขึ้นค่าแรงแน่" สมานย้ำอีกครั้ง


 


"ลื้ออย่ามาหัวหมอกับอั๊ว ไอ้ห่าเอ๊ย! ถ้าลื้อไม่ทำคนอื่นที่เขาจะทำมีอีกเยอะแยะ" เสียงเฮียตะโกนโหวกเหวก ข่มทั้งฟวยและแกล้งทำให้คนอื่นได้ยินด้วย คือการข่มทุกคนนั่นแหละ


 


"นั่นไง บรรลัยแล้วไง" สมานอุทานพลางหันกลับไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง  ฟวยเองก็เดินซึมๆไปทำงานต่อ


 


"พวกลื้อไม่รู้หรอก ว่าอั๊วต้องแบกต้นทุนขนาดไหน อะไรๆก็ขึ้นราคาหมด เนี่ยถ้าพวกลื้อไม่ได้ทำงานนี้แล้วจะเอาเงินไหนไปเลี้ยงลูกเมีย พวกลื้อลองคิดดูให้ดี เศรษฐกิจตอนนี้มันก็แฟ่บ การงานหายากพวกลื้อก็รู้" เฮียเดินพร่ำสอนเหล่าคนงาน


 


"วันนี้เฮียเอาเหล้ามาเลี้ยงด้วย อยู่ตรงนี้นะ เฮียไปก่อนนะ แล้วก็อย่าคิดอะไรกันฟุ้งซ่านอีก" หลังจากตรวจหน้างานเสร็จเฮียก็ขึ้นรถยุโรปคันโก้ ไปทำธุระที่อื่นต่อ  พงษ์วิ่งไปดูเหล้าที่เฮียวางเอาไว้ให้


 


"โอ้โห! ใจดีชิบหาย เหล้าขาวด้วยวุ้ย! ถุ๊ย!" พงษ์กระแนะกระแหน ส่วนฟวยก็ยังซึมๆและทำงานต่อไปอย่างขะมักเขม้น


 


หลังจากเสร็จงานรับเหมานี้ ฟวยก็หายตัวไป


 


000


 


 


ร้านคาราโอเกะเพิงหมาแหงนแห่งเดิม


 


"ผมไปหามันที่ห้องเช่า ป้าเจ้าของห้องเช่าบอกว่ามันไปได้อาทิตย์หนึ่งแล้วพี่" สมานบอกกล่าวพี่ตุ่น


 


"แล้วมันคิดยังไงเอาเงินค่าจ้างของมันมาแบ่งให้เราหมด" สมานต่อ


 


"ตอนมันอยู่ กินเหล้ากันมันก็เลี้ยง ไม่ได้ห่วงปากท้องตัวเองเล้ย! ควักเอา ควักเอา" สมานพูดพลางจิบเหล้า


 


"ไอ้ฟวยท่าทางมันจะไม่ค่อยเต็ม" พงษ์พูด


 


"ท่าทางดูมันก็มีการศึกษาดีนะ ทำไมถึงได้มาเป็นคนงานก่อสร้าง…สงสัยจะหนีคดีอะไรซักอย่างมามั๊ง?" พงษ์เสริม


 


"แต่มันก็เป็นคนดี" ตุ่นพูด


 


"ใช่ พี่ใช่ คราวที่แล้วเมื่อลูกผมป่วย มันยังอาสาพาไปส่งโรงบาลเลยพี่ เงินทองอะไรมันออกให้หมด" พงษ์บอก


 


"ก็พ่อมันแฮงค์เหล้านี่ เลยลำบากคนอื่น" สมานกระแซะ


 


"อ้าวๆ ไอ้นี่ … กูไม่สบายต่างหาก วันนั้น" พงษ์แก้ตัว


 


"แล้วนี่มันฝากอะไรไว้ให้พี่เยอะแยะหละพี่ตุ่น" พงษ์เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน


 


"ก็พวกหนังสง หนังสืออะไรของมันนั่นแหละ" ตุ่นเปิดกระเป๋าเขี่ยๆดู


 


"พูดๆไป ก็คิดถึงมันว่ะพี่ ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันจะเป็นตายร้ายดียังไง"


 


"ถ้ามันอยู่ ตอนชนแก้ว เราจะประสานเสียงกันยังไงเอ่ย?" สมานบอกเพื่อนร่วมวง จากนั้นทุกคนก็ยกแก้วเหล้ามาประสานกัน


 


"แด่ท่านปรมาจารย์คาร์ล มาร์กซ์ และกรรมกรจงเจริญ  … และไอ้ฟวยขอให้มึงโชคดี" ประโยคสุดท้ายตุ่นเสริมลงไป


 


000


 


ณ หน้าสำนักงาน ‘ฮวดรับเหมา’


 


ตุ่นลงจากรถกระบะ เพื่อนๆคอยเป็นกำลังใจอยู่ข้างนอก เฮียซึ่งมองเห็นลอดกระจกหน้าสำนักงานออกมาเริ่มสงสัย  ตุ่นเปิดประตูเข้าไปในสำนักงาน


 


"อ้าว ตุ่นพวกลื้อมีธุระอะไรกัน?" เฮียถามตุ่น


 


"คือว่าพวกผมมาขอขึ้นค่าแรงครับเฮีย ถ้าเฮียไม่ขึ้นให้ พวกผมก็ออกกันหมดล่ะครับ"


 


จบประโยคเฮียฮวดกลืนน้ำลายดังเอื๊อก!


 


 


000


 


 


 


ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ก่อนเวลาเปิด 2 ชั่วโมง


 


"นิน ป้าถามเอ็งจริงๆเหอะว่า ตอนแม่เอ็งตั้งท้องเอ็งน่ะ! เขาดูนินจาฮัตโตริ หรือการ์ตูนนินจาอะไรมากไปรึเปล่าวะ เลยตั้งชื่อเอ็งว่านิน "  ป้าแมวถามนิน ขณะกำลังช่วยกันถูพื้นห้าง  นินหยุดชะงัก ควักกระดาษออกมาจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้ป้าแมว


 


"ป้า…ป้ารู้จัก ‘เลนิน’ รึเปล่า? แม่ผมตั้งชื่อตามเขา …. ม่ะ! ป้าถ้าไม่รู้จัก ถูไปพลางฟังผมเล่าเรื่องราวของเขาไป" 


 


"ที่รัสเซีย…………………………" จากนั้นนินก็ร่ายยาว


 


 


*** เรายังไม่สิ้นหวัง  นักปฏิวัติตัวเล็กๆ คงยังมีลมหายใจอยู่  ***


 


 


เรื่องสั้นเรื่องนี้อุทิศให้ ... Camilo Cienfuegos


นักปฏิวัติผู้ที่มิเคยหวั่นไหวต่อแรงพายุ


 


 






 



 


Camilo Cienfuegos ( 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1932 – 28 ตุลาคม ค.ศ. 1959)


 


หนึ่งในนักรบของประชาชนที่ร่วมในเหตุการณ์ปฏิวัติคิวบา ( Cuban Revolution ) ได้ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับ Fidel Castro, Che Guevara และ Raúl Castro โค่นเผด็จการ Fulgencio Batista เพื่อสถาปนาประเทศคิวบาให้เป็นรัฐสังคมนิยม  เขาสูญหายไปพร้อมกับเครื่องบิน ขณะปฏิบัติหน้าที่ให้กับประเทศคิวบา ... จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต เขายังคงยืนหยัดในฐานะนักรบของประชาชน.