เมืองสายรุ้ง (3)
คอลัมน์/ชุมชน
บ้านของสายรุ้งตั้งอยู่ในบริเวณชานเมืองใกล้เมืองหลวง ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีมีแต่เรือกสวนไร่นา แต่ปัจจุบันความเจริญทางวัตถุได้รุกคืบเข้ามาอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย ตาซึ่งมีอายุมากพอที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงบอกกับสายรุ้งว่า
"ตอนที่ตายังเล็ก แถวนี้มีสัตว์มากมาย มีงูเหลือมขนาดเท่าขาเลยล่ะ แต่ตอนนี้สัตว์หนีหมดแล้วเพราะมันไม่มีที่อยู่"
"มีเสือด้วยหรือเปล่า" สายรุ้งถาม
"เสือไม่มีหรอก เพราะแถวนี้ไม่ใช่ป่าใหญ่แต่ก็มีพวกกระจง เสือปลา รู้จักไหมเสือปลา ตัวลาย ๆ คล้ายแมว"
สายรุ้งสั่นหัว
"ตาเคยยิงได้ตัวหนึ่ง" ตาเล่าด้วยความภาคภูมิใจ ตาจะมีความสุขมากเมื่อพูดถึงเรื่องราวอดีตให้สายรุ้งหรือไม่ก็ให้เด่นฟัง และตาก็มักจะเล่าให้ฟังอยู่เสมอเมื่อมีโอกาสและเด็กทั้งสองก็ชอบฟัง
"ตอนนี้พวกบ้านจัดสรรเอย พวกโรงงานอุตสาหกรรมเอย เข้ามากว้านซื้อดินที่ราคาแพงมาก คนที่เคยอยู่เก่าก็พากันขายและย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมด คนรุ่นปู่เหลืออยู่ไม่มากแล้วล่ะ ถ้าไม่ตายก็ย้ายหนีกันหมด"
"ปู่ครับ พรุ่งนี้โรงเรียนปิด" สายรุ้งพูด "ผมกับเด่นจะไปตกปลาครับ ตาว่าตรงไหนที่มันมีปลาเยอะ" เขากับเด่นเตรียมตัวที่จะไปตกปลาหลายวันแล้ว
"อือ ไม่รู้สินะ" ปู่ทำท่าคิด "แล้วสายรุ้งบอกแม่หรือยัง"
"บอกแล้วครับ แม่ไม่ว่าอะไร แต่แม่ไม่ให้ผมลงไปในน้ำ แม่บอกว่าในน้ำอาจจะมีเชื้อโรค"
สายรุ้งและเด่นพากันไปขุดหาไส้เดือนสำหรับเอาเป็นเหยื่อตกปลา เด็กทั้งสองถือจอบเข้าไปในสวนหลังบ้านของตา เลือกตรงที่มีดินสีดำร่วนแล้วลงมือขุด
"ปลาช่อนมันชอบไส้เดือน" เด่นพูดไป ขุดไป
เมื่อเห็นว่าเด่นท่าทางจะเหนื่อย สายรุ้งก็พูดว่า "ให้ฉันช่วยขุด" สายรุ้งทำท่าจะคว้าจอบมาจากเด่น
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันขุดเอง" เด่นพูด "แม่ฉันสั่งไว้"
"สั่งว่าอะไร"
"เปล่า"
เด่นฟาดจอบลงไปอีกสองครั้งแล้วก็พบไส้เดือน "สีดำเป็นมันเลย ปลามันคงจะชอบแน่ ๆ"
เมื่อได้ไส้เดือนเพียงพอแล้วทั้งคู่ก็คว้าจักรยานคู่ใจของตนเอง แล้วก็ขี่ออกไป สายรุ้งและเด่นขี่จักรยานไปตามทางเลียบริมคลอง อากาศสดชื่นแต่น้ำในคลองสกปรกและเต็มไปด้วยขยะ มีทั้งขวดพลาสติก ขวดแก้ว กระดาษ เศษไม้ แม่จะบ่นให้สายรุ้งฟังอยู่เสมอเรื่องความสกปรกของลำคลอง
"แถวนี้คงไม่มีปลาหรอก" เด่นพูด "ทำไมคนชอบทิ้งขยะลงไปในคลองทั้ง ๆ ที่ครูที่โรงเรียนก็บอกแล้วว่ามันไม่ดี"
"พวกเขาคงไม่มีที่จะทิ้ง" สายรุ้งว่า
"ไม่จริงหรอก ที่ทิ้งขยะมีเยอะแยะไป แต่พวกเขามักง่ายต่างหาก ไป ไปหาที่อื่นกันเถอะ"
เด็กทั้งสองขี่จักรยานไปเรื่อยๆ เพื่อหาจุดเหมาะๆ สำหรับการนั่งตกปลา ขี่ไปจนถึงคุ้งน้ำซึ่งมีต้นก้ามปูใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาอยู่ร่มรื่น เด่นหยุดดูชั่วครู่ เขามองเห็นปลาโผล่ขึ้นมาบ้วนน้ำ
"ตรงนี้น่าจะใช้ได้" สายรุ้งเสนอ
เด่นเกี่ยวเหยื่อไส้เดือนอย่างชำนาญแล้วก็ขว้างสายเบ็ดออกไป สายรุ้งก็ทำเช่นเดียวกัน
"ทีนี้เราก็เพียงแต่รอ" สายรุ้งควักเอาขนมออกมากิน เขากับเด่นแวะซื้อขนมหลายถุงระหว่างทาง
ไม่ช้า ไม่นาน คันเบ็ดของเด่นก็กระตุก ผิวน้ำกระเพื่อมออกเป็นวง เด่นคว้าที่คันเบ็ดทันที
"ฮะ ฮ้า เสร็จฉันล่ะ" เขายกคันเบ็ดขึ้น มีปลาช่อนดิ้นสะบัดอยู่ไปมา ปากของมันติดกับตะขอเบ็ด ยิ่งสะบัดก็จะยิ่งเจ็บ ตอนที่เด่นปลดปลาออกจากตะขอนั้นมันก็สะบัดตัวอย่างเจ็บปวด สายรุ้งดีใจที่เด่นตกปลาได้แต่เขาก็รู้สึกแปลก ๆ
อันที่จริงแล้ว เขาจำได้ว่าแม่จะสอนอยู่เสมอเรื่องฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แม่บอกว่ามันเป็นบาปและบาปก็จะติดตัวไป
คันเบ็ดของสายรุ้งกระตุกเบา ๆ เขาจึงยกมันขึ้นดู ปรากฏว่าเหยื่อไส้เดือนถูกกินไปหมดแล้วแต่ไม่มีปลาติดเบ็ดของเขา สายรุ้งหันไปมองเด่น เด่นกำลังเพลินอยู่กับเบ็ดของเขา กลับไปเด่นคงจะอวดตาว่าเขาตกปลาได้
สายรุ้งปล่อยเบ็ดลง โดยไม่ได้เกี่ยวเหยื่อเข้าไปใหม่ เขาไม่ต้องการชีวิตของปลา.