Skip to main content

พาเม้าท์ชีวิตชาวเกย์

คอลัมน์/ชุมชน

 



ที่มาภาพ โดย ชาน่า: หาดเกย์ ที่เกาะ St.Thomas ,US Virgin Island





ความหลากหลาย จุดประกายทำให้เกิดบทความเรื่องเล่านี้ แด่ท่านผู้อ่านทั้งหลาย และแฟน ๆ ของประชาไท ก้าวไกลในเว็บทั้งเมืองไทยและขยายไกลไปทั่วโลก


  


การเปิดใจยอมรับ และเลือกอ่านเรื่องราวเหล่านี้ถือเป็นมุมมองอีกด้านหนึ่งของกลุ่มคนในสังคม ที่อาจจะเป็นใครคนใดคนหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลในชีวิตหรืออาจเป็นใครสักคนที่ปนอยู่ในครอบครัวของคุณก็เป็นได้ ใครจะรู้...


  


"ชาน่า" ได้รับการติดต่อจากพี่ที่ประชาไท ให้เปิดใจ ขยับขยายปาก เปิดฉากแห่งชีวิตของชาวเรา ชาวสีม่วง นามสตรีเหล็ก เรื่องราวทั้งหลายนี้เป็นเรื่องจริง หาอิงนิยายไม่


  


อยากขอแค่ ลองเปิดใจอ่านสักนิด แล้วคุณจะรู้จักชีวิต ชาวเรา ชาวสีม่วง หรือชาวสีรุ้ง ได้บ้าง 


ลองเริ่มต้น คำถามภาคพื้นฐาน ชาวบ้าน ๆ กันดีกว่าค่ะ...


  


ทำไมต้องเป็นเกย์  ?
เป็นคำถามที่หลายคน ข้องใจ แม้แต่ตัวคนเป็นเองก็ยัง งง กับคำตอบ หรือหาคำตอบได้ยากนะ กับคำถามง่าย แต่ตอบยากข้อนี้..


  


" เอ้อออ...นะ ทำไม  เพราะเหตุไฉน เยี่ยงไรรึ ข้าต้องมาเป็นเกย์  "


  
-กรรมพันธุ์ ร่างกายมีส่วนน้อยมาก จากการวิจัยที่ทำให้คน ๆ หนึ่งกลายพันธุ์เป็นกลุ่มรักร่วมเพศได้ แต่ก็มีส่วนบ้าง เพราะหากร่างกายที่เกิดมาหาสมส่วนไม่ อาจจะขาดตกบกพร่องมากไป น้อยไป ก็ทำให้จิตใจ เริ่มไขว้เขว อาทิ ตัวเล็ก หุ่นบาง ร่างหญิง "เป็นชายจริงนั่นยากไซร้ กลายเป็นเกย์เลยดีกว่า" ก็มีเหมือนกัน


  
-สิ่งแวดล้อม เป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมและปรุงแต่งให้จิตใจ ส่งผ่านต่อมทำงาน ได้แปลงร่างเป็นไอ้มดเกย์แดงแรงฤทธิ์ เป็นเกย์ และกลุ่มรักร่วมเพศได้โดยไม่รู้ตัว เช่นเด็กที่อยู่กับแม่ คลุกคลีกับพี่สาวน้องสาว จนทำให้เค้าคิดว่า เค้าจะต้องเป็นสาวให้ได้ในวันข้างหน้า   


 


พวกเค้าเหล่านั้นอาจจะขาดความอบอุ่นจากผู้ชาย ผู้ซึ่งเป็นพ่อ หรือพี่ชาย ใครสักคนที่ทำให้เค้าเข้มแข็ง ทำให้ฝังใจและพฤติกรรมนั้นก็เปลี่ยนไปโดยง่ายดายนัก  เรียกได้ว่า เป็นการปลูกฝังจิตใต้สำนึก ลึก ๆ ตั้งแต่เยาว์วัย..


แม้กระทั่ง สิ่งแวดล้อมที่มีชายมากเกินไป ทำให้เค้าได้รับการยอมรับจากชายด้วยกัน แสดงตนเป็นบทบาทของหญิง ดังจะเห็นได้จาก โรงเรียนชายล้วน ที่ทำให้พฤติกรรมของเค้าเหล่านั้นเปลี๊ยนไป๋ได้ง่ายนัก ก็แหม...จะเล่นละคร ก็หาใครแสดงเป็นนางเอกได้ ก็ให้ไม้ป่าเดียวกันนี่ล่ะทำหน้าที่แทน พอทำบ่อยเข้า ก็เกิดการได้หลังแล้วลืมหน้า อ้า..นะ(คิดเอาเอง)


 


นั่นคือสองเหตุผลหลักใหญ่ ๆ ที่ทำให้ใครคนหนึ่งเปลี๊ยนไป๋  กลายพันธุ์ ...


  


สำหรับส่วนตัวของชาน่าเองแล้ว ชาน่าต้องยอมรับว่า เป็นข้อสองค่ะ (ขออนุญาตกดสองก่อนนะคะ โดยไม่ต้องมีตัวช่วยค่ะ)


เพราะชาน่าเกิดมาในครอบครัวที่มีพี่สาวตั้งสามสาว  สาว สาว สาว ...แล้วชาน่าจะอยู่เป็นชายได้เยี่ยงไร ล่ะคะ โดยเฉพาะชาน่า เป็นลูกคนสุดท้องน้องสุด ซึ่งได้รับการเอาอกเอาใจ จากพ่อและแม่ รวมทั้งพี่สาว อย่างล้นเหลือ ตอนเป็นเด็ก ชอบดูหนังจักร ๆ วงศ์ ๆ จนต้องแอบไปแต่งหน้า สวมชุดไทย สไบ สวยด้วยผ้าลายใย ฉลุ เดินเฉิดฉาย ใส่มงกุฎ


ส่วนพ่อ ก็ไม่ค่อยได้อยู่กับชาน่ามากนักเพราะว่าพ่อเป็นคนสังคม ทำงานนอกบ้าน (หาได้โทษท่านไม่นา) ชีวิตในวัยเด็กจึงอยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เป็นเพศหญิงซะส่วนใหญ่


"จะโทษเขาไปทำไม ...ทำไม ไม่โทษ (มือกลอง)"


ชาน่าเคยคิดอยากมีพี่ชาย ที่ให้ความรัก และความอบอุ่น แต่พอเริ่มมีความรู้สึกทางเพศแล้ว ความรู้สึกนั้น มันกลายเป็นความต้องการด้านความรัก และการตอบสนองตัณหาทางเพศ  จนเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เราไขว่คว้า นั้นหาได้เพียงแค่ความอบอุ่นทางกายไม่ แต่จิตใจลึก ๆ แล้ว ...


"ก็เพราะว่าฉันนั้นเป็นผู้หญิง ที่ไม่อาจเปิดเผยความจริงข้างใน จึงต้องเก็บไว้ จึงต้องเก็บไว้ ลึก ๆ ในใจ"    


  


กว่าจะรู้ตัวอีกที  ก็สะกดคำว่า "สายเกินไป" ได้แล้วล่ะค่ะ
"เพิ่งจะรู้ว่า ตัวเองเป็นชาย ซะเมื่อไหร่ มันก็สายแล้วนั่น "......



ตอนที่เรียนอยู่ประถมหกนั้นก็จับพลัดจับผลู ไปเรียนโรงเรียนหญิงประจำจังหวัด เหนื่อยเอาการทีเดียว ... เพราะต้องแอ๊บแมน หรือเก๊กเป็นชายที่อยู่ในหัวใจหญิงตั้งนาน ผ่านวิกฤตินั้นไปได้ถือว่า แกร่งด้วยสมรรถนะ อย่างยิ่งยวดเลยก็ว่าได้


เกือบจะหลงผิด คิดว่าตัวเองเป็นได้หลากหลายรูปแบบชนิดมัลติมีเดีย หรือ พวกเสือไบ (คือร่วมเพศและรักได้ ทั้งชายและหญิง ยากยิ่งนักที่จะแบ่งแยก)


เพราะมีสาว ๆ ชะนี ตัวดีทั้งหลาย ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง  มาแอบชอบ และหลงรัก จนหัวใจเกือบจะไขว้เขว ..
"ไม่นา เราเป็นเกย์ จิตใจเราหาได้ต้องการเยี่ยงชายไม่   ชั้นหลอกคนอื่นได้ แต่ช้านนนน


ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ร๊อก.. ให้ตายสิ พระเจ้า  ชั้นเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริง ๆ เล้ยยยย"


สุดท้าย คนเราก็ต้องมีทางเลือก


คิดอยู่นานค่ะ ว่าจะเลือกเป็นไปทางสายไหน... 
"หากเป็นชาย แต่หัวใจหญิง อนาคต เราก็คงจะห้ามใจตัวเองไม่ได้ รุกไม่ด้ายยยย เอ้ย ไม่สิ…รับไม่ได้ ที่เห็นลูกเกิดมา แล้วรู้ว่าพ่อเป็นเกย์ หรือนิสัยเป็นผู้หญิงยิ่งกว่าแม่ หรือไม่ก็...ลูกกลุ้มใจไม่รู้จะเรียกว่าพ่อหรือแม่ดี"  (แบบนี้ก็มีเยอะ ในสังคม  ฮา ฮา )


"ไม่เป็นไรน่า...เป็นเกย์ได้ แต่อย่าให้ใครรู้ ท่องเอาไว้ในใจว่า ปกปิดเท่านั้น เพื่อหน้าตา และสังคมที่เค้ายอมรับกันว่าต้องเป็นชายพันธุ์แท้  เอ...แล้วจะแอ๊บแมนไปได้ซักกี่น้ำ ความลับไม่มีในโลก ต่อให้แสดงบทบาทเก๊กแมนได้ จะได้สักกี่เรื่องเชียว ไม่เอาดีกว่า....  "


  


สุดท้าย ได้คำตอบให้ตัวเองค่ะ
กับถนนสายนี้ ที่ตัวเองเลือกไว้ ...


  


"เดินทางไป ในถนนสายสีรุ้ง "


(สีรุ้ง หรือ เรนโบว์เป็นสัญลักษณ์ของชาวกลุ่มรักร่วมเพศ ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะไปมุมใดของโลก หากเห็นธงสีรุ้งนี้แล้ว มั่นใจได้ว่า ที่นั่นเค้าต้อนรับชาวเกย์อย่างเป็นทางการ  )


  


บางครั้งในเมืองไทย เราคิดว่า กลุ่มรักร่วมเพศนี้จะเป็นกลุ่มชาวสีม่วง เพราะอะไรรือ ...ส่วนหนึ่งเหตุผลหลัก คือ เป็นสีแห่งความอกหัก และผิดหวัง ต่อให้รักหวานปานใด  รักฌาปนกิจ หรือรักให้ตาย ยังไงก็ ...ผิดหวัง ดังเช่น "สมหญิง ดาวราย" ใน เพลิงสุดท้าย อุ๊ยยยย ไม่ใช่สิ เพลงสุดท้ายค่ะ


  


ด้วยสังคมและการยอมรับนั้นเป็นเรื่องใหญ่อยู่ในใจเสมอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการแสดงออก และการวางตัว เป็นอย่างมาก


แม้ทุกวันนี้ ชาน่าจะบอกกับตัวเองว่า เราเลือกที่จะเดินไปเส้นทางไหน แต่กับใครบางคน ชาน่าก็หาได้ แสดงตัวตนที่แท้จริงไม่ (เรียนการแสดงจากหนังเรื่อง มู่หลาน มาอย่างดีเชียวค่ะ)


  


คนแรก ที่บอกไม่ได้ และไม่อยากให้ท่านรู้คือ คุณพ่อ และคุณแม่


  


"แกไหน ๆ แกก็เลือกทางเดินสายนี้แล้ว ทำไมแกไม่บอกท่านไปวะ ว่าแกเป็นกะเทย"


"บ้าเหรอ  ช้านนนเป็นเกย์นะยะ เกย์มีหลายประเภทนะแก ลองไปศึกษาหาความรู้สาขาเพศศาสตร์มั่ง เผื่อจะรู้ทันโลกใบนี้กับเค้าบ้าง "



"แต่ฉันว่านะ คนเป็นพ่อเป็นแม่ เค้าต้องยอมรับได้ล่ะว่ะ"  เสียงเพื่อนคะยั้นคะยอให้ เปิดใจสารภาพ


"ยัยนี่ ชั้นไม่ได้เหมือนแกนะ ที่เดินร้อยเมตรพันเมตรก็รู้ว่า เป็นสาวสองเพศ วงเล็บไม่สวย แต่งหน้าทาปากกันคิ้วยังกะโค้งร้อยศพ เดินตูดบิด ล้อเบี้ยว"



"จ๊า แม่นักแสดงแห่งโลกมายา หลอกพ่อ หลอกแม่ เป็นบาปนะแก เปิด ๆ ไปเหอะ เผื่อจะได้คะแนนสงสาร เห็นอกเห็นใจ"



"ไม่ดีกว่า ขอแอบอยู่ แอบกิน อย่างนี้น่ะดีแล้ว ท่านจะได้ไม่เสียใจ อย่างน้อยความรู้สึก ท่านยังคิดว่ามีลูกชายคนเล็กในใจเสมอ  ชั้นรับไม่ได้ ที่จะต้องเห็นพ่อและแม่ชั้นมานั่งเสียใจ โทษตัวเองที่เลี้ยงลูกชายให้เป็นชายไม่ได้"



"แล้วแกจะปิดบังไปได้สักกี่เพลาจ๊ะ อิชั้นว่า พ่อแม่แกน่ะ รู้แล้ว แต่เค้าไม่กล้าถามเฉยๆ "


"อ้าาาาา... ยัยนี่รู้ดีกว่าพ่อแม่ช้านนนอีกนะยะ "


  


จะมีสักกี่ครอบครัว และกี่คนที่ยอมรับได้


ว่าเลี้ยงลูกชายแต่ดันได้หัวใจหญิงในร่างชายของลูก



แล้วถ้าหากผู้เป็นพ่อซึ่งเข้มงวด มีหน้ามีตาในสังคม หน้าที่การงานเป็นเยี่ยงกว่าทหารและตำรวจของชาติ ท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ที่รู้ว่ามีลูกชายคนเดียวแต่เป็นเกย์ ซะนี่..


หากจะมองในความรู้สึกของผู้ปกครอง ท่านจะให้เหตุผลเยี่ยงไร


  


"แม่บ่อซอบเลย ปู้จายอะหยั๋ง เกิดมาแต่แต่งตั๋ว เป๋นเหมือนแม่ยิ๋ง วันไปคัดเลือกทหาร ใส่นม ผมย๊าววว ยาว ส้นสูงยังกะอยู่ตึ๊ก จะอั้น"



"ฉันเลี้ยงเค้ามากับมือ หวังอยากให้สืบสกุล แต่ดันไปเป็นหญิง อ้อนแอ้น สะออน เฮ้อออ.. คิดแล้วกลุ้มใจแทนพ่อเค้า มันเป็นความผิดของแม่เองที่เลี้ยงลูกไม่ดี "


"ต่อให้ลูกจะเป็นอะไร เพศไหน แต่ขอให้ลูกเป็นคนดี แม่ก็ไม่ว่าอะไรจ๊า ลูกก็คือลูกของแม่อยู่เสมอ"


"งามหน้ามั้ยหละ ถ้าจะเป็นกะเทย ไม่ต้องมาเหยียบบ้านนี้อีกเป็นอันขาด !"


  


ชาน่าจึงต้องแสดงตนกลางวันครับ กลางคืนค่ะ อยู่เยี่ยงนี้ ไม่รู้อีกนานแค่ไหน
การตัดสินใจอยู่ห่างไกล จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ชาน่าต้องรอนแรม เร่ร่อน เพื่อหลบหลีกหนี


ความจริง ไม่อยากให้พ่อแม่รู้และปวดร้าว


  


"ทุกครั้งที่ชั้นจะกลับสู่ภูมิลำเนาบ้านนาสักห้าร้อยกิโลเมตร ชั้นจะต้องเก๊กแมน ยอมรับว่าเหนื่อยกาย เหนื่อยใจนะ แต่ทำไงได้"



"สักวันเหอะ แก พ่อแม่หล่อนจะใช้สัญญาณดักจับตุ๊ด เครื่องก็จะร้อง ตู๊ดดดดดด ตู๊ดดดด คราวนี้ล่ะเป็นเรื่องเลยแกเอ้ย"


 


 




ที่มาภาพ โดย ชาน่า : ร้าน Sex shop  จากเกาะ Antigua , Caribbean


 


 


ชาน่าทิ้งคราบชายหนุ่มบ้านนา สปาบ้านทุ่ง มุ่งก้าวเข้าสู่ความเป็นอินเตอร์
บอกลา อีพ่อ อีแม่ ไปเรียนต่อเมืองกรุง มาเป็นสาวจี๋ ขี้จุ๊ ที่กรุงเต๊บ กะเจ้า...
(ลึกๆ ในใจ ก็พร่ำบอกว่า...อยากจะไปแตกสาวตั้งนานแล้ว เพราะไม่อยากแตกสาวตอนแก่ อารมณ์แปรปรวน...)


  


"พี่จะไปจริงๆ เหรอ แล้วความรักของเราล่ะพี่" เสียงครวญของหญิงสาวที่เคยเป็นแฟนกับชาน่าสมัยเรียนมัธยมวอน..


ตอนนั้นชาน่านึกในใจ บ่นไปอย่างรำคาญ เสียเหลือเกินว่า…
"อีชะนีเอ้ย...มีหัวหามีสมองไม่ ชั้นน่ะเพศเดียวกะหล่อนนะยะ  ยังมาหลง เป็นฟงเป็นแฟน ที่ผ่านมาน่ะแสดงให้สมบทบาทแค่นั้น เอาชะนีมาบังหน้าเพื่อสังคมเท่านั้นหละ"



จากวันเป็นเดือน จากเดือนเลื่อนไปเป็นปี (ชาน่า) ไม่มาซักที พวกพ้องน้องพี่ ทุกคนสนเท่ห์ ทำให้ลานเทเมืองเหนือของชาน่าสะเทือน เรื่องแฟนเก่า แฟนฉัน วันวัยเรียนเหรอคะ ลืมไปว่าไม่รักกัน ปล่อยฉันไปเถอะ ...


  


ชาน่ากลับมานั่งคิดพิจารณาถึงวันเวลาที่ผ่านไป 
"แล้วจะมีชะนี (หญิงจริง) สักกี่คนที่เผลอตัว และเผลอใจให้กับชายที่ตนรัก โดยที่หารู้ไม่ว่า เค้านั่นล่ะ ตัวแย่งชาย กินชายเหมือนกัน"


"ทำยังไงดี ในเมื่อผัวช้านนนนมันหนีไปมีผัวใหม่ ทิ้งให้ชั้นกับลูก อยู่เป็นครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์อย่างนี้ เห้ออออออ เห่ออออ...."



กี่คำร่ำไห้จากหัวใจที่ล้มเหลว เมื่อคนที่คุณรัก มาค้นพบตัวเองภายหลังว่าเค้าเป็นเกย์


  


การเป็นเกย์ นั้นแยกออก หลายประเภทนัก  ซึ่งชาน่าขออธิบายง่าย ๆ แต่ได้ใจความว่า...


  


เกย์ออกสาว  หรือที่เรียกทั่วไป คือเกย์ควีน (แก่กว่าเกย์ปริ๊นเซสนิดหน่อย ) แยกอีก..


-ออกสาวแต่รุก เค้าเรียกว่า มอบศักดินา เป็นท่าน สอ สอ คือ สาวเสียบ (นะเจ้าคะ)
-ออกสาวรับได้อย่างเดียว ไม่รุก ถ้าจะลุก ก็คงแค่ลุกขึ้นมานั่ง (ขย่ม อิอิ..)


 


เกย์ไม่แสดงออก หรือแอ๊บแมน ชงเก๊ก  เรียกง่าย ๆ คือเกย์คิง


-แอ๊บแมนแต่รับ เป็นผู้ให้ (ทางประตูหลัง) หรือเรียกว่า พวกเกย์ก้ามปู พอถึงเวลาร่วมเพศ เป็นผู้ให้อย่างเดียว หาได้รุกสู้ไม่
-แอ๊บแมนถนัดรุก คู่ต่อสู้อย่างเดียว แต่ไม่ยอมเสียประตู (หลัง) เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียตัวทวารยังหวานอยู่ให้ใคร


  


เสือไบ คือพวกที่ร่วมเพศกับหญิงจริงได้ไม่ขาดตกบกพร่อง  ในขณะเดียวกันนั้นก็สนุกสนาน เมามันกับการร่วมเพศกับเพศเดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นคู่ขาที่แสดงออกหรือไม่ก็ตาม
แต่ (มีแต่ด้วยค่ะ) รายงานล่าสุด จากวงการว่า..เสือไบ นี้ มีสองประเภท (อีกแล้ว)
-เสือไบ รุก เป็นผู้ยิงประตู อย่างเดียว ยิงดะ ไม่ว่าจะเป็นชะนีหรือฮี (เขาผู้ช้าย ผู้ชายนะฮะ)
-เสือไบ รับ ตั้งรับกับคู่ต่อสู้ เป็นผู้ให้ (ใจและรูกว้างยิ่งกว่าถ้ำรถไฟ ตีลังกาม้วนหน้าสองรอบ ไป-กลับ) 


-เสือไบได้สองอย่าง…คือทั้งรุกและรับกับชายและหญิง  พวกนี้น่ะมั่วสุดๆ และขาดทักษะในการแยกแยะตัวเอง จะเรียกว่า จิ้งจกเปลี่ยนสีก็ได้ไม่ผิดกติกามารยาท


  


ประเภทสุดท้าย ง่ายสำหรับคุณ ในการมองเห็น คือเป็น กะเทย ไปเลย  ขึ้นชื่อเรียกว่า กะเทย คือรู้เลยว่า ไม่ปกปิดอำพรางชมพู พริ้งพรายทุกก้าวกราย และกระบวนท่าว่าเริ่ด ประเสริฐศรีมณีเด้ง เช้งวับ เออ ..สวย และงาม...(หน้า) ... รวมกันเป็นงามหน้า


ถ้าจะถามว่า  "แล้วกะเทยเนี่ย  รสนิยมทางเพศ เค้าแบบไหน"
ตอบได้เลยว่า เค้าจะชอบผู้ชาย (จริง ๆ ) เป็นอันดับต้นๆ  เพราะความรู้สึกนึกคิดของเค้า "หัวโปก ไร้นม อารมณ์เกินหญิง " จิตใจเค้าคิดว่า เป็นหญิงแล้ว เพียงแต่ สภาพร่างกายหาได้เอื้ออำนวยไม่ เท่านั้นเอง


บ้างก็ไปแปลงเพศ  ผ่าตัด ยันชี (หล่อน)  ยันฮี (เขาผู้ชาย) เข้าอู่ ซ่อมศูนย์ถ่วงล้อ  บ้างก็ตัดเจื๋อนให้เป็ด
จึงเป็นที่มาของคำว่า "เซ็งเป็ด" ที่ชายสามศอกหลายคน บ่นพึมพำ (ฮา ฮา)


 


                                                            0 0 0 0 0


 


การศึกษาและวิจัยกลุ่มรักร่วมเพศจากต่างประเทศนั้น เค้าถือว่า บางประเทศอย่าง สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมัน อเมริกาบางรัฐ สามารถแต่งงาน อยู่ร่วมกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีผลบังคับคุ้มครองเหมือน ชาย หญิงทั่วไป


  


รวมทั้งหลายสถาบันวิจัยมาแล้วว่า เกย์ นั้นไม่ได้เป็นความผิดพลาดทางจิต หากแต่สัตว์หลายประเภท ที่ค้นพบจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติ จะเป็นไรไปหากคนคือสัตว์ประเสริฐชนิดหนึ่ง มิใช่หรือ


แค่ข้องใจว่า ..
ทำไม เวลาเมืองไทย มีการคัดเลือกทหาร ถึงได้แจ้งและตราหน้าว่า เป็นพวกวิกลจริต หรือผิดปกติทางเพศ หาได้รับไว้เพื่อรับใช้ชาติไม่!?


อันที่จริงแล้วก็เป็นผลดีที่ชาวเราไม่ต้องแหกกระสุนดุ้นเบ่อเร้อ ไปไล่ยิงกระหน่ำ แต่คำตอบที่ได้ให้กับตัวเองว่า "เราเป็นพวกวิกลจริตทางเพศเชียวเหรอ!?"


แต่ชาน่า ได้รับการยกเว้นการคัดเลือกทหาร เพราะว่า ชาน่า เรียน รด…อย่างเป็นทางการ สามปีซ้อน ไม่แพ้กับตำแหน่งธิดา ถ้วยตราไก่ จากสถาบันโรงเรียนวัดระฆังเหง่งหง่าง (อย่าอ่านว่าแรด นะคะ  เค้าอ่านตัวย่อ ว่า รอ ดอ  อ้าว...และก็อย่าหมายความถึง รอ ..(กระ) ดอ ของผู้ชายนา...ฮา ฮา)


นั่นล่ะค่ะ อยากจะบอกนอกรอบว่า ชาน่าทำทุกอย่างที่ผู้ชายไทยคนหนึ่งพึงทำได้...ไม่ว่าจะบวช เรียน พากเพียรจนสิ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ชาน่าหาได้ทำไม่ คือการร่วมเพศกับชะนี เป็นภูมิแพ้กันค่ะ...


  


ความหลากหลายทางเพศในสังคม จึงทำให้เกิดอาการสับสนเป็นเยี่ยงนัก ซึ่งปกติ พวกนี้ก็เป็นพวกสับสนทางเพศกันอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอก้าวทันสถานการณ์ รู้ทันเกย์ ยิ่งปวดหัวไปกันใหญ่ค่ะ



ชาน่า เข้าใจในสังคมที่เราอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิง (ขอเรียกชะนี เป็นที่รู้กันนะคะ) หรือชายจริงสามศอก น้องดอก ดาวราย ชายในร่างหญิง หญิงในร่างชาย ที่เราจะพบเจอในโลกสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าใครจะเป็นใคร สถานภาพเยี่ยงไรในสังคม  พวกเราจะอยู่ร่วมกันได้หากพวกเราให้เกียรติซึ่งกันและกันในสังคม คิดสรรค์ทำแต่สิ่งที่ด