จากเด็กชายกลายเป็นนายจรเข้สตั๊ฟฟ์
คอลัมน์/ชุมชน
โดย บอย บ้า
คุณผู้อ่านที่อ่านเรื่องราวของผม ในที่หนแห่งนี้ขอให้มีความสุขสำราญใจ .. อดีตผมนั้นเป็นพวกมีบุคลิกภาพซับซ้อน อยู่บ้านจะทำตัวเข้มแข็ง พูดเก่ง เพื่อจะได้ให้แม่สบายใจ ไม่รู้ว่าลูกชายมีปมด้อยที่บ้านมีฐานะปานกลางแต่พ่อแม่ไม่รักกัน
ที่โรงเรียน ผมเป็นคนเงียบไม่ชอบพูดจา ออกจะว้าเหว่ อ่อนแอ กิจวัตรประจำวันเวลาพักเที่ยงของการเรียน คือผมชอบนั่งเหม่อลอยตรงสนามหญ้า ดูหมู่เมฆ เสาธงชาติ บางวันผมจะเพ่งจิตกำหนดสมาธิแน่วแน่เรียกลมให้พัด และเมื่อมีลมพัดสัมผัสกายผม ทำให้ผมคิดว่าตัวเองมีพลังจิต
และแล้ววันหนึ่งในความทรงจำ มีเพื่อนผมซึ่งผมจำไม่ได้ว่าไปทำอะไรให้มันโกรธ ขณะนั้นผมดูสนามหญ้าเขียวขจีที่เพื่อนกำลังเตะบอลกัน เพื่อนผมคนนั้นไม่รู้มาจากไหนเรียกชื่อผม ... ทันใดนั้นก้อนหินก้อนใหญ่ก็พุ่งใส่หัวผม มารู้สึกตัวอีกครั้ง ทุกอย่างเบลอๆ จำได้เลือนรางว่าซ้อนรถจักรยานยนต์คุณครูกลับมานอนซมที่บ้าน นั่นแหละชีวิตสมัยเรียนประถมของผม!
000
ชีวิตสมัยเรียนมัธยมที่ผมไม่ลืมเลือนอีกเช่นกัน เพราะเหตุการณ์เมื่อวันนั้นทำให้ผมได้รับบัตรประชาชน เป็นภาพที่ผมเห็นว่าตัวเองเป็นนายจระเข้สตั๊ฟฟ์ ... เสียงของเจ้าหน้าที่วันนั้นผมยังจำได้จนบัดนี้ เสียงนุ่มนวลแต่แฝงไว้ด้วยความหมาย " .. เด็กโง่กรอกรายละเอียดทำอะไรก็ผิด .." ".. นี่ๆ อยู่นิ่งทำตัวให้เหมือนสัตว์ถูกสตั๊ฟฟ์ไว้สิ .." ตามด้วยเสียงกดชัตเตอร์ แชะๆ
เด็กชายกลายเป็นนายจระเข้สตั๊ฟฟ์เป็นเรื่องราวของผม ...
เวลาว่างผมมักไปที่ท่าน้ำหน้าวัด วันนั้นเวลาประมาณเที่ยงตรงวันจันทร์ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2535 เมฆหมอกดำทะมึนสายฝนฟ้าร้องสร่างซา ดวงตะวันโผล่พ้นฉายแสงแรงกล้าประสานสายรุ้งงามระยับจับตา แสงอาทิตย์แทรกทะลุละอองฝอยฝนผ่านลงมา เป็นลำแสงหมอกค่อยจางลงสายรุ้งครึ่งวงกลมโค้งสดใส แสงอาทิตย์ยามเที่ยงสะท้อนหยาดฝน กระทบผิวน้ำเต้นระยิบระยับกระทบดวงตาของเด็กชาย เกิดอารมณ์จินตนาการณ์ทอประกายท่ามกลางความรู้สึกรื่นรมย์ใต้ต้นโพธิ์ ขณะนั้นเด็กชายนั่งคุยกับคุณลุงลึกลับ ซึ่งปรกติคุณลุงลึกลับจะมานั่งคนเดียวที่วัดนี้
แต่วันนั้นเด็กชายได้มีโอกาสฟังเรื่องเล่าตำนานชาละวันด้วยน้ำเสียงอันทรงมนตราว่า จังหวัดนี้มีตำนานจระเข้อยู่ในถ้ำใต้น้ำ เพราะมีคนที่เรียนเวทย์มนต์คาถาไสยศาสตร์สักร่างกาย ท่องมนต์แปลงกลายเป็นจระเข้ และลุงลึกลับได้ท่องมนต์ให้เด็กชายนั้นรับรู้ เป็นคาถาประจำตัว
หลังจากฟังคาถาสั้นๆ ไม่ซับซ้อนมาก เด็กชายนึกขึ้นได้ว่านัดอาจารย์ผู้บริหารโรงเรียนไว้ เด็กชายจึงบอกลาคุณลุงลึกลับว่าต้องพาเพื่อนไปหาอาจารย์ที่บ้านพักข้างวัด เขาเดินผ่านและส่งยิ้มให้กับหญิงที่ชาวบ้านบอกว่าเป็นบ้าที่นั่งอยู่หน้าโบสถ์ เขาเดินมาจนถึงรั้วบ้านอาจารย์
บ้านไม้สองชั้นท่ามกลางแสงแดดอ่อนสลับใบเขียวของต้นไม้บริเวณบ้าน เขาครุ่นคิดเรื่องราวชั่วขณะนั้น เด็กชายอยากจะเลื่อนห้องหลังจากที่สอบได้ห้องเรียนสายศิลป์ทั่วไปมาเป็นสายวิทย์ เขาต้องช่วยงานอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นการไปช่วยปลูกต้นกล้วยในโรงเรียนให้อาจารย์ได้ผลงาน วันนี้เขาได้ถูกเรียกใช้มาที่บ้านพักอาจารย์เพื่อให้ทำบัญชี แต่ด้วยความที่ไม่เก่งเลขผสมกับอยากเอาตัวรอดเขาจึงขอกับอาจารย์ว่า "อาจารย์ครับ แมนเพื่อนผมคิดเลขเก่งกว่าผมมาก ให้เขาทำบัญชีเถอะครับ" อาจารย์จึงตัดสินใจให้แมนมาทำบัญชี และบอกเด็กชายให้ทำความสะอาดห้องแทน เขาเข้ามากวาดพื้นในห้องของอาจารย์ พลางมองสภาพภายในห้องที่ประดับประดาด้วยถ้วยรองเท้าทองคำเป็นรางวัลของนักวิ่ง ภาพเกียรติยศจากการแข่งขันในสถานที่ต่างๆ โดยเวลานั้น อาจารย์เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ อาจารย์ออกจากห้องน้ำมานุ่งผ้าเช็ดตัว ลงนอนบนเตียงแล้วบ่นกับเด็กผู้ชายว่าเมื่อยอยากให้เด็กผู้ชายนวดตัว ทันใดนั้นเด็กผู้ชายฉุกคิดถึงเรื่องข่าวร่ำลือ ที่อาจารย์คนนี้ชอบทำอะไรกับเด็กนักเรียน แต่เขาตัดสินใจเอาเองว่ามันคงไม่เป็นความจริง เขาได้เข้าไปหาอาจารย์ที่นอนคว่ำบนเตียง จากนั้นเริ่มนวดตัว คุยเรื่องสัพเพเหระและถามจุดเมื่อยตรงไหน อาจารย์หลับตาพริ้มเสียงตอบรับเปี่ยมสุขกับการนวด เสียงนั้นอ่อนนุ่มนวลแหบพร่า "ใช่แล้วล่ะ ตรงนั้นอีกนิด "
อาจารย์สลับท่านอน เป็นนอนหงาย บอกไล่จุดเมื่อยไปเรื่อยๆ จนถึงขาหนีบ ระหว่างที่นวดจุดนี้เสียงอาจารย์เงียบลง หัวใจเขาเริ่มเต้นตึ้กๆ เหงื่อไหลย้อย ความคิดหลั่งไหลเข้ามามากมาย ความอยากรู้อยากลองดั่งต้องมนต์ดำ หรือว่าข่าวลือจะเป็นจริง ... และแล้วอาจารย์บอกให้นวดตรงนั้น ไอ้หนูของอาจารย์ อาจารย์ทำหน้านิ่ง เขารู้สึกหวาดกลัวหวั่นไหว เอามือปั้มตรงนั้นได้ไม่กี่ครั้ง อาจารย์ทำหน้านิ่ง
ทันใดนั้นเด็กผู้ชายผละออกมา และตัดสินใจผลักประตูออกนอกห้อง "กูอยู่ไม่ได้แล้วโว้ย!" เขาลนลานลงจากขั้นบันไดไม้ไปแทบจะหกล้ม "มันวิ่งหนีอะไรของมันวะ" แมนพึมพำ
เด็กผู้ชายนึกถึงวันทำบัตรประชาชนในวันพรุ่งนี้และตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขารู้สึกสับสนจึงท่องมนต์กลายร่างเป็นจระเข้วิ่งหนีไปอย่างไม่มีจุดหมาย ...
000
ที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้เป็นเรื่องราวที่ผมผ่านพ้นเดือนแห่งพฤษภาทมิฬปีนั้นมา ... ปัจจุบันผมคือนายจระเข้สตั๊ฟฟ์ที่ได้แต่นั่งพิมพ์เล่าเรื่องราวจืดชืดไม่รู้เรื่องให้คนอ่านผ่านทางอินเตอร์เน็ต ถึงแม้ว่าจะได้เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัย แต่ทว่าไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ ไม่คุ้มค่าชนชั้นกลางเชื้อสายจีนที่มีกิจการค้าขายจากทางบ้าน อุตส่าห์ทุ่มให้พระหลวงพ่อเงินเลี่ยมทองแก่อาจารย์คนนั้น แต่มันกลับไม่เป็นผลดี นายจระเข้สตั๊ฟฟ์รู้สึกไม่พอใจต่ออาจารย์ที่เป็นผู้ให้ความรู้ได้
ฟ้าสางแล้วความมืดลับจาง ดูรูปติดบัตรประชาชนยังเห็นรูปตัวเองเป็นจระเข้ที่สตั๊ฟฟ์เอาไว้ ผมเป็นชายพรหมจรรย์เหงาๆ ที่ไม่สามารถมีอะไรกับหญิงสาวได้ ตัดสินใจปิดกระทู้ในเว็บบอร์ด เปิดประตูห้องออกจากหอพัก เดินเข้ามหาวิทยาลัยหวังจะไปเรียน แต่เมื่อเห็นเด็กนักเรียน โรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยแล้วก็เปลี่ยนใจ เดินเลื่อนลอยโซซัดโซเซ แหงนมองท้องฟ้าทะลุแว่นสายตา ดูปุยเมฆขาวราวรูปคลื่นทะเล ปุยเมฆบางลูกดูดุจราวขุนเขา นายจระเข้สตั๊ฟฟ์แสวงหาสรวงสวรรค์ชั่วนิจนิรันดร.