Skip to main content

เทพมารสะท้านเมือง เรื่องขององค์จตุคามรามเทพ

คอลัมน์/ชุมชน


 


ความงมงายจ่ายด้วยเงินตรา  ความศรัทธาจ่ายด้วยจิตวิญญาณ


ถ้าจะว่ากันให้ขลัง คงต้องกล่าวว่า เหล่านักบวชกำลังร่ายมนต์คาถา ปลุกเสกวัตถุบางอย่างให้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์  เอ....หรือว่าท่านศักดิ์สิทธิ์แล้วโดยบารมี แต่ด้วยวาระแห่งการโปรดสัตว์ ท่านจึงต้องสำแดงฤทธิ์ผ่านพิธีกรรมให้ยิ่งศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปอีก


 


เสียงสวดมนต์ในอุโบสถกังวานก้องไปทั่วบริเวณวัด ด้วยเครื่องขยายเสียง ผู้คนเดินขวักไขว่ แต่ส่วนใหญ่นั่งสงบนิ่งพนมมือกุมด้ายสายสิญจน์ อยู่ในเต็นท์ปรำพิธี แม้อากาศยามบ่ายแก่ๆ จะร้อนระอุอ้าว แต่ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นน้อมโน้มเข้าสู่พิธีกรรม ความสงบนิ่งจึงแผ่ขยายไปทั่วบริเวณ


 


วัดเทพกุญชร เป็นวัดเล็กๆ ที่เคยสงบเงียบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมกรรมฐาน เพราะท่านเจ้าอาวาสให้ความสำคัญกับการเข้าปริวาสกรรมของอุบาสกอุบาสิกาปีละไม่น้อยกว่า 15 วัน ครูบาอาจารย์ที่ท่านนิมนต์มาสั่งสอนอบรมล้วนแล้วแต่เป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ละรอบปีอาจรองรับผู้สนใจการปฏิบัติได้ไม่มากนัก แต่อย่างน้อยชาววัดบางคนคงได้ลิ้มรสชาติ "ความสงบรำงับ" ไปบ้าง นับว่าเป็นกุศลแก่ชาวโลกแล้ว


 


แต่วันนี้ ที่นี่กลับกลายเป็นสถานที่ปลุกเสกสิ่งศักดิ์สิทธิ์นามจตุคามรามเทพ มีคนเดินเข้าออกวันละหลายร้อยคน


 


........


 


"พี่ไม่เคยได้ยินชื่อองค์พ่อจริงๆ เหรอ เรื่องนี้มาจากเมืองนครฯนั่นแหละ ผมน่ะโชคดีกับท่านหลายครั้งแล้วนะ" แล้วอะไรอีกเยอะแยะ ที่น้องชายต่างสายโลหิตเล่าให้ฟังทางสายโทรศัพท์ สรุปเป็นว่า เขากลายเป็นตัวแทนให้เช่าองค์จตุคามรามเทพไปแล้วคนหนึ่งในกรุงเทพฯ


 


.........


 


"หาจององค์จตุคามให้หน่อยสิ พี่ชายผมกับเพื่อนๆตำรวจ เขาอยากจะได้ไว้ป้องกันตัว" นั่นคืออีกเสียงจากทางไกล เมืองสุโขทัยโน่น


 


.........


 


"ไปจององค์จตุคามกันเถอะ เพื่อนที่กรุงเทพฯ อยากได้หลายคน"  พี่ชาย...ผู้ซึ่งไม่เคยสะสมพระเครื่อง เว้นเสียแต่มีคนรักชอบมอบให้เป็นที่ระลึก อุตส่าห์ขับรถมาไกลหลายร้อยกิโล เพื่อมาหาสิ่งนี้ไปฝากเพื่อนๆ ที่ผูกพัน วันนั้น เท่าที่รู้พี่ชายจ่ายไปหมื่นเศษๆ


 


ในใบสั่งจอง รายการ ที่ให้จอง มีหลายแบบ บางแบบ ราคาบูชา 500 บาท อันเป็นราคาสูงสุด จำนวนที่ปลุกเสก 500 เหรียญ หรือที่ราคาลดหลั่นลงมา จำนวนการผลิตก็เพิ่มมากขึ้น ที่เห็นราคาบูชา 19 บาท เป็นรูปใบมะขามเล็กๆ ผลิตและปลุกเสก จำนวน 10,000 เหรียญ


 


........


 


พี่สาวคนรอง เดินทางไกลมาจากอีสานแดนริมโขงเพื่อมาทำบุญครบรอบวันตายของพ่อ ประจวบเหมาะกับงานปลุกเสกนี้พอดี จึงเช่าไปหลายองค์ ท่าทางพี่ดีใจมาก เพราะการได้ของดีเป็นสิริมงคล มั่นใจได้ว่าไม่ปลอมแปลงกลับไปฝากญาติมิตร ย่อมน่าปิติยินดี และเธอยังบอกอีกว่า


 


"ก็น่าดีใจไม่ใช่หรือ ที่เงินนี้ เขาเอาไปสมทบสร้างโรงพยาบาลประจำกิ่งอำเภอของเรา ในนามกองทุนของพ่อท่านคล้าย" โรงพยาบาลหนึ่งโรง ความจำเป็นต้องใช้เงิน คงอยู่ในหลักหลายร้อยล้าน วัตถุประสงค์ของการสร้างองค์จตุคามรามเทพก็ฟังดูดีอยู่แล้ว น่าอนุโมทนา ส่วนจะเล็ดลอดไปอยู่ในมือของใครแบบไม่ถูกต้อง คนจ่ายเงินหาได้ติดใจจะคิดกังวลไม่ เพราะว่า ทำบุญด้วยใจเป็นกุศล ย่อมเกิดกุศล


 


.........


 


รอบตัวฉัน ไม่มีใครคิดจะค้ากำไรกับองค์จตุคามรามเทพ มีแต่จิตใจที่อิ่มเอมเมื่อนึกถึงว่าท่านคือความศักดิ์สิทธิ์ แล้วคำว่าความศักดิ์สิทธิ์ ที่เรารู้สึกถึงท่านนั้นอาจแตกต่างกัน แต่ใครเล่าจะบรรยายได้ นอกเรื่องเล่าในเชิงเหนือจริง ใครจะคิดว่าตนเองกำลังงมงาย ขณะที่กุมท่านไว้ในมือแล้วพนมขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับอธิษฐานจิตว่า "ขอบารมีของท่านจงคุ้มครองลูกด้วย" หรือแม้แต่ "สาธุ ขอให้ลูกร่ำรวยด้วยเถิด"


 


คนที่ปฏิเสธความศักดิ์สิทธิ์โดยมองว่างมงาย น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ชิมรสชาติของความศรัทธา เนื้อในของมันหอมหวานกว่าที่คาดเดา ส่วนคนที่มีปัญญามองว่าแม้แต่ศรัทธาก็ต้องวางลง  เพื่อเข้าสู่วิถีทางของพุทธที่แท้นั้น ต้องขออนุโมทนา


 


แต่ในระดับโลกียชน แค่รู้สึกว่าต้องทำดี เพื่อให้ได้ดี ก็นับว่าเป็นบุญของสังคมแล้ว


ศรัทธาจึงเป็นเพียงบันไดก้าวขึ้นไปสู่ปัญญา  ปัญญารู้เห็นหัวใจพระโพธิสัตว์ อันเต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาหาสิ่งใดประมาณมิได้


ฉะนี้แล้ว การกราบบูชาท่าน หากยังคงเรียกร้องเข้าหาตน ศรัทธานั้นจะเป็นกุศลได้อย่างไร


 


รอดูวันเวลาในอนาคต อาจมีเทพองค์ใหม่ๆ เมตตาสำแดงปาฏิหาริย์สะท้านเมืองกันอีก หากมารตัวเดิมยังคงอยู่ เห็นทีจะต้องกล่าวว่า


"ร้อยเทพพันเทวดาก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ หากไม่รู้จักมารที่อยู่ในใจตน"


 


อย่าได้หลงผิดพากันคาดหวังว่าที่ท่านปรากฏญาณในช่วงนี้ เพื่อกอบกู้สถานะอันย่ำแย่ของสังคม ก้มมองดูมือตัวเองกันดีกว่า ว่ากำลังกำอะไรอยู่