Skip to main content

กลุ่ม PCG : พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงและข่าวอันประเสริฐของพระเจ้า

คอลัมน์/ชุมชน

"เหตุนั้นเมื่อเราได้เป็นคนชอบธรรม


ด้วยความเชื่อเรานั้น เรามีสันติสุข
ซึ่งพระองค์ประทานแก่เรา
เพราะว่าความรักพระเจ้า
ทรงเข้าสู่จิตใจของเรา


ทางพระวิญญาณ


บริสุทธิ์ บริสุทธิ์
ซึ่งพระองค์ ....ประทานแก่เรา
"


 


 


1


 


หมอกควันหนาทึบปกคลุมไปทั่วเชียงราย ดูเป็นมลพิษทางอากาศที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะในหลายพื้นที่ของภาคเหนือได้ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่อันตรายเรียบร้อยแล้ว ทว่า เชียงรายเองก็ถือว่าน่าเป็นห่วงไม่น้อยเพราะหมอกควันเหล่านี้ได้ทำให้ไม่สามารถมีทัศนวิสัยที่จะมองเห็นหนทางได้ชัด โดยเฉพาะกับยวดยานพาหนะต่างๆ ที่สัญจรไปมาบนท้องถนน


 


ผมกับพี่ตูน (ประมวล โกวิทชัยวิวัฒน์) จัดโปรแกรมในปฏิทินงานสำหรับการลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับกลุ่มเยาวชนทำงานภายใต้โครงการเพิ่มเสียงเยาวชนลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งเป็นโครงการที่เครือข่ายเด็กและเยาวชนภาคเหนือตอนบน ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิพัฒนาเครือข่ายเอดส์ หรือเอดส์เน็ท ภาคเหนือ ในการทำงานเพื่อพัฒนาศักยภาพของเยาวชนและส่งเสริมให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในการทำงานเพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจในเรื่องเอดส์เพศศึกษา และนำไปสู่การลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในภาคเหนือ


 


โดยในจังหวัดเชียงราย มีกลุ่มเยาวชน จำนวน 5 กลุ่มเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ศูนย์เพื่อน้องหญิง , บ้านเพาะเพื่อน, กลุ่มยุวชนจำคาวตอง, เครือข่ายเยาวชนอีสานล้านนา  และกลุ่มพลังเพื่อการเปลี่ยนแปลง – ทั้ง 5 กลุ่มนี้ เราทั้งสองคนได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เข้าไปพบปะพูดคุย และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงานของแต่ละกลุ่ม ซึ่งการทำงานของแต่ละกลุ่มนั้น มีความแตกต่างกันไปตามศักยภาพและพื้นที่การทำงานที่ไม่เหมือนกัน


 


"กลุ่มพลังเพื่อการเปลี่ยนแปลง" เป็นกลุ่มเยาวชนกลุ่มหนึ่งที่มีเรื่องราวการทำงานที่น่าสนใจ ซึ่งผมอยากนำมาบอกเล่าให้เพื่อนๆ พี่ๆ ได้ร่วมติดตามและรู้จักกับกลุ่มเยาวชนกลุ่มนี้ เนื่องเพราะข่าวอันประเสริฐได้บังเกิดขึ้นในใจของผมอีกครั้งแล้วครับ


 


2


 


บ้านหลังใหญ่สูงประมาณสองชั้น ด้านล่างเป็นที่ทำงานสำหรับแกนนำกลุ่ม ส่วนด้านบนเป็นที่พักผ่อนของเยาวชนอาสาสมัครที่มาอยู่ในตัวเมืองเชียงราย, ผมกับพี่ตูนใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง นั่งสนทนากับแกนนำและอาสาสมัครของกลุ่ม


 



 


กลุ่มพลังเพื่อการเปลี่ยนแปลง หรือ ที่เรียกสั้นๆ ว่า กลุ่ม PCG (Power of Change Group) เป็นกลุ่มคนหนุ่มสาวที่รวมตัวกันทำกิจกรรมเพื่อชุมชนในพื้นที่ ต.ริมกก จ.เชียงราย โดย ชาญวิทย์ นามวงค์ หรือ พี่ใหญ่ เล่าให้ฟังว่า กลุ่มได้เริ่มต้นทำกิจกรรมในช่วงแรกเมื่อประมาณเจ็ดปีที่ผ่านมา โดยจะเป็นการแสดง ซึ่งจะแสดงทุกรูปแบบของ "อนุชน" ในงานต่างๆ ของคริสตจักร จนตอนนี้กลุ่มมีกิจกรรมที่ดำเนินในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นตามความต้องการของเยาวชนและสภาพปัญหาที่เยาวชนเผชิญอยู่


 



คนซ้ายสุดคือพี่ใหญ่


 


"ตอนนี้งานเน้นหลักๆ ของพวกพี่คือ เรื่องการค้ามนุษย์ สิทธิเด็ก งานเอดส์ และเผยแพร่ ประกาศพระเจ้าต่อคนที่ไม่เชื่อหรือไม่รู้จัก โดยนำสถานการณ์ปัญหาต่างๆ มาแทรกเข้ากับหลักของคริสตธรรม บางคนที่เราทำกิจกรรมด้วยแล้วเขาสนใจในพระเจ้า เราก็ให้ข้อมูล ให้ข่าว ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าแก่เขา ซึ่งในกลุ่มของเราบางคนก็เป็นลูกหลานของคริสเตียนมาตั้งแต่เกิด บางคนก็มาเปลี่ยนเอา ตอนที่ได้รู้เรื่องและศรัทธาในพระเจ้า"


 


พอฟังพี่ใหญ่เล่า ผมก็นึกถึงสมัยที่ยังเด็ก เพราะตอนที่อยู่ประมาณชั้น ป. 5 - ป.6 ผมเคยเป็นอนุชนคนหนึ่งของคริสตจักรและได้ทำกิจกรรมร่วมกับพี่ๆ หลายๆ คนในคริสตจักร โดยได้รับทุนการศึกษาจากคริสตจักร จนตอนนั้นคิดว่าจะได้เป็นคริสเตียนเสียแล้ว เพราะพ่อบุญธรรมของผมเป็นคริสเตียนมาก่อนที่จะได้แต่งงานใหม่กับแม่ เลยทำให้ผมได้มีโอกาสได้ทำกิจกรรมของอนุชนมาตั้งแต่นั้น  


 


จนพอไม่ได้มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของคริสตจักรประมาณ 2-3 ครั้ง เพราะต้องมาทำกิจกรรมกับศูนย์เพื่อน้องหญิง เลยทำให้ผู้ใหญ่ในคริสตจักรไม่ค่อยพอใจและตัดออกจากการเป็นนักเรียนทุนของคริสตจักรไป จึงทำให้ผมไม่ได้ทำกิจกรรมกับคริสตจักรตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา – พอเล่าเรื่องนี้ให้พี่ใหญ่ฟัง, พี่ใหญ่ก็บอกว่า อย่าคิดมาก เพราะอาจมีหลายอย่างที่ทำให้เขาตัดสินใจอย่างนั้น และไม่ควรคิดไม่ดีต่อพระเจ้า ถือว่าเราได้มีโอกาสรับใช้ท่านแล้ว


 


"เราได้มีโอกาสรับใช้ท่านแล้ว" – แม้ว่าตอนนี้ผมนับถือในพุทธศาสนา แต่ผมก็เชื่อว่าไม่ว่าเราจะอยู่หรือนับถือศาสนาใด ก็ไม่จำเป็นเท่ากับการตั้งตนเป็นคนดีที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่นหรือทำเพื่อผู้อื่นที่ด้อยโอกาสกว่า ซึ่งน่าจะเป็นหนทางที่ดีสำหรับผมในฐานะคนๆ หนึ่งที่อยู่ในสังคมนี้  


 



 


พี่ใหญ่แบ่งปันประสบการณ์เสริมว่า "การที่เรามีความแตกต่างจากคนอื่นๆ บางครั้งคนก็ไม่ค่อยยอมรับสักเท่าไหร่ อย่างตอนที่พวกพี่ใหญ่ทำกิจกรรมช่วงแรกๆ ที่ตอนนั้นใครหลายคนเรียกพวกพี่ว่า ‘กบฏ’ จนพวกพี่ต้องออกจากคริสตจักร เพราะผู้ใหญ่หลายคนไม่ยอมรับ และมองว่าทำอะไรเกินหน้าเกินตา แต่ปัจจุบันก็ได้รับการยอมรับและได้เข้ามาทำกิจกรรมในคริสตจักร…เราก็ไม่ถือเพราะว่าเราทำหน้าที่ในการประกาศข่าวอันประเสริฐของพระเจ้าแล้ว"


 


"ในช่วงเริ่มต้น คริสตจักรไม่ยอมรับในการคุยเรื่องเพศ แต่ว่าพวกพี่ต้องการเปลี่ยนทัศนคติ และเมื่อก่อนที่พี่เคยสอนในคัมภีร์ กับน้องคนหนึ่ง แต่พอไม่นานน้องคนนั้นก็เสียคน เราปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมของคริสเตียนน่ะดีอยู่แล้ว แต่ที่ขาดไป คือ ทักษะชีวิต จริงๆ"


 


ใช่ครับ, ผมเริ่มเห็นด้วยกับที่พี่ใหญ่พูด เพราะแม้ว่าจะไม่ใช่พระคัมภีร์ไบเบิล คือถึงจะเป็นหนังสือเรียน หรือหลักสูตรอะไรที่เขียนมาดีเลิศประเสริฐศรีเพียงใด ก็ไม่อาจนำไปปรับใช้กับชีวิตจริงๆ ได้ หากตัวหนังสือเหล่านั้นไม่ได้อธิบายให้สัมพันธ์หรือสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคน อย่างเช่นตัวอย่างของน้องที่พี่ใหญ่ยกขึ้นมาเล่า


 


3


 



 


ในวงสนทนาพี่ตูนถามถึงเป้าหมายหลักจริงๆ ในการทำงานของกลุ่ม PCG ซึ่งพี่ใหญ่แจงในทันใด "หลักจริงๆ คือเราอยากให้คนรู้จักพระเจ้า ไม่ได้อยากให้คนมาเปลี่ยนศาสนา แต่เราอยากให้เขาเลือกและตัดสินใจในข้อมูลที่เขาได้ อย่างเราคือมีภารกิจของคริสเตียนหลักๆ 4 อย่าง คือ หนึ่งเข้าโบสถ์ นมัสการพระเจ้า สองอ่านพระคัมภีร์ ศึกษาไบเบิล สามอธิษฐานต่อพระเจ้า และสี่ประกาศข่าวอันประเสริฐของพระเจ้า การที่เขาจะเปลี่ยนใจไม่ได้อยู่ที่เราแต่อยู่ที่พระเจ้า ซึ่งพระองค์จะเป็นคนนำเขาเอง โดยเราแค่ทำหน้าที่ของเราในการให้ข้อมูลคนนั้นๆ"


 


นอกจากนี้พี่ใหญ่ยังได้เล่าถึงช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจว่า จะเลือกหนทางในการทำกิจกรรมของตนอย่างไร "ครั้งหนึ่งพี่เคยได้รับการเป็นตัวเต็งเป็นประธานคริสเตียนของประเทศ แล้วก็ต้องทำกิจกรรมที่ส่วนกลาง แต่พี่เลือกที่จะทำในพื้นที่และทำงานเยาวชนต่อ เพราะคิดว่าส่วนกลางมีคนทำแล้ว แต่ในพื้นที่ยังไม่ค่อยมีคน จึงเลือกที่จะทำอย่างนี้"


 


หรือจะเป็นเมื่อครั้งที่ทีมงานทั้งหมด ต้องลงพื้นที่ไปทำกิจกรรมเรื่องสิทธิเด็กกับเด็กที่ได้รับผลกระทบและอาศัยอยู่ในพื้นที่ประสบภัยจากสึนามิ ซึ่งแม้ว่าไม่เคยไปภาคใต้มาก่อนและไม่รู้จักใครในพื้นที่เลย แต่ด้วยความที่อยากช่วยเหลือ เยียวยาจิตใจเด็กๆ รวมทั้งอยากพัฒนาทักษะของทีมงานในการทำงานด้านนี้ จึงตัดสินใจเดินทางจากเหนือสู่ใต้ไปทำกิจกรมกับเด็กๆ ประมาณ 6 เดือน


 



 


"ช่วงนั้นพอองค์กรทุนสนับสนุนงบในการทำงานพวกพี่ก็ดีใจและลงไปทำกิจกรรมในพื้นที่ ตอนนั้นไม่รู้จักใครเลย พอไปถึงก็เข้าไปในหมู่บ้าน ไปคุยกับชาวบ้าน และอยู่กินกับชาวบ้าน พอลงไป ปรากฏว่ามีปัญหาคืองบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนมีเหตุต้องได้รับช้ากว่ากำหนด เลยต้องจัดการโดยขอพักและหากินกับชาวบ้านเพื่อให้ทีมงานอยู่ในพื้นที่ได้ เพราะจะกลับเชียงรายก็คงจะเหนื่อยเกินไป และเสียโอกาสที่ได้ลงมาแล้ว ตอนนั้นก็เลยทำต่อไป ถือว่าเป็นงานหนึ่งที่ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง"  พี่ใหญ่กล่าว พร้อมชี้ไปที่รูปถ่ายที่ทีมงานถ่ายรูปด้วยกันที่เกาะแห่งหนึ่งในจังหวัดพังงา


 


แม้ว่าจะทำกิจกรรมมานาน แต่ปัญหาการทำงานก็ถือว่าไม่ค่อยมี เพราะปัจจุบันทีมงานทุกคนต่างผลัดเปลี่ยนกันมาทำงาน บางคนมีงานประจำ บางคนมีครอบครัว ก็ไม่ทิ้งกลุ่ม บางคนก็ส่งลูกหลานของตนมาทำกิจกรรมกับกลุ่ม ผลที่น่าสนใจคือ มีสมาชิกคนหนึ่งอยู่เพียงชั้น ป.4 แต่การแสดงออก การพูด หรือตัดสินใจเก่งเกินตัวจริงๆ ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของกลุ่มที่มีแกนนำรุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำงานเรื่อยๆ และมีตัวตายตัวแทนทดแทนกันได้ดีมากๆ


 


ส่วนสิ่งที่อยากทำต่อในอนาคต พี่ใหญ่พูดด้วยความมุ่งมั่น "อยากเสริมเรื่องการพัฒนาศักยภาพทีมงาน และอยากขยายพื้นที่ในการทำงาน จากเดิมที่พวกพี่ทำงานในพื้นที่ตำบลริมกกและโรงเรียนในบริเวณใกล้เคียง อีกอย่างก็มีการคุยกันว่าอยากเป็นมูลนิธิและมีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเต็มเวลา เพราะตอนนี้ทุกคนเป็นอาสาสมัครมาช่วยกันทำกิจกรรม และอยากมีโครงการหลักๆ ที่สามารถดูแลคนทำงานได้"


 


พี่ใหญ่ย้ำทิ้งท้ายก่อนจบการสนทนาว่า - เราเชื่อในพระเจ้า เชื่อว่าพระเจ้ารับรองทีมของเราและเราอยู่กับพระเจ้าตลอดเวลา เรายังมุ่งมั่นที่จะประกาศข่าวอันประเสริฐของพระเจ้าแก่ทุกๆ คน ตราบที่พวกเรายังมีลมหายใจอยู่